Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 20/03/2563 ]
พณ.เร่งกำลังผลิตหน้ากากวันละ2.2ล้านชิ้น ศาลสั่งจำคุกโก่งราคา7ราย

 พาณิชย์เผยข่าวดี โรงงานเพิ่มการผลิตหน้ากากอนามัยชนิดทางการแพทย์สีเขียว เป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้นแล้ว มั่นใจมีให้ "หมอ-บุคลากรแพทย์" เพิ่มมากขึ้น ทางด้านเอกอัครราชทูตจีนยืนยันพร้อม ช่วยเหลือไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 โดยจะหาชุดตรวจ-หน้ากากอนามัยชุดป้องกันตัว-ยารักษา ส่งมาช่วยสนับสนุน ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายหน้ากาก-เจลล้างมือ ล่าสุด รวบอีก 7 ราย ยอดรวม 176 ราย
          เมื่อวันที่ 19 มีนาคม มีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) แจ้งว่า ขณะนี้ ปริมาณการผลิตหน้ากากอนามัยได้ขยับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังจากที่โรงงานผลิตที่มีการปรับเปลี่ยนสายการผลิตหันมาเร่งผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ชนิดสีเขียว จากเดิมที่ผลิตได้วันละ 1.71 ล้านชิ้น เพิ่มเป็น 1.9 ล้านชิ้นในวันที่ 18 มีนาคม และในวันนี้(19 มีนาคม) เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้น ทำให้กระจายไปยังผู้ที่จำเป็น ต้องใช้และประชาชนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายในได้ปรับหน้ากากอนามัยที่เพิ่มขึ้นไปในจุดต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เพิ่มเป็นวันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อกระจายต่อไปยัง รพ.สังกัด สธ. รพ.กรมการแพทย์ รพ.รัฐนอกสังกัด สธ. สถานพยาบาลเอกชน สมาคมคลินิกไทย รพ.สังกัดมหาวิทยาลัย สถานพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักอนามัย เป็นต้น
          ส่วนหน้ากากอนามัยอีก 900,000 ชิ้น กรมการค้าภายในจะกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ถูกกักตัวที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ผู้ทำงานในกลุ่มแพทย์ฉุกเฉิน เช่น มูลนิธิ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงเดิม เช่น ผู้ให้บริการในสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง ส่วนประชาชนทั่วไป ได้กระจายผ่านร้านธงฟ้า เซเว่น อีเลฟเว่น เทสโก้ โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี วิลล่ามาร์เก็ต ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอินทนิล และล่าสุดกำลังจะกระจายผ่านคาเฟ่ อเมซอน และขอความร่วมมือทางห้างและร้านสะดวกซื้อให้ขายให้ถึงมือประชาชนให้มากที่สุด
          ขณะที่เฟซบุ๊ค Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลเรื่อง "ประเทศจีนให้ความช่วยเหลือประเทศไทยในการต่อสู้กับโรคระบาดอย่างเต็มที่" สรุปรายละเอียดได้ว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายหยาง ซิน อุปทูต รักษาการแทน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยพูดคุยทางโทรศัพท์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อแจ้งว่าฝ่ายจีนจะให้ความช่วยเหลือประเทศไทย ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และต่อมา วันที่ 18 มีนาคม นายหยาง ซิน ได้หารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว. สาธารณสุข เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียด ดังกล่าว
          ทั้งนี้ ฝ่ายจีนยินดีที่จะช่วยเหลือฝ่ายไทยในรูปแบบต่างๆ เท่าที่จะทำได้ รัฐบาลจีน จะให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทยในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ เช่น ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากาก N95 และชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ประสานงานกับผู้ประกอบการให้จำหน่ายยาสำหรับรักษาไวรัสโควิด-19 ให้แก่ ฝ่ายไทย ผู้ประกอบการจีนจะส่งออกเวชภัณฑ์ มายังประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการสูงสุดของฝ่ายไทย
          "ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ประชาชนชาวจีนจะคอยอยู่เคียงข้างประชาชนชาวไทย ด้วยความร่วมมืออย่างจริงใจและความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายจะสามารถเอาชนะโรคระบาดและฟื้นฟูการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างแน่นอน" เฟซบุ๊ค Chinese Embassy Bangkok ระบุ
          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และทีมผู้บริหาร สธ.ร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข แถลงข่าวหลังประชุมร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อหามาตรการป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ในไทย ว่า เราต้องมั่นใจในบุคลากรที่มีประสบการณ์ผ่านการควบคุมโรคระบาดมาแล้วกว่า 20 ปี และต้องร่วมมือ กันต่อสู้ศัตรูของเราคือโควิด-19 ไม่ใช่คนไทย ด้วยกัน ถ้าเราช่วยกันสู้จะไม่มีทางพ่ายแพ้ ตอนโรคระบาดมาใหม่ๆ รัฐบาลถูกตำหนิว่าดูแลแต่คนจีน เพราะในช่วงนั้นมีแต่คนจีนที่ติดเชื้อ วันนี้ขอให้มองว่าเราได้อะไรกลับมา จีนพร้อมสนับสนุนเราทุกด้าน
          "เมื่อเช้า แจ็ค หม่า โทรศัพท์เข้ามา ผมต่อสายให้คุยกับนายกฯ โดย แจ็ค หม่า ขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดูแลคนจีน และ พร้อมสนับสนุนเวชภัณฑ์ เราจึงขอให้แจ็ค หม่า ใช้คอนเนคชั่นติดต่อไปยังเจ้าของผลิตภัณฑ์ให้ขายของให้ไทย ไม่ต้องให้ฟรี ยามีเท่าไหร่เราซื้อหมด" นายอนุทิน กล่าว
          นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของวันที่ 18 มีนาคม 2563 จำนวน 7 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย เป็นประเภทร้านค้าทั่วไป ขายหน้ากากอนามัยแพ็ก 10 ชิ้น ราคาแพ็กละ 160 บาท 1 ราย แจ้งข้อหากระทำความผิดขายหน้ากากอนามัย เกินราคาควบคุม และขายราคาเกินสมควร ส่วนอีก 1 ราย ขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคา
          ต่างจังหวัด 5 ราย ได้แก่ อุดรธานี 1 ราย เป็นร้านค้าทั่วไป ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุม ราคาชิ้นละ 18 บาท เชียงใหม่ 1 ราย เป็นโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ไม่แจ้งข้อมูลปริมาณ สถานที่เก็บ ตามประกาศ กกร. จึงแจ้งข้อหามาตรา 25(5) เป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อราคาจำหน่ายปริมาณการผลิตปริมาณคงเหลือ รายวัน ปทุมธานี 2 ราย เป็นการล่อซื้อหน้ากากอนามัย ราคาชิ้นละ 20 บาท ความผิดข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคาควบคุมและขายแพงเกินสมควร ศรีสะเกษ 1 ราย ขายหน้ากากอนามัยกล่องละ 50 ชิ้น ราคา 1,000 บาท แจ้งข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและขายราคาเกินสมควร
          สำหรับสถิติถึงวันที่ 18 มีนาคม 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 176 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ 99 ราย และต่างจังหวัด 77 ราย ทั้งนี้ หากพบเห็น ผู้กระทำผิด โปรดแจ้งร้องเรียน สายด่วน 1569 หรือเว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th กระทรวงพาณิชย์
          ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้นำตัว น.ส.ณัปอิศรา ขอสุข, นายพงษ์พันธ์ โสมสุด, น.ส.น้ำฝน เอยศิริ, น.ส.อุมาพร มั่นคง, น.ส.นิศรา มหาเรือนขวัญ, นางทัศพร ฉันทนาภิธาน และน.ส.ตาว ตรีเทวี มายื่นฟ้อง ต่อศาลฐานจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร โดยฟ้องจำเลยคนละสำนวน รวม 7 สำนวน ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว จำเลยรับสารภาพ ซึ่ง น.ส.อุมาพร มีหน้ากากอนามัย 4 พันชิ้น ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน, น.ส.ตาว มีหน้ากากอนามัย 750 ชิ้น พิพากษาจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี, น.ส.น้ำฝน มีหน้ากากอนามัย 125ชิ้น, นายพงษ์พันธ์ มีหน้ากากอนามัย 150 ชิ้น และน.ส.ณัปอิศรา มีหน้ากากอนามัย 150 ชิ้น พิพากษาจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก จำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน
          ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งห้ามีการกระทำอันเป็นการฉกฉวยโอกาสที่โรคไวรัสโควิด-19 อุบัติร้ายแรงแพร่ระบาดไปทั่วโลก บุคลากรทางแพทย์และประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จำเลยทั้งห้ากลับจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงเห็นสมควรไม่รอการลงโทษจำเลยทั้งห้า ส่วน นางทัศพร มีหน้ากากอนามัย 50 ชิ้น และน.ส.นิศรา มีหน้ากากอนามัย 8 ชิ้น พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 25,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้งสองมีของกลางปริมาณน้อย และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลย 5 คน ที่ศาลไม่รอการลงโทษไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

 pageview  1204974    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved