Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 12/11/2563 ]
แจ้งกองทัพไทยเฝ้าระวังทหารเกาหลีติดเชื้อร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ในไทย

  กักตัว5ทหารเรือไทยเสี่ยง8ประเทศร่วมอบรมผวาตรวจคัดกรองเข้มแต่ยังติดสธ.เร่งสอบหาที่มาของโรค
          ศบค.ไทยป่วยโควิดอีก 3 ราย กลับจาก "ตุรกี-อังกฤษ" รักษาหายเพิ่ม 15 ราย ด้านกองอำนวยการคอบร้าโกลด์ ส่งหนังสือแจ้งกองทัพไทย ระบุทหารเกาหลีใต้ที่กลับปท.หลังร่วมฝึกติดเชื้อ ขอให้ตรวจสอบกำลังพลที่เข้าประชุมและแจ้ง 8 ปท.ที่ส่งกำลังร่วมฝึก โดยทหารเรือไทยกักตัวทหารเรือ 4-5 นาย สัมผัสใกล้ชิดรวมถึงจนท.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 14 วัน ด้าน สธ.เร่งสอบสวนต้นตอ สันนิษฐาน 3 ข้อติดจาก ปท.ต้นทาง-ติดจากที่กักตัว-ติดจาก ห้องประชุม
          เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยรายวันว่า  พบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ทำให้ยอด ผู้ป่วยยืนยันสะสมมี 3,847 ราย  ส่วน ผู้รักษาหายแล้วเพิ่ม 15 ราย มียอดสะสม ผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,685 ราย ส่วน ผู้เสียชีวิตยังมียอดสะสมอยู่ที่ 60 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 102 ราย
          ไทยป่วยใหม่3จากตุรกี-อังกฤษ
          สำหรับผู้ป่วยใหม่ 3 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่มาจากสหราชอาณาจักร 2 ราย รายแรกเป็นหญิงสัญชาติอังกฤษ อายุ 62 ปี ไม่ระบุอาชีพ  เดินทางมาถึงไทย เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ถูกตรวจพบเชื้อที่ด่านตรวจโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิวันเดียวกัน ผลพบเชื้อ มีไข้และน้ำมูก ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน  รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 58 ปี ไม่ระบุอาชีพ ตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มี อาการ 2.ผู้ที่มาจากตุรกี 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 40 ปี อาชีพแม่บ้าน ตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ
          ทหารเกาหลีติดโควิดหลังฝึกคอบร้าฯ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเอกสารราชการลงวันที่ 9 พฤศจิกายน กองอำนวยการฝึกคอบร้าโกลด์ 21 (กอฝ.คอบร้าโกลด์ 21)ถึงหน่วยงานภายในกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ แจ้งกำลังพลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมวางแผนขั้นสุดท้ายในการฝึก ร่วม/ผสม คอบร้าโกลด์ 21 ระหว่าง วันที่ 2-6 พฤศจิกายน ที่โรงแรม สิรินพลา จ.ระยอง ให้ระมัดระวังและตรวจสอบอาการของตนเองในขั้นต้น  เนื่องจากรับแจ้งจาก ผู้แทนจากกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีที่เดินทางมาร่วมประชุม ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ระหว่างเดินทางกลับเข้าสาธารณรัฐเกาหลี ที่สนามบิน จึงกักตัวตามกระบวนการควบคุมโรคแล้ว
          กักตัวทหารเรือไทยเสี่ยงสัมผัส
          หนังสือราชการดังกล่าว  ยังแจ้งดำเนินการตามกระบวนการควบคุมโรค โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สัมผัสใกล้ชิด คือ กองกำลังนาวิกโยธิน (กกล. นย.) กกล.กองทัพเรือ กกล.กองทัพบก และ กกล.กองทัพอากาศ  ให้ตรวจพิสูจน์โรคและกักตัว 14 วัน  และกลุ่มที่ไม่ได้ สัมผัสโดยตรง  และผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนอื่นให้กักตัวเอง  14 วัน เพื่อรายงาน ผู้บังคับบัญชาทราบ
          ขณะที่แหล่งข่าวจากกองทัพเรือ (ทร.)ระบุว่า ยังไม่แน่ชัดว่านายทหารจากเกาหลีใต้คนดังกล่าว ติดเชื้อโควิด-19  จากที่ใด แต่ก่อนเข้าประชุมได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐทุกอย่าง โดยเข้ากักตัวในสถานที่ควบคุมแห่งรัฐ 14 วัน ก่อนเข้าประชุมตามกำหนดการ  ซึ่ง ทหารเรือไทยที่เข้าร่วมประชุม ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิด ได้เข้ากักตัวเรียบร้อยแล้วเบื้องต้น 4-5 นาย
          สธ.เร่งหาต้นตอทหารโสมติดเชื้อ
          ด้านพญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผอ. กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวกรณีทหารเกาหลีใต้เดินทางประชุมวางแผน ขั้นสุดท้าย การฝึกผสมคอบร้าโกลด์ 21 ที่บ้านฉาง จังหวัดระยอง ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางกลับไปถึงเกาหลีใต้ว่า สธ.รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ถึงกรณีมีนายทหารที่เข้ามาฝึกการวางแผนขั้นสุดท้าย การฝึกคอบร้าโกลด์ที่ประเทศไทยระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน เมื่อกลับเกาหลีตรวจที่สนามบินอินชอนด้วยวิธี RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดปริมาณเชื้อ หรืออาการอะไร ตอนนี้ทางการไทยอยู่ระหว่างขอข้อมูลเพื่อนำมาสอบสวนโรคเพิ่มเติม
          แจงไทม์ไลน์ทหารโสมในไทย
          พญ.วลัยรัตน์กล่าวต่อว่า สอบสวนเบื้องต้นการฝึกคอบร้าโกลด์ ระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน มีนายทหารไทยและ ต่างชาติเข้าร่วม 202 นาย แบ่งเป็น ทหารสหรัฐอเมริกา 12 นาย ทหารเกาหลี 5 นาย อินโดนีเซีย ออสเตรเลียอย่างละ 2 นาย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีนและอินเดียประเทศละ 1 นาย ที่เหลือ 177 นาย เป็นทหารไทย การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นอกจากประชุมแล้วยังรับประทานอาหารกลางวัน และอาหารเย็นร่วมกันแบบบุฟเฟ่ต์ ส่วนที่พักจะนอนด้วยกันห้องละ 2 นาย อย่างไรก็ตาม นายทหารต่างชาติทุกนายที่เข้ามาผ่านระบบควบคุมป้องกันโรคของไทยทุกคน ทั้งตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง เข้ามากักตัว 14 วัน ตรวจหาเชื้อแล้ว 2 ครั้ง ผลพบว่าทหารที่มาทุกรายไม่มีเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ขณะที่เพื่อน ทหารชาวเกาหลีที่นอนร่วมห้องผลตรวจเป็นลบ
          พญ.วลัยรัตน์กล่าวอีกว่า สำหรับนายทหารเกาหลีที่ติดโควิดนั้น ก่อนเข้ามาไทยตรวจไม่พบเชื้อโควิด พอเข้ามา ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม ถึงสนามบินมีรถของโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวมารับ และเข้าพักที่โรงแรมตั้งแต่ 17 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี rt-pcr 2 ครั้งคือวันที่ 22 และ 29 ตุลาคม ผลออกมาไม่พบเชื้อ หลังกักตัวครบ 14 วัน เข้าพักที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท และรับประทานอาหารโดยสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง แล้วกลับไปพักที่โรงแรม 1 คืน วันที่ 2 พฤศจิกายน มีรถตู้รับจ้างของสถานทูตไปรับที่โรงแรมที่อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมและตั้งแต่วันที่  3-5 พฤศจิกายนแล้วไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย กระทั่งวันที่ 6 พฤศจิกายน มีรถรับจ้างของสถานทูตมารับไปส่งโรงแรมที่สุขุมวิท ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใช่โรงแรมเดิมหรือไม่ จากนั้นวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้โดยสารรถตู้ของ สถานทูตไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อ เดินทางกลับประเทศเกาหลี
          ยันคัดกรองตรวจเชื้อเข้ม202นาย
          "โดยภาพรวมสรุปแล้วทหาร ทุกนายที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ปฏิบัติตามขั้นตอนเข้าประเทศไทย ทั้งกักตัว ตรวจหาเชื้อและผลไม่พบเชื้อ หลังออกจากสถานที่กักตัวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความตระหนกและสร้างความเข้าใจกับประชาชนในจังหวัดที่เกี่ยวข้องขอให้สบายใจได้ จะไม่มีการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น เพราะส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในที่ประชุม ตอนนี้มีทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สอบสวนทั้งโรงแรมที่พัก โรงแรมที่จัดประชุม และอยู่ระหว่างขอรูปแบบการจัดประชุม จนถึงข้อมูลอื่นมาประกอบ เพื่อจำแนกกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม การที่อยู่ห้องประชุมร่วมกันนานกว่า 15 นาที ถือว่าเสี่ยงสูง ในส่วนทหารไทยที่เข้าร่วมฝึกนั้นได้กักตัว และตรวจหาเชื้อ อยู่ระหว่างรอผล ส่วนนายทหารต่างชาติจะประสานผ่านกฎอนามัยระหว่างประเทศเพื่อแจ้งไปยังประเทศต้นทาง"พญ.วลัยรัตน์กล่าว
          ตั้งสมมุติฐาน3ข้อที่มาติดเชื้อ
          ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทหารทุกนายผ่านเข้ามาตามระบบและไม่ได้ออกไปนอกพื้นที่ ดังนั้น กรณีนี้ถือเป็นการติดเชื้อในประเทศได้หรือไม่ พญ.วลัยรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการติดเชื้อในเมืองไทยหรือติดเชื้อมาก่อนหน้านี้  โดยสธ.สันนิษฐาน 3 ข้อ 1.อาจติดเชื้อจากเกาหลี 2. ติดเชื้อจากสถานที่กักตัว และ 3. ติดระหว่างร่วมประชุม ขณะนี้รอข้อมูลจากเกาหลี รวมถึงสอบสวนสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
          ส่วนการเฝ้าระหวังหลังมีรายงานติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องหลายกรณีแล้วนั้น พญ.วลัยรัตน์กล่าวว่า ขณะนี้เฝ้าระวังกลุ่มคนที่มาโรงพยาบาล ด้วยอาการระบบทางเดินหายใจ จมูกไม่ได้กลิ่น ปอดอักเสบ รวมถึงเฝ้าระวังในกลุ่มแรงงานต่างด้าว บางกลุ่ม ตามแนวชายแดน แต่ต้อง ขอย้ำกับประชาชนว่า เนื่องจากจะมีคน ที่ไม่แสดงอาการ อาจแพร่เชื้อได้ ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ ออกจากบ้าน เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย เพื่อป้องกันการติดเชื้อฯ
          ผลวิจัยฟ้าทะลายโจรยับยั้งโควิดในเซลล์
          ขณะที่พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงความคืบหน้า การวิจัยฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ว่า การวิจัยฟ้าทะลายเพื่อหวังผลป้องกันโควิด-19 แต่เรายังไม่เห็นผล สิ่งที่ได้ในการทดลองในหลอดทดลองคือ พบว่าสารแอนโดรกราฟโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่จำนวนของไวรัสในเซลล์ ในหลอดทดลอง แปลว่ามีแนวโน้มที่ดีในการยับยั้งไวรัสเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเก็บตัวอย่างในคนให้มากกว่านี้ เพราะวันนี้มีตัวอย่างเพียงหลักสิบเท่านั้น  สำหรับการทดลองใน คนนั้น เราให้ฟ้าทะลายโจรในปริมาณสูงกว่าโรคหวัดทั่วไป จากนั้นติดตามพบอาการหวัดปกติ เจ็บคอหายเร็วขึ้น กว่ากลุ่ม ที่ไม่ได้รับฟ้าทะลายโจร แต่การใช้ต่อเนื่องนั้นกำลังเก็บกลุ่มตัวอย่างเพิ่ม แต่ตอนนี้เราไม่มีเคสในประเทศ จึงไม่น่าได้เร็วนัก
          แม้จะยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องการป้องกันโควิด -19 แต่ฟ้าทะลายโจรสามารถใช้เพื่อป้องกันโรคหวัด โดยใช้ต่อเนื่อง 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น ไอหนักขึ้น ไม่สบายเนื้อสบายตัวให้หยุด แล้วไปพบแพทย์ทันที หรือหากมีอาการแพ้ก็ขอให้หยุด ซึ่งอาการแพ้ที่สังเกตได้คือคันตามเนื้อตัว หน้าตา เป็นต้น
          ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร และยังไม่ควรใช้ในกลุ่มผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองที่ใช้ยาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด  ไม่ควรใช้เองควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนรวมถึงผู้ใช้ยาลดความดันโลหิตสูงก็ต้องปรึกษาแพทย์ เช่นเดียวกันไม่ควรใช้เอง

 pageview  1205114    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved