Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 10/07/2563 ]
ต่างด้าวทะลักไทยจับแล้ว3พันคน หวั่นแพร่โควิด

 สั่งจนท.คุมเข้มด่านชายแดนตรวจทุกคนที่เดินทางเข้าปท.ย้ำถึงคลายล็อก-ยังต้องระวังพบป่วย5มาจากUAE-อียิปต์
          ศบค.แถลงไทยติดเชื้อโควิด-19 อีก 5 ราย กลับจากยูเออี-อียิปต์ พักในสถานกักโรคของรัฐ ย้ำเงื่อนไขรับต่างชาติเข้าปท. ชี้คณะผบ.ทบ.สหรัฐชุดแรกที่มาโดยไม่ปฏิเสธเงื่อนไขตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมือง หลังจับได้กว่า 3 พันคน สธ.ยังไม่มั่นใจในปท.ติดเชื้อเป็นศูนย์ ประสานความมั่นคงเพิ่มด่านตรวจเข้มข้น พร้อมรุกสอบสวนโรค ป้องกันโควิด-19 ระบาดซ้ำ ด้านหัวหน้าศปม.ห่วงเกิดภาวะแทรกซ้อนทำระบาดหาที่มาไม่ได้ เตือนปชช.แม้คลายล็อกเฟส 5 แต่ต้องระวังเชื้อ ย้ำใส่แมสทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน กำชับชายแดนสกัดลอบนำแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย หวั่นเป็นซูเปอร์สเปดเดอร์ข้ามชาติ สระแก้วรวบเขมรลอบเข้าเมืองได้ 107 คน
          เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ประจำวันทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ การวางมาตรการเปิดรับชาวต่างประเทศ
          ติดเชื้อเพิ่ม5กลับจากยูเออี-อียิปต์
          โดยนพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย  ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,202 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) 265 ราย  ไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิต เพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย ผู้ป่วยรักษาหายสะสมที่ 3,085 ราย  รักษาตัวใน โรงพยาบาล (รพ.)  59 ราย  ในจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด พบในกรุงเทพมหานคร และจ.นนทบุรี 1,780 ราย  ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 472 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย  ภาคใต้ 744 ราย ทั้งนี้ จำนวน ผู้ติดเชื้อในประเทศยังเป็นศูนย์รายต่อเนื่อง 45 วัน โดยผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ กลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 4 ราย และอียิปต์ 1 ราย
          แจงรับผบ.ทบ.สหรัฐจัดไว้ในเฟส5
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวชี้แจงถึงการรับชาวต่างชาติในฐานะแขกพิเศษของรัฐบาล และกลุ่มที่เดินทางมาตามข้อตกลงพิเศษช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เรื่องนี้เป็นข้อห่วงใยจากประชาชน ซึ่งพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์  ในฐานะประธาน ศบค.ชุดเล็ก ได้แจกแจงรายละเอียดข้อมูล โดยคณะของผบ.ทบ.สหรัฐที่เดินทางมาประเทศไทย ถือเป็นกิจการแรกที่ได้ทำ ซึ่งถูกกำหนดอยู่ในข้อกำหนดที่ออกมาในมาตรการระยะที่ 5 โดยมี 2 กลุ่มที่เดินทางเข้ามาได้คือ 1.แขกของรัฐบาล และ 2.กลุ่มที่เดินทางมาตามข้อตกลงพิเศษ เช่น นักธุรกิจที่เข้ามา ระยะสั้น ที่มีความแตกต่างของระยะที่ 4 และ 5 คือ เดิมระยะที่ 4 ผู้เดินทางเข้ามาต้องอยู่ใน สถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) 14 วัน แต่มีการผ่อนคลาย เนื่องจากมั่นใจว่าควบคุมได้  ทั้งนี้ ที่มีข้อถามว่าต้องกักกันโรคผู้ติดตามหรือไม่ต้องชี้แจงว่าได้กำหนดผู้ติดตามคือ 1.กลุ่มผู้ติดตามคณะเล็กที่จัดหามาจากผู้ที่เชิญ 2.กลุ่มบุคลากรทางสาธารณสุขและความมั่นคง ต้องประกอบทีมติดตามตลอด
          ไม่ต้องกักตัวผู้ติดตาม14วัน
          "โดย 2 กลุ่มของผู้ติดตามก่อนเข้าทำ หน้าที่ต้องอบรมการป้องกันโรค และต้องเจอกัน ในระยะสั้นๆ มีการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกักตัวต่อ 14 วัน และเราเคยทำมาก่อนแล้วคือ ผู้ที่เดินทางเข้ามา และลงที่สนามบิน ต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจ กลุ่มพวกนี้ทำงานมาตลอด และไม่ได้กักกันโรค 14 วัน ทุกคนต้องหมุนเวียนทำงาน แต่ระหว่างนั้นจะต้องมีทักษะดูแลตัวเองอย่างดีต้องสังเกตอาการตัวเอง และมีระบบ เช็คอัพสุขภาพตลอดเวลา เป็นความมั่นใจในสาธารณสุขไทย" โฆษก ศบค.กล่าว
          รับต่างชาติ2พันรักษาตัว85รพ.
          ส่วนการเริ่มเปิดให้ทำ Medical and wellness program ในโรงพยาบาล (รพ.) ภาคเอกชนนั้น นพ.ทวีศิลป์ ยอมรับว่าเป็นการเอื้อให้รพ. แต่ไม่มีการทำอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยต่างชาติ รพ.เอกชนดำเนินการมาก่อนหน้าที่จะมีโควิด-19 แล้ว แต่เมื่อช่วงมีโควิด-19 ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ เช่น ผู้ที่ติดตามการรักษาโรค วันนี้จึงได้พูดคุยกันว่าการที่ให้เข้ามานั้น นอกจากการติดตามงานภาระเดิมแล้วจะต้องเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจะต้องอยู่ใน รพ.ให้ครบ 14 วัน
          ทั้งนี้ หากมองว่า รพ.คือ ธุรกิจหนึ่ง ซึ่งดูแลสุขภาพ เจ็บไข้ได้ป่วย น่าจะเสี่ยงน้อยที่สุด ควบคุมกำกับได้ และการยืดระยะเวลาพัก 14 วัน ให้คล้ายกักกันโรคฯ ยิ่งทำให้มั่นใจยิ่งขึ้น โดยขณะนี้มี รพ.ที่จะเข้ามากว่า 85 แห่ง พวกเขามีศักยภาพดูแล ตอนนี้สิ่งที่ ลงไปในรายละเอียดมากกว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ ต้องไม่กินทรัพยากรใน รพ. คือ ไม่เกิดภาระในการนอนเตียง รพ. จึงมีการเลือกเฉพาะผู้ที่ผ่าตัดไม่ใหญ่ ทำตา จมูก ทำลูก ทำฟัน โรคกระดูกและข้อ การผ่าตัดแปลงเพศ ศัลยกรรม การรักษาความเยาว์วัย ในเรื่องนี้มีผู้ป่วยอยู่แล้ว และมีการลงทะเบียนไว้ 1,385 คน และมีผู้ติดตาม 1,000 คน รวมแล้วประมาณ 2,000 คน ที่จะเข้ามาในเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยผู้ติดตามก็จะต้องอยู่ใน รพ.ให้ครบ 14 วันเช่นกัน
          ต้องกักครบ14วันจัดโปรทั่วไทย
          โฆษก ศบค.กล่าวว่า แต่หลังจากการผ่าตัดต่างๆ แล้วอาจจะต้องมีการอยู่ติดตามผลนั้น ในที่ประชุมได้หารือกันว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) อาจจะเข้ามาเชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่นำโดยทีมเอกชน ในการให้คนกลุ่มนี้อยู่ในประเทศไทยต่อ เนื่องจากอยู่ใน รพ.จนครบ 14 วันและไม่มีการติดเชื้อ ก็จะจัดนำเที่ยวในประเทศไทยต่อ เหมือนกับที่พยายามให้คนไทยเที่ยวในประเทศไทยกันเอง เนื่องจากคนไทยที่ไม่ติดเชื้อในประเทศถึง 44 วัน สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ คนกลุ่มนี้จะมั่นใจในการเดินทาง จับจ่ายใช้สอย เพื่อกระจายรายได้ไปยังที่ต่างๆ ของประเทศไทย
          ห่วงผ่อนเฟส5เข้มแรงงานเข้าปท.
          ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาประเทศไทยผิดกฎหมายกว่า 3,000 คน จะจัดการอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ  ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล หารือในที่ประชุม สธ.โดยสอบถามว่า จะมั่นใจตัวเลขศูนย์ ได้มากเพียงใด ซึ่ง นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไม่น่ามั่นใจตัวเลขศูนย์ได้ 100% เนื่องจากมีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาผิดกฎหมาย โดยช่วงนี้ผ่อนคลายหลายกิจการ-กิจกรรม ดังนั้น จะมีความต้องการแรงงานมากขึ้น โดยช่วงโควิด-19 ต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น สิ่งที่ต้องกังวลคือ 1.ทำอย่างไรในกลุ่มแรงงาน  2.ในกลุ่ม คนไทยกันเองมีเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ดังนั้น ต้องคลายเกณฑ์ต่างๆ ในการหาผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค (PUI) เพื่อให้มีคนเข้ามาตรวจมากขึ้น
          ประสานความมั่นคงเพิ่มจุดตรวจ
          "ขณะนี้ตรวจผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคไปกว่า 6 แสนคน แต่ยังไม่พอ จะตรวจให้มากขึ้น พร้อมทั้งหาการป้องกัน เช่น แรงงานผิดกฎหมาย จึงขอให้กองกำลัง ภาคมั่นคงเพิ่มกำลังในเส้นทางเข้าเมือง ตั้งด่านจุดตรวจให้มากขึ้น เพื่อป้องปรามกักกันได้ในระดับหนึ่ง และมาตรการนี้จะเกิดขึ้น รวมทั้งใช้ อสม.ในประเทศ หาผู้แปลกหน้าในชุมชน เฝ้าระวังพื้นที่ในประเทศไทย ปราการที่สำคัญที่สุดในการป้องกันโรคคือ หน้ากากอนามัย การป้องกันส่วนบุคคล" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
          ศปม.เข้มงวดคนเข้าปท.ทุกด่าน
          ด้านพล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวว่า การ ผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ระยะที่ 5 แม้อยู่ในช่วงผ่อนคลาย แต่ยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขอให้ประชาชนระวังเชื้อโรคที่มาจากทุกทิศทุกทาง และฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดจริงจัง จากคนที่จะเข้ามาในประเทศทุกมิติ ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ ที่จะต้องเข้มงวดกัน ต่อไป
          ห่วงต่างด้าวซูเปอร์สเปดเดอร์
          "ส่วนที่กังวลคือการกลับมาเปิดธุรกิจหรือติดต่อธุรกิจต่างๆ ขอผู้ประกอบการดูแรงงานที่จะกลับมาทำงานให้เข้ามาถูกต้องตามกฎหมายมีการตรวจสอบโรคก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดการแพร่เชื้อเข้ามาจนเป็นซูเปอร์สเปดเดอร์ได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.เน้นย้ำการปฏิบัติของกองกำลังชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาผิดกฎหมาย โดยทุกหน่วยจริงจังเรื่องนี้ จึงขอให้ผู้ประกอบการคำนึงถึงเรื่องนี้ว่าทุกฝ่ายเป็นห่วง ไม่อยากให้เกิดการแทรกซ้อนนำไปสู่การระบาดจนหาที่มา ไม่ได้ สำหรับการป้องกันทางกายภาพ อาจใส่หน้ากากอนามัย แต่ขอให้คงสำนึกเสมอว่าทุกครั้งไปที่สาธารณะอาจมีเชื้อแพร่ อยู่ในอากาศได้ ต้องตระหนัก และไม่เข้าไป ในที่แออัดหรือที่เสี่ยงการแพร่ระบาด โดย สามารถทำหน้าที่แจ้งเตือนบอกกล่าวขอร้อง เพื่อให้ระมัดระวังกับบุคคลอื่นได้ เพราะถือว่าคนไทยด้วยกันต้องร่วมมือกันต่อไปหลังร่วมมืออย่างดีตั้งแต่เดือนมีนาคม จนป้องกันการระบาดโควิด-19 ได้ถึงปัจจุบัน
          ใช้แผนผบ.ทบ.สหรัฐรับแขกรบ.
          ผู้สื่ถข่าวถามถึงการเดินทางเยือน ของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ยอมรับว่า ในที่สุดแล้วประเทศไทยต้องมีแขกมาจากต่างประเทศมากขึ้น อาจมีเจ้าของธุรกิจ เจ้าของกิจการ เพราะต้องทำธุรกิจกันและเศรษฐกิจประเทศ ต้องเดินหน้า ซึ่งศบค.มีข้อกำหนดให้ปฏิบัติตัว อย่างเคร่งครัด โดยอาจมีการเดินทางมาระยะสั้น ซึ่งสหรัฐปฏิบัติตามระเบียบไม่มีเกี่ยงงอน โดยเชื่อว่าเมื่อผู้นำสหรัฐเดินทางกลับแล้ว จะสามารถใช้ข้อปฏิบัตินี้ เป็นแบบอย่าง ในการปฏิบัติได้สำหรับการเดินทางในระยะสั้นๆ ในการเยือนของแขกได้ต่อไป
          จับเขมรนับร้อยลอบเข้าเมือง
          วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.ถิรเดช ลิ้มคุณากูล รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจตาพระยา จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว หน่วยเฉพาะกิจตาพระยา ร่วมกับชุดควบคุม ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ตำรวจ สภ.บ้านทัพไทย และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ออกตรวจเขตชายแดนไทยกัมพูชา ป้องปรามสิ่งผิดกฎหมาย กระทั่งเวลา 03.00 น. เจ้หน้าที่พบกลุ่มคนต่างด้าวชาย-หญิง 59 คน อยู่บริเวณบ้านคลองแผง ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จึงเข้าตรวจสอบ ทราบว่าทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมือง โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ เพื่อเข้ามาทำงานฝั่งไทย และจ่ายเงินให้นายหน้าคนละ 3,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.บ้านทัพไทย
          ต่อมา รับแจ้งจากชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านเขาลูกช้างว่า ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมืองไว้ได้ 34 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 16 คน เบื้องต้นให้การว่า เข้ามาในประเทศไทยโดย ใช้ช่องทางธรรมชาติ ก่อนส่งตัวให้ สภ.ตาพระยา ดำเนินคดี
          เวลาไล่เลี่ยกัน จุดตรวจความมั่นคงหนองเสม็ด ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จับกุมชาย อายุ 48 ปี คนขับรถเก๋ง สีส้ม พาแรงงานกัมพูชาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 3 คน เวลา 10.00 น. จับกุมชาวกัมพูชาลอบเข้าเมืองทางช่องธรรมชาติเช่นเดียวกันในพื้นที่บ้าน ร่มไทร หมู่ 9 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา 8 คน และจับกุมได้ที่บ้านโคกราด ต.ทัพราช อีก 3 คน รวมจับกุมแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองทั้งหมด 107 คน เป็นชาย 58 คน หญิง 49 คน และคนนำพาชาวไทย 1 คน

 pageview  1205081    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved