Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 17/07/2561 ]
ย.แจง2หมื่นป่วยความดันใช้ วาลซาร์แทน รักษาเตือนอย่าวิตกหยุดกิน ให้นำยาไปเปลี่ยนที่รพ.

  อย.แถลงแนวทางปฏิบัติตัวสำหรับ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ใช้ยาวาลซาร์แทน ซึ่งปนเปื้อนสารก่อมะเร็งจากวัตถุดิบที่ใช้ผลิต อย่าวิตกเกินเหตุ ให้นำยาไปเปลี่ยนที่รพ.ที่รักษาตัว โดยไม่ควรหยุดใช้ทันทีหวั่นกระทบสุขภาพ เผยมีเพียง 2 หมื่นคน ใช้ยาดังกล่าว ย้ำการเรียกคืนยาดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย หลังมีข้อมูลวิทยาศาสตร์ระบุ แต่ยังไม่มีข้อมูลผู้ป่วยที่ใช้ยาดังกล่าวเป็นมะเร็ง
          เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์  เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อม นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. แถลง แนวทางปฏิบัติตัวของประชาชนหลังเรียกเก็บ ผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน (Valsartan) ยารักษาความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ที่พบวัตถุดิบปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยหรือไม่
          โดยนพ.วันชัยกล่าวว่า จากที่ อย. เรียกเก็บคืนผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน เพราะพบสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ผลิต โดยมีบริษัทผู้รับอนุญาตผลิต/นำหรือ สั่งยาวาลซาร์แทนเข้ามาในราชอาณาจักร 7 บริษัท และมีทะเบียนตำรับยาที่ได้ รับอนุญาตให้จำหน่าย 16 ชื่อการค้า จาก การตรวจสอบมีบริษัทผู้รับอนุญาตที่ใช้วัตถุดิบ จาก Zhejiang Huahai Pharmaceuticals เพียง 2 ราย ได้แก่ บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด และ บริษัท ยูนีซัน จำกัด ซึ่งมีเลขทะเบียนตำรับ รวม 5 ตำรับ ได้แก่
          1.ยา VALATAN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 9/54 (NG)  2.ยา VALATAN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 10/54 (NG) 3.ยา VALSARIN 80 4.ยา VALSARIN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 5/60 (NG) และ 5. ยา VALSARIN 320 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 6/60 (NG) ซึ่ง อย. เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ออกข่าวแจ้งเตือนประชาชน ทั้งนี้ เป็นไปตามระบบมาตรฐานที่ทำได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราพบผู้ป่วยที่รับประทานยากลุ่มนี้แล้วก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เพราะจากทั่วโลกยังไม่พบ แต่จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบในหนูทดลอง ซึ่งตามหลักความปลอดภัยเมื่อพบในสัตว์ทดลอง ต้องสั่งหยุด การใช้
          "สิ่งสำคัญคือ การเรียกคืนยาดังกล่าว ไม่ใช่ว่าผู้ป่วยต้องหยุดใช้ยาด้วย เนื่องจาก อันตรายมาก แต่จะมียาตัวอื่นอีกจากบริษัทที่เหลือ ซึ่งมีตำรับยารวม 38 ตำรับ จึงไม่ต้องวิตกกังวล ขอเพียงผู้ป่วยมาเปลี่ยนยา และระหว่างนี้ยังใช้ได้อยู่ ขอย้ำ ว่าอย่าหยุดยาเด็ดขาด เพราะส่งผลต่อสุขภาพตัวเองได้" นพ.วันชัย กล่าว
          ด้านนพ.สุรโชคกล่าวว่า ยาความ ดันโลหิตมีหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่เรียกคืน เป็นยานอกบัญชียาหลัก และเป็นยาที่ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้แพร่หลาย เนื่องจากแพทย์จะให้ใช้ยากลุ่มแรกคือ ลอซาร์แทน (Losartan) ก่อน แต่ถ้าใช้แล้วคุมความดันไม่ได้ หรือมีอาการข้างเคียง ก็อาจเปลี่ยนไปเป็นยากลุ่มวาลซาร์แทน โดยข้อมูลปี 2560 พบการใช้ยาความดันโลหิตรวมกว่า 30 ล้านเม็ดในผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษา และมี 6 ล้านเม็ด ที่เป็นยาวาลซาร์แทนจาก  2 บริษัทดังกล่าว โดยมี ผู้ป่วยความดันโลหิตประมาณ 20,000 คน ในทุกสิทธิการรักษา และทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนใช้ยากลุ่มนี้
          สำหรับคำแนะนำที่ผู้ใช้ยาตำรับดังกล่าวควรปฏิบัติ นพ.สุรโชคเผยว่า  ให้ผู้ป่วยไปเปลี่ยนยาที่ โรงพยาบาล คลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้รับการจ่ายยา  ถ้ายังไม่สามารถไปเปลี่ยนยาได้ในระยะนี้ ขออย่าหยุดการใช้ยาทันที เพราะผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน (กลุ่ม Angiotensin II Receptor Blocker: ARB) เป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องใช้ยาต่อเนื่อง ซึ่งสารปนเปื้อนที่พบในผลิตภัณฑ์ยาดังกล่าว จากการศึกษาข้อมูลความปลอดภัยย้อนหลัง ยังไม่พบว่าผู้ป่วยเกิดมะเร็งจากยานี้ ที่ใช้วัตถุดิบจากจีน และผู้ป่วยที่เคยได้รับผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทนรักษามา ต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูงตัวอื่น ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน เลขทะเบียนตำรับอื่นที่ไม่มีการปนเปื้อนได้
          นพ.สุรโชคกล่าวต่อว่า เมื่อเราทราบตัวเลขผู้ป่วย 20,000 คน ที่ใช้ยากลุ่มนี้ ได้ติดต่อโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งจะมีรายชื่อผู้ป่วยอยู่ ให้แจ้งเตือนนำยามาคืน และให้ยาตัวใหม่ไปแทน ส่วน ผู้ป่วยคนไหนไม่สะดวก และกังวลก็เลิกใช้ ยาเลย แต่ไม่ควรทำ เพราะผู้ป่วยความดัน ที่มีภาวะโรคหัวใจ จะเสี่ยงมาก  สิ่งที่อย.ดำเนินการเป็นการเฝ้าระวัง ต้องรอดูข้อมูลจากทั่วโลกด้วย
          รองเลขาธิการฯ อย.กล่าวอีกว่า อย. แจ้งเตือนเร่งด่วนเรื่องดังกล่าวไปยังหน่วยงานทั่วประเทศ เช่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน หลังรับแจ้งเตือนจากต่างประเทศ และรีบเรียกเก็บผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน เลขทะเบียนตำรับ ดังกล่าวทุกรุ่นภายใน 15 วัน พร้อมมีคำสั่งให้ผู้รับอนุญาตผลิตยาทั้งสองแห่งระงับการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน ทุกทะเบียนที่ใช้วัตถุดิบจากแหล่งผลิตดังกล่าวชั่วคราว รวมทั้งระงับจำหน่ายเภสัชเคมีภัณฑ์วาลซาร์ แทน ที่มาจากแหล่งผลิตดังกล่าว และ อย.จะควบคุมการทำลายต่อไป อีกทั้ง ให้แจ้งข้อมูลรายละเอียดการนำเข้า และขายเภสัชเคมีภัณฑ์วาลซาร์แทนแต่ละรุ่น จากทุกแหล่งผลิตตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน ให้อย.ทราบภายในวันที่ 31 กรกฎาคม

 pageview  1204505    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved