Follow us      
  
  

ไทยโพสต์ [ วันที่ 30/04/2555 ]
DSIสรุปคดีฉกซูโดฯรพ.3พ.ค.

ไทยโพสต์ * ดีเอสไอเตรียมบินไต้หวันสอบสัญญาซื้อซูโดฯ ตัวจริง พร้อมสรุปสำนวนคดีฉกยาออกจาก รพ. 3 พ.ค. ยันพยานซัดทอดตัวการใหญ่แล้ว "วิทยา" สั่ง อย.จัดระเบียบคุมเข้มยาหวัดสูตรมีปัญหา
          เมื่อวันที่29 เมษายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า จะมีการไปตรวจสอบต้นฉบับเอกสารสัญญาสั่งซื้อยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนที่ประเทศไต้หวัน  หลังจากพบว่ามียอดการสั่งซื้อยาที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนไม่ตรงกัน  โดยได้ประสานงานกับหน่วยสอบสวนกลางไต้หวันไว้แล้ว และในต้นเดือน  พ.ค.อธิบดีหน่วยสอบสวนกลางไต้หวันจะเดินทางมาเยี่ยมการทำงานของดีเอสไอ ซึ่งจะมีการพูดคุยถึงการทำงานร่วมกันต่อไป
          ส่วนความคืบหน้าการสอบ สวนรวบรวมพยานหลักฐาน  ในคดีการรั่วไหลของยาซูโดอีเฟดรีนจากโรงพยาบาลนั้น  ในวันที่  3 พ.ค.จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสรุปพยานหลักฐานทั้งหมด พิจารณาว่าเพียงพอจะออกหมายเรียกใครบ้างให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
          พ.ต.อ.อัครพล  บุณโยปัษ ฎัมภ์ รักษาการผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เฉพาะด้าน (ระดับ 9) ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนและการข่าว  คดีลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนจากต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนกลางของไต้หวัน หรือหน่วย  MJIB ประจำประเทศไทย  ซึ่งต้องพิสูจน์ตรวจสอบข้อความที่ถูกต้องถึงยอดของการสั่งซื้อยาซูโดฯ ในเอกสารสัญญาซื้อขายจำนวน  2  แผ่น  ที่ถูกเขียนไว้เป็นสองภาษาในฉบับเดียวกัน ในส่วนภาษาอังกฤษเขียนว่า  ten  thousand  million  tablets ซึ่งเท่ากับ 1  หมื่นล้านเม็ด ขณะที่ในส่วนภาษาจีนกลับระบุว่า  10 ล้านเม็ด
          มีรายงานข่าวจากดีเอสไอว่า ในการประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 3 พ.ค. จะมีการพิจารณาในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของยาแก้หวัดสูตรซูโดฯ ออกจากโรงพยาบาลรัฐว่า  ต้องส่งสำนวนการสอบสวนให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)  หรือจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม  และพิจารณาพยานหลักฐานในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนว่าทำได้ขนาดไหนแล้ว  เนื่องจากคดีดีเอสไอต้องการอาศัยความเชื่อมโยงของหลักฐานทั้งระบบ เพื่อใช้ดำเนินคดีกับตัวการใหญ่
          ทั้งนี้  พบว่ากลุ่มลักลอบนำยาแก้หวัดออกจาก  รพ.ทองแสนขัน  จ.อุตรดิตถ์  รพ.ศูนย์อุดรธานี และกลุ่มรวบรวมยาแก้หวัดสูตรซูโดฯ ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เชื่อมโยงกันรวมถึงกรณี รพ.สยามราษฎร์ และ รพ.เซ็นทรัลเชียงใหม่ เมโมเรียลเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้  พยานให้การซัดทอดตัวการสำ คัญ ในการบงการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยจะหารือกับอัยการในการดำเนินการต่อไป
          ด้านนายวิทยา  บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุข กล่าวว่า มาตรการเร่งด่วนในการควบคุมยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดฯ  หลังจากที่ออกประกาศควบคุมยาดังกล่าวเป็นวัตถุออกฤทธิ์เมื่อวันที่ 4 เม.ย.55  ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการ 3 เรื่องดังนี้  1.จัดระบบรองรับยาส่งคืน จากร้านขายยา สถานบริการ ที่ไม่ประสงค์จะครอบครองยา ตรวจสอบยอดคงเหลือเพื่อเข้าสู่ระบบการจ่ายยาวัตถุออกฤทธิ์
          2.จัดระบบจำหน่ายยาที่ คงเหลือในทุกบริษัท  ให้แก่สถานบริการที่มีประกาศครอบครองการใช้ยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์  โดยให้ทุกสถานพยาบาลทำแผนและประมาณการใช้ยาล่วงหน้ามาที่ อย.  และเมื่อมีใบสั่งซื้อไปที่บริษัทจะมีระบบบันทึกการรายงานเพื่อการดำเนินการตรวจสอบ แ ละ 3.การจัดระบบยาแก้หวัดสูตรผสม ซูโดฯ  ของประเทศให้ชัดเจนทั้งจำนวน  สูตรตำรับยาที่จะผลิตในอนาคต และการมอบหมายบริษัทผู้ผลิต เพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อการใช้  และสามารถตรวจสอบได้ทันที
          "ผลการตรวจสอบระบบการบริหารยาและเวชภัณฑ์ยา ใน โรงพยาบาลทุกระดับที่อยู่ในสัง กัดกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ พบว่าร้อยละ 99 มีระบบการควบคุมที่เข้มแข็ง  และปฏิบัติตามกรอบที่กระทรวงสาธารณสุขได้วางไว้ตั้งแต่  พ.ศ.2530  มีปัญหาเพียง 8 แห่งเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 1 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก  และจะดำเนินการด้านวินัยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  พร้อมวางระบบป้อง กันในอนาคต" นายวิทยา ระบุ.

 pageview  1205849    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved