แพทย์เตือนวัยโจ๋ฮิตแฟชั่นสัก เจาะ เพนต์ ต่อขนตา ต่อผม ระวังเสี่ยงต่อการแพ้สารเคมี ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ขณะนี้แฟชั่นการเจาะ สัก เพนต์ หรือการต่อส่วนต่างๆ เช่น ต่อขนตา ต่อเล็บ ต่อเส้นผม กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในเพศหญิงและเพศชาย โดยแต่ละคนจะมีเหตุผลที่ต่างกันไปในการทำเช่น สักเพื่อเป็นสัญลักษณ์ สักตามความเชื่อ สักตามแฟชั่น สักทางการแพทย์ เพื่อปิดจุดบกพร่อง สักเพื่อความสวยงาม สักคิ้ว ขอบตา ขอบปาก ซึ่งการสักมีทั้งที่สักด้วยมือและใช้เครื่องมีมอเตอร์ ทั้งนี้การสักบางประเภทอาจมีอัตรายอย่างคาดไม่ถึง เช่น การสักขอบตา อาจทำให้เยื่อบุตาขาวอับเสบหรือเป็นอันตราย หากสารหรือสีเข้าไปโดนตาดำอาจทำให้ตาบอดได้
          ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า ส่วนการเจาะ เช่น การเจาะหู เจาะสะดือ เจาะลิ้น เจาะหน้า เจาะอวัยวะเพศ เจาะหัวนม คาดเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ เป็นฝี หนอง โรคบาดทะยัก วัณโรค ผิวหนัง ตับ อักเสบ ซิฟลิส เอดส์ หรือเกิดอาการแพ้ เช่น แพ้โลหะที่ใช้เจาะใส่ เช่น แพ้นิกเกิล แพ้สีที่ใช้สัก และบางคนอาจเกิดแผลเป็น หรือเกิดอาการกำเริบของโรคผิวหนังที่เคยเป็นอยู่แล้ว เช่น สะเก็ตเงิน โรคผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ หากต้องการลบรอยสักก็จะเจ็บมากกว่าและเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากอีกด้วยสำหรับการเพนต์ให้ระวังการเกิดอาการแพ้สารเคมีที่ผสมอยู่ในสีเฮนน่า หรือ henna paint มีสาร paraphenylenediamine (PPD) เป็นสารที่ใช้ในการย้อมผมดำ ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ได้ ส่วนการต่อขนตาก็เช่นกันให้ระวังการระคายเคืองจากกาว การแพ้และการติดเชื้อ ทำให้ขนตาจริงร่วงส่วนการต่อผม สำหรับผู้ที่แพ้กาวก็จะทำให้เกิดหนังศีรษะอักเสบได้ ส่วนการต่อเล็บ หรือการเพนต์เล็บจะทำให้เล็บไม่แข็งรงผิวสีของเล็บเปลี่ยนไป ผิวเล็บไม่เรียบ อาจมีอาการแพ้ในบางรายและเกิดอาการติดเชื้อได้
          พญ.สุวิรากรกล่าวด้วยว่า การสักหรือเจาะห้ามผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างทำโดยเด็ดขาดนั่นก็คือ โรคฮีโมฟีเลีย หรือโรคโลหิตออกไม่หยุดโรคลิ้นหัวใจพิการ โรคผิวหนังแพ้และพุพอง สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้เครื่องประดับ แพ้โลหิตนิกเกิลหรือผู้ที่เกิดแผลเป็นนูนโต ที่เรียกว่าคีลอยด์ง่ายเหล่านี้ควรงดเว้นการสักและการเจาะ