Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 19/10/2563 ]
25จังหวัดอ่วมน้ำท่วมหนัก-ปภ.เร่งช่วยเหลือ

นายกฯสั่งแก้ปัญหาด่วนอ่างหินตะโง่แตกที่โคราช
          ปภ.แจงเกิดอุทกภัยรวม 25 จังหวัด ยังมีน้ำท่วมขัง 11 จังหวัด เร่งช่วยเหลือ ส่วนอุตุฯ เตือน 49 จังหวัดยังอ่วมฝนตกหนัก  ด้านนายกฯ สั่งเร่งช่วยชาวบ้าน ได้รับผลกระทบอ่างเก็บน้ำหินตะโง่แตกที่โคราช
          เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ว่า เกิดขึ้นในพื้นที่ 25 จังหวัด รวม 86 อำเภอ 241 ตำบล 849 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,273 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ จ.อุบลราชธานี นครราชสีมา สระแก้ว สุราษฎร์ธานี ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช สมุทรสาคร นครปฐม กาญจนบุรี และอุทัยธานี
          สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำท่วมลดลง ซึ่งทางปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่ง ระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง
          ทั้งนี้ ปภ.ในฐานะกองอำนวยการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชั่น) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม-ปัจจุบันสำหรับ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วน ต่อไป
          ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ว่าร่อง มรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา
          ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
          สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วน บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดการเดินเรือในระยะนี้
          ด้านสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฝนตกต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา ใน กทม.ได้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายในหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณถนนรามอินทรา และในซอยรามอินทรา 5 ซอยหมู่บ้านเธียรสวน รวมถึงพื้นผิวการจราจร ส่งผลกระทบให้ประชาชนเดินทางสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก
          เช้าวันเดียวกัน นายขวัญชัย อุตตะเวช ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ว่าปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา มากกว่า 15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ทำให้ขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนสูงถึง 173.50 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 111.94 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 155 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำล้นสปิลเวย์วันละ 9.899 ล้าน ลบ.ม. ทางเขื่อนได้ปล่อยน้ำสู่คลองชลประทานและคลองธรรมชาติ เฉลี่ยวันละ 4.590 ล้าน ลบ.ม. ขอให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ต.ตะขบ ต.บ่อปลาทอง และ ต.ตูม อ.ปักธงชัย เฝ้าระวังน้ำท่วม
          ขณะเดียวกันอ่างเก็บน้ำสาขาของเขื่อนลำพระเพลิง 3 แห่ง ก็มีปริมาณน้ำเกินความจุกักเก็บทั้งหมดแล้ว ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำสำลาย ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำ 47.36 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 112.75 ของความจุกักเก็บทั้งหมด, อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว มีปริมาณน้ำ 6.98 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 109 ของความจุกักเก็บทั้งหมด และอ่างเก็บน้ำลำเชียงสา มีปริมาณน้ำ 7.88 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 105 ของความจุกักเก็บทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงนี้ยังคงมีฝนตกลงมาเป็นระยะ ทำให้สถานการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มให้เฝ้าระวังน้ำท่วมอย่างใกล้ชิดด้วย
          ส่วนความคืบหน้ากรณีฝาย อ่างเก็บน้ำหินตะโง่ บ้านลำประโคนเหนือ ต.ลำนางแก้ว อ.ปักธงชัย เกิดทรุดตัวและแตก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน อ.ปักธงชัย หลายตำบล โดยเฉพาะที่บ้านปลายดาบ หมู่ 2 ต.สุขเกษม และบ้านใหม่ตะแบก หมู่ 7 ต.ตูม มีมวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายหลังคาเรือน ที่อยู่ใกล้คลองธรรมชาติ ระดับน้ำสูง กว่า 50 เซนติเมตร ซึ่งคืนที่ผ่านมาทางหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดปักธงชัย และจุดโพธิ์กลาง ได้ระดมทีมกู้ภัยลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ภายในบ้านตลอดทั้งคืน
          นอกจากนี้ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ นายอำเภอปักธงชัย ได้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ให้นำรถออกแจ้งเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ ต.ตะขบ ต.สุขเกษม ต.ตูม และ ต.บ้านงิ้ว เป็นต้น ให้เก็บของขึ้นที่สูง และอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อหนีน้ำท่วมที่กำลังจะมาถึง
          ด้าน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ. นครราชสีมา พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบ ฝายหินตะโง่ที่แตก และเร่งให้การช่วยเหลือ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว รวมทั้งมีการติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ภายหลังฝนตกตลอดคืน ที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้ถนนมิตรภาพ หลายจุด มีน้ำท่วมขัง เช่น ช่องทาง คู่ขนานฝั่งขาออกตัวเมืองนครราชสีมา ด้านหน้าหอพักพนักงานเขตนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โดยมีระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 300 เมตร รถเล็กสัญจรผ่านไป-มาด้วยความยากลำบาก
          รวมทั้งก่อนหน้านี้ ยังเกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกพ่วงซึ่งบรรทุกข้าวสารมา เต็มคัน ตกร่องข้างถนน จนไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ คาดว่าคนขับรถจะมองไม่เห็นร่องข้างถนน ประกอบกับมีรถวิ่งอยู่หลายคัน จึงหักหลบชิดขวาจนเกิดเสียหลักตกร่องข้างถนน โดยคนขับได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัย เพื่อนำรถยกมายกรถบรรทุกพ่วงที่ประสบเหตุขึ้นมา เนื่องจากบรรทุกข้าวสารมาเต็มคันมีน้ำหนักมาก ไม่สามารถบังคับรถขึ้นมาบนถนนได้
          อีกด้านหนึ่ง นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานและติดตามสถานการณ์พนังกั้นน้ำอ่างเก็บน้ำลำหินตะโง่ อ.ปักธงชัย แตก เนื่องจากปริมาณฝนตกต่อเนื่อง และปริมาณน้ำเกินกว่าจะรับได้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่โดยรอบ โดยนายกฯ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และจังหวัด เฝ้าติดตามและแก้ไขปัญหาโดยด่วน พร้อมทั้งเตือนประชาชนให้ได้รับรู้ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ น้ำท่วม
          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า หน่วยงานต่างๆ ได้รายงานผลการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยให้นายกฯ ทราบทุกระยะ ซึ่งนายกฯกำชับให้พร้อมช่วยเหลือประชาชนทันที และระดมสรรพกำลัง เครื่องมือ และหน่วยแพทย์ เพื่อช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งพร้อมให้ความช่วยเหลือและเตรียมพร้อมอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา
          ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพร้อมให้การดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุในพื้นที่ตามที่ได้สำรวจข้อมูลไว้ ให้ได้รับการดูแลอย่าง ต่อเนื่องและไม่ขาดยา และจัดหน่วยแพทย์ เคลื่อนที่ออกให้บริการดูแลประชาชนที่ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
          นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามแผนรับมือป้องกันน้ำท่วมเข้าสถานบริการ เพื่อไม่ให้กระทบกับการบริการประชาชน โดยขนย้ายยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ไว้ในที่ปลอดภัย สำรวจและสำรองยา เวชภัณฑ์ ออกซิเจนให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งยาสามัญประจำบ้าน รองรับการให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง และมีการตรวจสอบระบบระบายน้ำ ระบบสำรองไฟฟ้า ให้พร้อม ใช้งาน ส่วนสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบ มี 2 แห่ง คือศูนย์สุขภาพชุมชนประปา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล น้ำคอก อ.เมือง จ.ระยอง แต่เปิดบริการได้ตามปกติแล้ว

 pageview  1205016    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved