ไทยโพสต์ * ดีเอสไอเตรียมบินไต้หวันสอบสัญญาซื้อซูโดฯ ตัวจริง พร้อมสรุปสำนวนคดีฉกยาออกจาก รพ. 3 พ.ค. ยันพยานซัดทอดตัวการใหญ่แล้ว "วิทยา" สั่ง อย.จัดระเบียบคุมเข้มยาหวัดสูตรมีปัญหา
เมื่อวันที่29 เมษายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า จะมีการไปตรวจสอบต้นฉบับเอกสารสัญญาสั่งซื้อยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนที่ประเทศไต้หวัน หลังจากพบว่ามียอดการสั่งซื้อยาที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนไม่ตรงกัน โดยได้ประสานงานกับหน่วยสอบสวนกลางไต้หวันไว้แล้ว และในต้นเดือน พ.ค.อธิบดีหน่วยสอบสวนกลางไต้หวันจะเดินทางมาเยี่ยมการทำงานของดีเอสไอ ซึ่งจะมีการพูดคุยถึงการทำงานร่วมกันต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการสอบ สวนรวบรวมพยานหลักฐาน ในคดีการรั่วไหลของยาซูโดอีเฟดรีนจากโรงพยาบาลนั้น ในวันที่ 3 พ.ค.จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสรุปพยานหลักฐานทั้งหมด พิจารณาว่าเพียงพอจะออกหมายเรียกใครบ้างให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
พ.ต.อ.อัครพล บุณโยปัษ ฎัมภ์ รักษาการผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เฉพาะด้าน (ระดับ 9) ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนและการข่าว คดีลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนจากต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนกลางของไต้หวัน หรือหน่วย MJIB ประจำประเทศไทย ซึ่งต้องพิสูจน์ตรวจสอบข้อความที่ถูกต้องถึงยอดของการสั่งซื้อยาซูโดฯ ในเอกสารสัญญาซื้อขายจำนวน 2 แผ่น ที่ถูกเขียนไว้เป็นสองภาษาในฉบับเดียวกัน ในส่วนภาษาอังกฤษเขียนว่า ten thousand million tablets ซึ่งเท่ากับ 1 หมื่นล้านเม็ด ขณะที่ในส่วนภาษาจีนกลับระบุว่า 10 ล้านเม็ด
มีรายงานข่าวจากดีเอสไอว่า ในการประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 3 พ.ค. จะมีการพิจารณาในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของยาแก้หวัดสูตรซูโดฯ ออกจากโรงพยาบาลรัฐว่า ต้องส่งสำนวนการสอบสวนให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หรือจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม และพิจารณาพยานหลักฐานในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนว่าทำได้ขนาดไหนแล้ว เนื่องจากคดีดีเอสไอต้องการอาศัยความเชื่อมโยงของหลักฐานทั้งระบบ เพื่อใช้ดำเนินคดีกับตัวการใหญ่
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มลักลอบนำยาแก้หวัดออกจาก รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ รพ.ศูนย์อุดรธานี และกลุ่มรวบรวมยาแก้หวัดสูตรซูโดฯ ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เชื่อมโยงกันรวมถึงกรณี รพ.สยามราษฎร์ และ รพ.เซ็นทรัลเชียงใหม่ เมโมเรียลเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ พยานให้การซัดทอดตัวการสำ คัญ ในการบงการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยจะหารือกับอัยการในการดำเนินการต่อไป
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุข กล่าวว่า มาตรการเร่งด่วนในการควบคุมยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดฯ หลังจากที่ออกประกาศควบคุมยาดังกล่าวเป็นวัตถุออกฤทธิ์เมื่อวันที่ 4 เม.ย.55 ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการ 3 เรื่องดังนี้ 1.จัดระบบรองรับยาส่งคืน จากร้านขายยา สถานบริการ ที่ไม่ประสงค์จะครอบครองยา ตรวจสอบยอดคงเหลือเพื่อเข้าสู่ระบบการจ่ายยาวัตถุออกฤทธิ์
2.จัดระบบจำหน่ายยาที่ คงเหลือในทุกบริษัท ให้แก่สถานบริการที่มีประกาศครอบครองการใช้ยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ โดยให้ทุกสถานพยาบาลทำแผนและประมาณการใช้ยาล่วงหน้ามาที่ อย. และเมื่อมีใบสั่งซื้อไปที่บริษัทจะมีระบบบันทึกการรายงานเพื่อการดำเนินการตรวจสอบ แ ละ 3.การจัดระบบยาแก้หวัดสูตรผสม ซูโดฯ ของประเทศให้ชัดเจนทั้งจำนวน สูตรตำรับยาที่จะผลิตในอนาคต และการมอบหมายบริษัทผู้ผลิต เพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อการใช้ และสามารถตรวจสอบได้ทันที
"ผลการตรวจสอบระบบการบริหารยาและเวชภัณฑ์ยา ใน โรงพยาบาลทุกระดับที่อยู่ในสัง กัดกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ พบว่าร้อยละ 99 มีระบบการควบคุมที่เข้มแข็ง และปฏิบัติตามกรอบที่กระทรวงสาธารณสุขได้วางไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2530 มีปัญหาเพียง 8 แห่งเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 1 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก และจะดำเนินการด้านวินัยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมวางระบบป้อง กันในอนาคต" นายวิทยา ระบุ. |