นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า ผลผลิตสับปะรดปีนี้มีมากทำให้ล้นตลาด จึงร่วมรณรงค์ส่งเสริมนำสับปะรดมาใช้ประโยชน์ ซึ่งสรรพคุณในตำรายาไทย รวมถึงผลวิจัยมีสรรพคุณทางยา คือ ขับปัสสาวะ ลดเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดบวม ช่วยบรรเทาท้องผูก แกนสับปะรดมีเอนไซม์บรอมีเลน ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อได้อย่างดี
ทั้งนี้ สับปะรด 100 กรัม ให้พลังงาน 50 กิโลแคลลอรี่ การรับประทานควรหั่นเนื้อและแกนกลางด้วย จะได้ประโยชน์สูงสุด ข้อควรระวัง 1. ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร 2. ไม่ควรรับประทานดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ข้อแนะนำ เพื่อป้องกันอาการแสบลิ้นจากการรับประทานสับปะรด หลังปอกเสร็จควรนำสับปะรดไปแช่ในน้ำเกลืออ่อน 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในปาก |