Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 10/11/2563 ]
เตือนอย่าประมาทสธ.ชี้มีโอกาสติดโควิดในปท.

 

          คัดกรองเข้มนทท.เข้าไทยเจอใหม่3กลับจากตปท.สหรัฐฯอ่วมระบาดรอบ3
          ศบค.พบผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่ 3 ราย มาจากเอธิโอเปีย-โอมาน สธ.แถลงไทยมีโอกาสพบติดเชื้อในปท.ได้ จากการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเมือง แต่ยืนยันระบบคัดกรองก่อนเปิดรับเข้มข้นตั้งแต่ก่อนออกจากปท.ต้นทางจนถึงไทย แจงนทท.วีซ่าพิเศษ 3 กลุ่มแรกที่เข้ามากักตัว เข้ม 5 มาตรการสาธารณสุข พร้อมเปิดรับกลุ่มลองสเตย์บ้างแล้ว ส่วนบอร์ดยุทธศาสตร์ชาติไฟเขียวแผนแม่บทสู้โควิด ก่อนชงเข้าครม. ด้านสหรัฐฯระบาดระลอก 3 ติดเชื้อพุ่งกว่า 10 ล. เมียนมารั้งที่ 3 ในอาเซียน ส่วนมาเลย์ยังไม่มีทีท่าจะสกัดไวรัสได้ สั่งปิดภาคเรียนเร็วกว่าปกติจนถึง ต้นเดือนธ.ค.ยับยั้งการระบาด
          เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,840 ราย หายป่วยแล้ว 3,661 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย  สำหรับผู้ป่วยใหม่ 3 รายนั้น เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine โดยมาจาก เอธิโอเปีย 2 ราย เป็นหญิง สัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 28 ปี และชายสัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 38 ปี  มาจากโอมาน 1 ราย เป็นชายสัญชาติโอมาน อายุ 36 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่รัฐ
          ป่วยใหม่3มาจากเอธิโอเปีย-โอมาน
          นพ.โสภณ  เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการ กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย ทุกรายเดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในโรงพยาบาลทางเลือก มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 7 ราย ทำให้ ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,661 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.94 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาในโรงพยาบาล 119 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 3.1 ของผู้ป่วยทั้งหมด ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย และผู้ป่วยสะสม 3,840 ราย
          เป็นไปได้ไทยพบติดเชื้อในปท.
          "ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ขณะนี้ ยังคงเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดังนั้น ไทยจึงมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในประเทศได้ เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในสังคม เช่น กรณีชายชาวอินเดีย ที่พบในจ.กระบี่ ต้องขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะชาวกระบี่ที่ไม่ตื่นตระหนกและให้ความสำคัญกับการป้องกันการระบาดตามมาตรฐาน สธ. เป็นวินัยที่ประชาชนควรปฏิบัติต่อเนื่อง ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ตามวิถี New Normal  โดยขอให้ทุกคนสังเกตตนเอง หากพบป่วย มีไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจ การรับรสและกลิ่นลดลง ให้ไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที" นพ.โสภณ กล่าว
          ยันตรวจเข้มนทท.ตปท.มาแล้ว3ลอต
          และว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว หนึ่งในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศนั้นเริ่มในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงใกล้เคียงไทย โดยมีมาตรการรองรับป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนเดินทางต้องมีใบรับรองตรวจ ไม่พบเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง นอกจากนี้ ระหว่างเดินทาง ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน เมื่อมาถึง จะมีระบบคัดกรอง กักกัน ตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามมาตรฐาน เพื่อให้พบผู้ที่อาจติดเชื้อเร็วที่สุด รวมถึงมีระบบติดตามขณะที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดสำหรับคนในประเทศ อีกประการสำคัญคือ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองที่ สธ.กำหนด ได้แก่ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย แม้ขณะนี้ จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ (long stay) เข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้
          นพ.โสภณกล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มแรกเดินทางเข้าไทย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 39 ราย ครบระยะเวลากักตัว 14 วัน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ  กลุ่มที่ 2 เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม จำนวน 138 ราย ครบระยะเวลากักตัว เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกัน ส่วน กลุ่มที่ 3 เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 84 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 โดยจะครบระยะเวลากักตัววันที่ 10 พฤศจิกายน
          บอร์ดยุทธศาสตร์ชาติไฟเขียวแผนสู้โควิด
          ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ปี 2564 - 65 ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งมีแนวคิดล้มแล้วลุกไว กำหนดเป้าหมายให้คนยังชีพอยู่ได้ มีงานทำ กลุ่มเปราะบางได้รับการดูแลทั่วถึง สร้างอาชีพและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และวางรากฐานรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จากนี้จะเสนอที่ประชุมครม.พิจารณาต่อไป
          ทั้งนี้ ในร่างแผนดังกล่าว มี 3 มิติการพัฒนาคือ พร้อมรับ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาประเทศ พร้อมมี 4 ประเด็นการพัฒนาที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษระยะ 2 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1.เสริมสร้างความเข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานรากในประเทศ ลดความเสี่ยงพึ่งพาต่างประเทศ 2.ยกระดับขีดความสามารถของประเทศ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน  ส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่มีโอกาสและศักยภาพภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงและบริบทโลกใหม่  3.พัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ พร้อมเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติ และ 4.ปรับปรุงพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศ
          หัวหินตรวจเข้มโรงงานป้องกันโควิด
          นายเจนวิท ผลิศักดิ์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอหัวหิน พร้อมฝ่ายความมั่นคงและทหาร มทบ.15 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อส.ร่วมตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าวในโรงงานสับปะรดกระป๋อง บริษัท ควอลิตี้ ไพน์แอปเปิล โปรดักส์ (QPP) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 222 หมู่ 3 บ้านหนองนกน้อย ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ผลตรวจพนักงาน 535 คน แยกเป็นคนไทย 236 คน พนักงานสัญชาติเมียนมา 299 คน ไม่พบผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โควิด-19 รวมถึงตรวจสอบสถานที่พักของแรงงานในโรงงานไม่พบผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือให้ที่พักพิงคนต่างด้าวผิดกฎหมาย ทั้งนี้ โรงงานมีมาตรการตรวจวัดไข้ มีเจลล้างมือ ที่ล้างมือให้บริการ และมีหน่วยปฐมพยาบาลประจำที่โรงงาน ทั้งนี้ เป็นการบูรณาการหลายหน่วยงานในการลงตรวจสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าว ค้นหาผู้เสี่ยงโรคและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งกำชับให้ดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุข กรณีพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการตามมาตรการที่ทางราชการกำหนด และหากพบว่ามีการจ้างแรงงานไม่ถูกต้องให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
          สหรัฐอ่วมระบาดระลอกสามทั้งปท.
          ด้านสถานการณ์ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทั่วโลกยังคงวิกฤติ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐฯกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เกิน 10 ล้านคน เพราะเกิดการระบาดระลอกสามทั้งประเทศ ทั้งนี้ สหรัฐมีผู้ป่วยใหม่มากเป็นประวัติการณ์ 131,420 คน มีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยช่วง 7 วันที่ผ่านมา วันละ 105,600 คน เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 29 มากกว่าอัตราเฉลี่ยรวมกันของอินเดียและฝรั่งเศส ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในเอเชียและยุโรปตามลำดับ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐมีกว่า 237,000 คน อัตราเสียชีวิตรายวันคิดเป็น 1 ในทุก 11 คนของผู้เสียชีวิตรายวันทั่วโลก
          เมียนมาตาย-ป่วยสะสมที่3อาเซียน
          ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของ เมียนมารายงานสถิติติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงว่า พบผู้ป่วยใหม่ 1,029 คน ส่งผลให้สถิติผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 61,337 คน แซงสิงคโปร์ขึ้นเป็นประเทศที่มีสถิติผู้ป่วยจากโรคดังกล่าวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ขณะที่สถิติสะสมของผู้หายป่วยมีอย่างน้อย 45,756 คน ผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิด-19 ในเมียนมาเป็นอย่างน้อย 1,420 คน เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ สถานการณ์ระบาดระลอกสองในเมียนมา เกิดขึ้น เมื่อพบผู้ติดเชื้อจากในประเทศ ที่รัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา จากนั้นอัตราระบาดและเสียชีวิตขยายวงกว้างรวดเร็วทั่วประเทศ
          มาเลย์ปิดภาคเรียนเร็วสกัดไวรัสแพร่
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียว่า โรงเรียนทุกแห่งในมาเลเซีย ยกเว้น ที่รัฐกลันตัน รัฐปะหังและรัฐปะลิส ปิดภาคเรียนเร็วกว่ากำหนด เริ่มวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 ธันวาคม กระทรวงศึกษาธิการแถลงการณ์ชี้แจงว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคมครั้งใหม่ เพื่อตัดวงจรระบาดของโควิด-19 ในมาเลเซีย ที่สถานการณ์ยังรุนแรง
          ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียรายงานสถิติไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด หรือจนถึงช่วงเที่ยงของ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 852 คน ส่งผลให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 40,429 คน ในจำนวนผู้ป่วยใหม่เป็นผู้ที่มาจากต่างประเทศ 13 คน เป็นชาวมาเลเซีย 8 คน และชาวต่างชาติ 5 คน ส่วนที่เหลืออีก 839 คนติดเชื้อภายในประเทศ สถิติสะสมของผู้หายป่วยแล้วมีอย่างน้อย 28,234 คน เพิ่มขึ้น 825 คน และวันเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ส่งผลให้ผู้เสียชีวิต จากโควิด-19 ในมาเลเซียสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 286 คน
          ทั่วโลกพุ่ง50.8ล.-ไทยอันดับ149
          ด้านเว็บไซต์ www.worldometers.info รายงานสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ใน 213 ประเทศพบว่า มีผู้ติดเชื้อรวม 50,815,027 ราย เสียชีวิตรวม 1,263,111 ราย รักษาหายรวม 35,835,481 ราย โดยอันดับ 1 ยังเป็นสหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสะสม 10,288,480 ราย เสียชีวิตสะสม 243,768 ราย อันดับ 2 อินเดีย ผู้ติดเชื้อ สะสม 8,555,109 ราย เสียชีวิตสะสม 126,671 ราย อันดับ 3 บราซิล ติดเชื้อสะสม 5,664,115 ราย เสียชีวิตสะสม 162,397 ราย อันดับ 4 รัสเซีย ผู้ติดเชื้อสะสม 1,796,132 ราย เสียชีวิต สะสม 30,793 ราย และอันดับ 5 ฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสม 1,787,324 ราย เสียชีวิตสะสม 40,439 ราย โดยไทย อยู่อันดับที่ 149
          คัดกรองเข้มนทท.เข้าไทยเจอใหม่3กลับจากตปท.สหรัฐฯอ่วมระบาดรอบ3
          ศบค.พบผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่ 3 ราย มาจากเอธิโอเปีย-โอมาน สธ.แถลงไทยมีโอกาสพบติดเชื้อในปท.ได้ จากการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเมือง แต่ยืนยันระบบคัดกรองก่อนเปิดรับเข้มข้นตั้งแต่ก่อนออกจากปท.ต้นทางจนถึงไทย แจงนทท.วีซ่าพิเศษ 3 กลุ่มแรกที่เข้ามากักตัว เข้ม 5 มาตรการสาธารณสุข พร้อมเปิดรับกลุ่มลองสเตย์บ้างแล้ว ส่วนบอร์ดยุทธศาสตร์ชาติไฟเขียวแผนแม่บทสู้โควิด ก่อนชงเข้าครม. ด้านสหรัฐฯระบาดระลอก 3 ติดเชื้อพุ่งกว่า 10 ล. เมียนมารั้งที่ 3 ในอาเซียน ส่วนมาเลย์ยังไม่มีทีท่าจะสกัดไวรัสได้ สั่งปิดภาคเรียนเร็วกว่าปกติจนถึง ต้นเดือนธ.ค.ยับยั้งการระบาด
          เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,840 ราย หายป่วยแล้ว 3,661 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย  สำหรับผู้ป่วยใหม่ 3 รายนั้น เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine โดยมาจาก เอธิโอเปีย 2 ราย เป็นหญิง สัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 28 ปี และชายสัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 38 ปี  มาจากโอมาน 1 ราย เป็นชายสัญชาติโอมาน อายุ 36 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่รัฐ
          ป่วยใหม่3มาจากเอธิโอเปีย-โอมาน
          นพ.โสภณ  เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการ กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย ทุกรายเดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในโรงพยาบาลทางเลือก มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 7 ราย ทำให้ ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,661 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.94 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาในโรงพยาบาล 119 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 3.1 ของผู้ป่วยทั้งหมด ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย และผู้ป่วยสะสม 3,840 ราย
          เป็นไปได้ไทยพบติดเชื้อในปท.
          "ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ขณะนี้ ยังคงเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดังนั้น ไทยจึงมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในประเทศได้ เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในสังคม เช่น กรณีชายชาวอินเดีย ที่พบในจ.กระบี่ ต้องขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะชาวกระบี่ที่ไม่ตื่นตระหนกและให้ความสำคัญกับการป้องกันการระบาดตามมาตรฐาน สธ. เป็นวินัยที่ประชาชนควรปฏิบัติต่อเนื่อง ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ตามวิถี New Normal  โดยขอให้ทุกคนสังเกตตนเอง หากพบป่วย มีไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจ การรับรสและกลิ่นลดลง ให้ไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที" นพ.โสภณ กล่าว
          ยันตรวจเข้มนทท.ตปท.มาแล้ว3ลอต
          และว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว หนึ่งในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศนั้นเริ่มในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงใกล้เคียงไทย โดยมีมาตรการรองรับป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนเดินทางต้องมีใบรับรองตรวจ ไม่พบเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง นอกจากนี้ ระหว่างเดินทาง ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน เมื่อมาถึง จะมีระบบคัดกรอง กักกัน ตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามมาตรฐาน เพื่อให้พบผู้ที่อาจติดเชื้อเร็วที่สุด รวมถึงมีระบบติดตามขณะที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดสำหรับคนในประเทศ อีกประการสำคัญคือ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองที่ สธ.กำหนด ได้แก่ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย แม้ขณะนี้ จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ (long stay) เข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้
          นพ.โสภณกล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มแรกเดินทางเข้าไทย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 39 ราย ครบระยะเวลากักตัว 14 วัน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ  กลุ่มที่ 2 เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม จำนวน 138 ราย ครบระยะเวลากักตัว เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกัน ส่วน กลุ่มที่ 3 เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 84 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 โดยจะครบระยะเวลากักตัววันที่ 10 พฤศจิกายน
          บอร์ดยุทธศาสตร์ชาติไฟเขียวแผนสู้โควิด
          ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ปี 2564 - 65 ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งมีแนวคิดล้มแล้วลุกไว กำหนดเป้าหมายให้คนยังชีพอยู่ได้ มีงานทำ กลุ่มเปราะบางได้รับการดูแลทั่วถึง สร้างอาชีพและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และวางรากฐานรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จากนี้จะเสนอที่ประชุมครม.พิจารณาต่อไป
          ทั้งนี้ ในร่างแผนดังกล่าว มี 3 มิติการพัฒนาคือ พร้อมรับ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาประเทศ พร้อมมี 4 ประเด็นการพัฒนาที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษระยะ 2 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1.เสริมสร้างความเข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานรากในประเทศ ลดความเสี่ยงพึ่งพาต่างประเทศ 2.ยกระดับขีดความสามารถของประเทศ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน  ส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่มีโอกาสและศักยภาพภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงและบริบทโลกใหม่  3.พัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ พร้อมเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติ และ 4.ปรับปรุงพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศ
          หัวหินตรวจเข้มโรงงานป้องกันโควิด
          นายเจนวิท ผลิศักดิ์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอหัวหิน พร้อมฝ่ายความมั่นคงและทหาร มทบ.15 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อส.ร่วมตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าวในโรงงานสับปะรดกระป๋อง บริษัท ควอลิตี้ ไพน์แอปเปิล โปรดักส์ (QPP) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 222 หมู่ 3 บ้านหนองนกน้อย ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ผลตรวจพนักงาน 535 คน แยกเป็นคนไทย 236 คน พนักงานสัญชาติเมียนมา 299 คน ไม่พบผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โควิด-19 รวมถึงตรวจสอบสถานที่พักของแรงงานในโรงงานไม่พบผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือให้ที่พักพิงคนต่างด้าวผิดกฎหมาย ทั้งนี้ โรงงานมีมาตรการตรวจวัดไข้ มีเจลล้างมือ ที่ล้างมือให้บริการ และมีหน่วยปฐมพยาบาลประจำที่โรงงาน ทั้งนี้ เป็นการบูรณาการหลายหน่วยงานในการลงตรวจสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าว ค้นหาผู้เสี่ยงโรคและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งกำชับให้ดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุข กรณีพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการตามมาตรการที่ทางราชการกำหนด และหากพบว่ามีการจ้างแรงงานไม่ถูกต้องให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
          สหรัฐอ่วมระบาดระลอกสามทั้งปท.
          ด้านสถานการณ์ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทั่วโลกยังคงวิกฤติ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐฯกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เกิน 10 ล้านคน เพราะเกิดการระบาดระลอกสามทั้งประเทศ ทั้งนี้ สหรัฐมีผู้ป่วยใหม่มากเป็นประวัติการณ์ 131,420 คน มีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยช่วง 7 วันที่ผ่านมา วันละ 105,600 คน เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 29 มากกว่าอัตราเฉลี่ยรวมกันของอินเดียและฝรั่งเศส ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในเอเชียและยุโรปตามลำดับ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐมีกว่า 237,000 คน อัตราเสียชีวิตรายวันคิดเป็น 1 ในทุก 11 คนของผู้เสียชีวิตรายวันทั่วโลก
          เมียนมาตาย-ป่วยสะสมที่3อาเซียน
          ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของ เมียนมารายงานสถิติติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงว่า พบผู้ป่วยใหม่ 1,029 คน ส่งผลให้สถิติผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 61,337 คน แซงสิงคโปร์ขึ้นเป็นประเทศที่มีสถิติผู้ป่วยจากโรคดังกล่าวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ขณะที่สถิติสะสมของผู้หายป่วยมีอย่างน้อย 45,756 คน ผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิด-19 ในเมียนมาเป็นอย่างน้อย 1,420 คน เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ สถานการณ์ระบาดระลอกสองในเมียนมา เกิดขึ้น เมื่อพบผู้ติดเชื้อจากในประเทศ ที่รัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา จากนั้นอัตราระบาดและเสียชีวิตขยายวงกว้างรวดเร็วทั่วประเทศ
          มาเลย์ปิดภาคเรียนเร็วสกัดไวรัสแพร่
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียว่า โรงเรียนทุกแห่งในมาเลเซีย ยกเว้น ที่รัฐกลันตัน รัฐปะหังและรัฐปะลิส ปิดภาคเรียนเร็วกว่ากำหนด เริ่มวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 ธันวาคม กระทรวงศึกษาธิการแถลงการณ์ชี้แจงว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคมครั้งใหม่ เพื่อตัดวงจรระบาดของโควิด-19 ในมาเลเซีย ที่สถานการณ์ยังรุนแรง
          ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียรายงานสถิติไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด หรือจนถึงช่วงเที่ยงของ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 852 คน ส่งผลให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 40,429 คน ในจำนวนผู้ป่วยใหม่เป็นผู้ที่มาจากต่างประเทศ 13 คน เป็นชาวมาเลเซีย 8 คน และชาวต่างชาติ 5 คน ส่วนที่เหลืออีก 839 คนติดเชื้อภายในประเทศ สถิติสะสมของผู้หายป่วยแล้วมีอย่างน้อย 28,234 คน เพิ่มขึ้น 825 คน และวันเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ส่งผลให้ผู้เสียชีวิต จากโควิด-19 ในมาเลเซียสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 286 คน
          ทั่วโลกพุ่ง50.8ล.-ไทยอันดับ149
          ด้านเว็บไซต์ www.worldometers.info รายงานสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ใน 213 ประเทศพบว่า มีผู้ติดเชื้อรวม 50,815,027 ราย เสียชีวิตรวม 1,263,111 ราย รักษาหายรวม 35,835,481 ราย โดยอันดับ 1 ยังเป็นสหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสะสม 10,288,480 ราย เสียชีวิตสะสม 243,768 ราย อันดับ 2 อินเดีย ผู้ติดเชื้อ สะสม 8,555,109 ราย เสียชีวิตสะสม 126,671 ราย อันดับ 3 บราซิล ติดเชื้อสะสม 5,664,115 ราย เสียชีวิตสะสม 162,397 ราย อันดับ 4 รัสเซีย ผู้ติดเชื้อสะสม 1,796,132 ราย เสียชีวิต สะสม 30,793 ราย และอันดับ 5 ฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสม 1,787,324 ราย เสียชีวิตสะสม 40,439 ราย โดยไทย อยู่อันดับที่ 149

 

 pageview  1205932    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved