การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอคือหนทางสู่การป้องกันโรค แต่ในบางครั้งกลับพบว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงดีต้องเผชิญโรคภัยต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเป็นเพราะโรคบางโรคไม่ได้เกิดขึ้นจากพฤติกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะป้องกันได้ และหลายๆ โรคก็มักจะต้องใช้การผ่าตัดในการรักษา ซึ่งเมื่อพูดถึงการผ่าตัดหลายคนมักจะเกิดความกลัวในเรื่องต่างๆ เช่น ความเจ็บปวด รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ ความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน การพักฟื้นในโรงพยาบาลนานเป็นสัปดาห์ และผลกระทบในการใช้ชีวิตหลังผ่าตัด เป็นต้น แต่ในปัจจุบันการผ่าตัดมีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนไป เนื่องจากมีเทคโนโลยีผ่าตัดแผลเล็กผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery- MIS) แบบสามมิติ (3D) ที่ทำให้การผ่าตัดในยุคนี้กลายเป็นเรื่องเล็กลงสำหรับผู้ป่วย
นพ.พรเทพ ประทานวณิช ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลนครธน ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดผ่านกล้องมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ทั้งจากในประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ที่ผ่านมาการผ่าตัดรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคนิ่วในถุงน้ำดี และโรคอื่นๆ ใช้วิธีการผ่าตัดมาตรฐานแบบเปิดแผลใหญ่ จึงทำให้คนไข้มีอาการเจ็บแผล ส่งผลให้หลังการผ่าตัดต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน แต่ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีการผ่าตัดแผลเล็กผ่านกล้องเข้ามาใช้ โดยเป็นการเจาะรูเล็กๆ จำนวน 3-4 แผล บริเวณสะดือและหน้าท้อง ซึ่งแผลจะเล็กเพียง 0.5-1.0 เซนติเมตร จากนั้นแพทย์จะนำเครื่องมือที่ติดกล้องสอดเข้าไปในรู และใช้เครื่อง
มือขนาดเล็กผ่าตัดบริเวณจุดดัง
กล่าว โดยกล้องก็จะแสดงผลออก
มาทางหน้าจอแบบเรียลไทม์ ส่ง
ผลให้คนไข้เจ็บแผลน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่ และยังลดโอกาสในการเกิดแผลติดเชื้อ ทำให้ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วกว่า
"ในช่วงแรกกล้องที่ใช้สำหรับการผ่าตัดยังเป็นกล้องแบบสองมิติ ที่ถึงแม้จะมีความคมชัด แต่ไม่สามารถรับรู้ถึงความลึกของบริเวณที่ผ่าตัดได้ ต่อมาจึงได้มีการพัฒนามาเป็นกล้องแบบสามมิติที่มีทั้งความคมชัดและสามารถเห็นความลึกได้แบบละเอียดมาก ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นเส้นเลือดเล็กๆ หรือเนื้อเยื่อได้อย่างชัดเจนมากกว่าแบบจอ 2 มิติ ส่งผลให้การผ่าตัดรวดเร็ว แม่นยำ ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยล่าสุดมีการผ่าตัดลำไส้คุณยายอายุ 98 ปี ด้วยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้องแบบสามมิติ คนไข้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง 5 วันเท่านั้น"
สำหรับการผ่าตัดรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบโดยทั่วไปยังคงใช้การผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ แต่หากเลือกรักษาด้วยการผ่าตัดแผลเล็กผ่านกล้อง 3 มิติ ก็จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนได้มากขึ้น โดยแพทย์จะเจาะบริเวณสะดือแล้วสอดอุปกรณ์เข้าไป จากนั้นจะตัดไส้ติ่งที่อักเสบเป็นหนองใส่ในถุงเก็บชิ้นเนื้อ ก่อนที่จะดึงขึ้นมาทางรูแผลที่เจาะประมาณ 1 ซม. ดังนั้นส่วนที่เป็นหนองจะไม่มาเลอะแผลผ่าตัด ซึ่งลดความเสี่ยงแผลติดเชื้อได้
อีกหนึ่งโรคที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด คือ โรคนิ่วในถุงน้ำดี "การผ่าตัดโรคนิ่วในถุงน้ำดีในอดีต เป็นการผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่ เพื่อเลาะเอาถุงน้ำดีออก โดยแพทย์ต้องตัดกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านขวาบนก่อนที่จะเข้าไปในช่องท้อง ดังนั้นคนไข้จะรู้สึกเจ็บแผลมาก และรู้สึกเจ็บเวลาหายใจ ทำให้คนไข้หายใจไม่เต็มปอด ส่งผลให้ปอดแฟบและมีอาการปอดอักเสบได้ในเวลาต่อมา แต่ในปัจจุบันแพทย์สามารถรักษา โดยใช้เทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้อง 3 สามมิติ ทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว โดยพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง 1-2 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้"
นอกจากนี้ ยังมีโรคอื่นๆ ที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดอีกมาก อาทิ โรคไส้เลื่อน โรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคทางนรีเวช เป็นต้น ดังนั้นหากมีเทคโนโลยีการผ่าตัดแผลเล็กผ่านกล้อง 3 มิติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรักษาให้แพทย์ได้มากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดน้อยลง และใช้เวลาในการพักฟื้นเพียงเล็กน้อย ทำให้ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกกลัวการผ่าตัดอีกต่อไป. |