Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 27/08/2562 ]
ปิดประตูตายบุหรี่ไฟฟ้าได้จริงหรือ

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ออกมาแสดงท่าทีเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าว่ายังคงให้เป็นสินค้าผิดกฎหมายพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเข้มงวดมากขึ้นในการปราบปรามตลาดมืด และก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ได้กล่าว ถึงเรื่องนี้หลังการประชุม สสส.ครั้งแรก โดยระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้า มีพิษภัย ห้ามนำเข้า 100% เพราะเป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชนนั้น
          นับเป็นความตั้งใจดีและเป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 12 นโยบายหลักที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา และเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ประชาชนคาดหวังให้รัฐบาลประยุทธ์เร่งดำเนินการมากที่สุด เพราะ "นิโคติน" แม้จะไม่ได้ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง แต่ก็เป็นสารเสพติดที่เด็กและเยาวชนไม่ควรใช้
          บุหรี่ไฟฟ้าถูกห้ามนำเข้าในประเทศมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว แม้ว่าจะมีการห้ามนำเข้าแต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าปรากฏการลักลอบซื้อขายผ่านตาม ช่องทางผิดกฎหมายและสื่อออนไลน์ต่างๆ มากมายโดยไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนได้และรัฐยังเก็บภาษีไม่ได้แม้แต่บาทเดียว แม้ว่ากระทรวงการคลังอยากเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้านี้แต่ก็ถูกคัดค้านโดยตลอด
          นอกจากนี้การห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ายังส่งผลการท่องเที่ยวเพราะการจับ ปรับ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและ ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจนมีเรื่องร้องเรียนถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีสถานทูตหลายประเทศออกคำเตือนถึงการเดินทางมายังประเทศไทยที่อาจถูก ปรับ จับกุมด้วยโทษอันรุนแรง
          แม้จะมีข่าวการจับกุมทลายแหล่งซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า รายวัน แต่ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับก็คือว่าภาครัฐ ไม่สามารถ ป้องกันเด็กและเยาวชนจากการแอบซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากตลาดออนไลน์หรือตลาดหนีภาษีได้เลย ทั้งๆ ที่ประเด็นการ ปกป้องเยาวชนจากสิ่งเสพติดซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างเพื่อแบนบุหรี่ไฟฟ้า นิยาม "ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ" มีเกิดขึ้นทุกที่ในสังคมไทย ยิ่งเราแบนบุหรี่ไฟฟ้า ก็เหมือนยิ่งส่งเสริมตลาดใต้ดินเหล่านี้เติบโตมากขึ้น
          นอกจากนี้ การห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าของไทยยังสวนทางกับนโยบายสาธารณสุขของประเทศที่มีความก้าวหน้า เช่น อังกฤษ อเมริกา นิวซีแลนด์ สหภาพยุโรป ที่รัฐบาลประเทศเหล่านี้เปิดทางเลือกให้กับผู้สูบบุหรี่ที่ยังไม่สามารถเลิกได้ ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายน้อยกว่า
          น่าจะดีกว่า หากผู้บริหารของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ยุคใหม่จะลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่เป็นการรณรงค์เพื่อการป้องกันอันตรายแทนการแบน เหมือนที่เราทำสำเร็จมาแล้วจากกรณีรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือรณรงค์ให้สวมหมวก กันน็อกเพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะยังไงคนจะมีเพศสัมพันธ์หรือจะขี่มอเตอร์ไซค์ เราก็คงไปห้ามไม่ได้อยู่ดี เช่นเดียวกับที่จะยังมีคนสูบบุหรี่อยู่ต่อไปนับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่กรณีบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองกลับออกมาด่วนสรุปโดยปราศจากการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ และรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน
          แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่รัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข จะรับฟังเสียงประชาชน ศึกษาข้อมูลจากต่างประเทศและเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้ความเห็นเหมือนกับที่ท่านทำกับเรื่องกัญชาที่เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคภูมิใจไทย เพื่อหาทางออกให้กับปัญหานี้ เพราะหากประเทศไทยแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปก็เท่ากับเราไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ดีขึ้น บางทีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย อาจทำให้เราได้ทางออกของปัญหานี้เพื่อลูกหลานของเราในวันข้างหน้าได้ดีกว่าการซุกปัญหาไว้ใต้พรมแบบเดิมต่อไป

 pageview  1205138    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved