นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีมีภาพข่าวพบผู้ป่วยเลือดกำเดาไหลและเยื่อบุตาอักเสบมีเลือดออกในตา และให้ข้อมูลว่าเป็นผลกระทบจากฝุ่นPM 2.5 นั้น อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดกับบุคคลทั่วไป แต่อาจเกิดได้กับกลุ่มเสี่ยงในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น ภูมิแพ้ หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้จะไวต่อการเกิดโรค เมื่อสัมผัสฝุ่นจะไปกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ ส่งผลให้อักเสบมากขึ้นและทำให้เลือดฝอยบริเวณจมูกอักเสบแตกง่าย อย่างไรก็ตาม อาการเลือดกำเดาไหล และเลือดออกในเยื่อบุตา ยังมีเหตุอีกหลายปัจจัยที่ไม่ได้มาจากฝุ่น PM 2.5 เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ก.สาธารณสุขได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กทม. กรมควบคุมมลพิษ อย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพ สื่อสารแจ้งเตือนประชาชน พร้อมให้คำแนะนำปฏิบัติตนผ่านทุกช่องทางสื่อ จัดทำแนวทางดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงและจัดทีมปฏิบัติการลงพื้นที่ ตั้ง "คลินิกมลพิษ" ที่ รพ.นพรัตนราชธานี จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงดูแลตนเองเบื้องต้น โดยรับประทานยารักษาโรคประจำตัวอย่างเคร่งครัด เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้ง และรีบกลับเข้าอาคารทันทีเมื่อเสร็จธุระเตรียมยาฉุกเฉิน เช่น ยาพ่นขยายหลอดลมติดตัว หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่วิงเวียนศีรษะให้รีบพบแพทย์ทันที |