ก่อนหน้านี้มีการศึกษาหลายชิ้นบ่งชี้ว่า ความเครียดของมารดาส่งผลถึงการพัฒนาสุขภาพจิตใจของลูกน้อยในครรภ์ได้ แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐพบว่า ความเครียดของฝ่ายชายก็ส่งผลเสียหายต่อสเปิร์มอย่างถาวร ทำให้ความเครียดถูกถ่ายทอดสู่ลูกได้เช่นกัน
          คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เพนซิลเวเนียทำการศึกษาทดลองกับหนูตัวผู้ เพื่อดูว่าความเครียดนั้นส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในน้ำเชื้อของหนูหรือไม่ และมีผลต่อลูกที่เกิดจากน้ำเชื้อนี้หรือไม่ ทีมงานเลือกศึกษาจากหนูเนื่องจากหนูตัวผู้ยุ่งเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ซึ่งหมายถึงปัจจัยภายนอกที่ไม่เกี่ยวกับการสร้างเซลล์สืบพันธุ์จะถูกตัดออก
          ทีมนักวิจัยนำโดยศาสตราจารย์เทรซี เบล พบว่า ความเครียดสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในอสุจิของหนูตัวผู้ ที่จะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนบางชนิดในสมองบางส่วนของลูกหนู
          ในการทดลองที่ตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยาศาสตร์ (Journal of Neuroscience) นักวิจัยได้จับหนูตัวผู้ทั้งก่อนวัยเจริญพันธุ์และหนูโตเต็มวัย มาผ่านกระบวนการสร้างความเครียดแบบเรื้อรังนาน 6 สัปดาห์ ก่อนปล่อยให้พวกมันผสมพันธุ์ วิธีสร้างความเครียดก็เช่น การย้ายกรงกะทันหัน, ให้ได้กลิ่นของสัตว์นักล่า, เปิดเสียงดังหรือใส่ของแปลกปลอมเข้าไปในกรง ผลปรากฏว่า ลูกหนูที่เกิดจากพ่อหนูที่เครียดจะมีฮอร์โมนความเครียดคอร์ติโคสเทอโรน หรือในมนุษย์ก็คือฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่สนองตอบต่อสภาวะเครียดในระดับที่มีนัยสำคัญ ปฏิกิริยาแบบนี้เชื่อมโยงถึงความผิดปกติทางจิตหลายอย่าง
          การศึกษาหลายชิ้นก่อนหน้านี้มักให้ความสำคัญกับปัญหาท้าทายในสภาพแวดล้อมต่อผู้เป็นแม่ เช่น การรับประทานอาหาร, การใช้ยา และความเครียดเรื้อรังระหว่างการตั้งครรภ์ ว่าส่งผลต่อการพัฒนาระบบประสาทของลูกในครรภ์ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคบางอย่างหรือไม่อย่างไร แต่ผลงานวิจัยของเบลชิ้นนี้ชี้ว่า ความเสียหายของอสุจิของผู้เป็นพ่อที่เกิดจากความเครียดหรือความกังวล ไม่ว่าในวัยผู้ใหญ่ วัยรุ่น หรือสะสมมาตั้งแต่ก่อนเข้าวัยเจริญพันธุ์ ก็ทำให้ลูกพัฒนาปฏิกิริยาสนองตอบต่อความเครียดอย่างตรงไปตรงมาด้วย