สธ.เผยไทยป่วยไข้เลือดออกพุ่ง 1.4 หมื่นราย ดับแล้ว 11 ศพ จับตา "อีสาน" เป็นพิเศษ หลังพบผู้ป่วยเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ เร่งส่งเจ้าหน้าที่คุมโรคทันที วอนประชาชนช่วยกำจัดแหล่ง เพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย
          เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง สถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออก ว่า พบการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมี 2 ปัจจัยสนับสนุน คือ 1.การเข้าสู่ฤดูฝนทำให้มีแหล่งน้ำขัง และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย และ 2.ตัวโรคที่ขณะนี้เป็นช่วงที่เข้าสู่การแพร่ระบาดของโรคพอดี โดยเฉพาะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้อง เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะมีประชากรจำนวนมาก เมื่อเกิดการป่วยก็จะพบ ผู้ป่วยจำนวนมาก เช่น จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึง มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขเขต 9  ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เร่งควบคุมโรคในพื้นที่แล้ว
          นพ.สุวรรณชัยกล่าวอีกว่า กรณีพบผู้ป่วยในพื้นที่ หมู่บ้านหรือในชุมชนใด ก็จะต้องมีการจัดการยุงเต็มวัยในระยะ  100-200 เมตร ร่วมกับการค้นหาผู้ป่วยเพื่อทำการรักษาและควบคุมโรคป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้างต่อไป โดยในการควบคุมโรคไข้เลือดออก จะส่ง ทีมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อยุงตัวเต็มวัน และ ร่วมมือกับประชาชนในการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ทั้งรอบบ้าน ชุมชน วัด เป็นต้น และต้องขอความร่วมมือประชาชนช่วงนี้ระมัดระวังอย่าให้ยุงกัดด้วยการนอนกางมุ้งด้วย
          จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาได้รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-25 พ.ค.2563 พบผู้ป่วยแล้ว 14,136 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 21.28 ต่อแสนประชากรและเสียชีวิต  11 ราย คิดเป็นอัตราเสียชีวิต 0.02 ต่อแสนประชากร โดยจังหวัดที่มีผู้ป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ระยอง พบผู้ป่วย 73 ต่อแสนประชากร  2.ชัยภูมิ 58.13 ต่อแสนประชากร  3.ขอนแก่น 53.83 ต่อแสนประชากร
          4.แม่ฮ่องสอน 37.87 ต่อแสนประชากร และ 5.นครราชสีมา 36.92 ต่อแสนประชากร ส่วนภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ 25.67 ต่อแสนประชากร ภาคกลาง 22.04 ต่อแสนประชากร ภาคใต้  18.42 ต่อแสนประชากร และภาคเหนือ 14.14 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ