Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 01/06/2563 ]
ไข้สูงเพียบ คนไทยกลับจากนอก

 ติดใหม่แค่ 4 สิงห์อมควัน ถ้าหากป่วย! เสี่ยง-14 เท่า
          เริ่มใจชื้น! ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 รายใหม่แค่ 4 คน ล้วนเดินทางมาจากต่างประเทศ ไร้คนป่วยตายเพิ่ม ขณะที่ผู้ติดเชื้อในประเทศช่วงสองสัปดาห์มีแค่ 9 ราย ส่วนอัตราการรักษาจนหายดีมีสูงถึงร้อยละ 96.17 แต่ยังต้องจับตาคนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศอีกลอตใหญ่ พบมีไข้สูงนับสิบราย ด้านกรมควบคุมโรคเตือนเหล่าสิงห์อมควัน หากติดโควิดเสี่ยงตายมากกว่าคนไม่สูบถึง 14 เท่า ส่วนทั่วโลกแม้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะยังไม่นิ่ง แต่หลายชาติยืนยันทยอยเปิดพื้นที่ให้พลเมืองออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านได้แล้ว
          สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในไทย ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากนอกประเทศและอยู่ในสถานที่กักตัวแล้ว ขณะที่ผู้ติดเชื้อจากในประเทศ รวมแค่ 9 ราย
          ป่วยเพิ่ม 4 รายอยู่ในที่กักตัว
          ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 31 พ.ค.พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ รายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 37 ปี เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย อาชีพพนักงานนวด เดินทางกลับมาถึงเมื่อวันที่ 24 พ.ค. เข้าพักในสถานที่ที่รัฐจัดให้ มีน้ำมูก หายใจลำบาก ปวดศีรษะ ปวดท้อง ในวันที่ 29 พ.ค.ตรวจพบเชื้อและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเลิด–สิน อีก 2 ราย กลับจากประเทศตุรกี เป็นนักศึกษาชายอายุ 18 ปี และ 19 ปี เข้าพักที่โรงแรม จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 29 พ.ค. แต่ไม่แสดงอาการ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี
          รักษาหายร้อยละ 96.17
          ส่วนรายที่สี่ กลับจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็น นศ.ชาย อายุ 22 ปี เดินทางจากกรุงริยาดกัวลาลัมเปอร์ แล้วเดินทางเข้าไทยทางด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ด้วยรถบัสถึงไทยวันที่ 21 พ.ค. เข้าพักที่สถานที่รัฐจัดให้ใน จ.นราธิวาส ตรวจพบเชื้อวันที่ 29 พ.ค. แต่ไม่มีอาการ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาส อย่างไรก็ตาม รายนี้นั่งรถบัสมาด้วยกันกับผู้ป่วยรายใหม่ของเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,081 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 57 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 2,963 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 96.17 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 61 ราย ในจำนวนนี้มีอาการรุนแรง 1 ราย
          ส่วนใหญ่มาจากนอกประเทศ
          พญ.พรรณประภากล่าวอีกว่า สถานการณ์ ผู้ติดเชื้อในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 44 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 83.2 มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพียง 9 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 16.98 แยกเป็นติดจากการสัมผัสผู้ป่วย 6 ราย และผู้ที่รับเชื้อจากการไปในสถานที่ชุมชน 3 ราย ชี้ให้เห็นว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลจะผ่อนคลายแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ ความสำเร็จครั้งนี้มาจากความร่วมมือของสถานประกอบการและประชาชนที่ปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ทั้งมาตรการส่วนบุคคล เช่น การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ และมาตรการของสถานประกอบการ เช่น การบริหารจัดการพื้นที่ จัดจุดคัดกรองอุณหภูมิ จุดบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือ การลงทะเบียนเข้า-ออก พื้นที่ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ เป็นต้น
          สิงห์อมควันป่วยแล้วหนักกว่า
          นอกจากนี้ ในเอกสารเผยแพร่จากกรมควบคุมโรคระบุเพิ่มเติมด้วยว่า เนื่องในวันที่ 31 พ.ค. ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก คำขวัญประจำปี 2563 มีว่า “ติดบุหรี่ ติดโควิด เสี่ยงตายสูง” #เลิกสูบลดเสี่ยง ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรค เพราะขณะสูบจะมีการปล่อยควัน ละอองไอออกมา อาจมีน้ำลาย สารคัดหลั่งและเชื้อโรคปะปนอยู่ และอาจแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ รวมทั้งข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ในการบังคับใช้กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (WHO FCTC) ได้ระบุถึงการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อโรคโควิด-19 ของผู้ป่วยในโรงพยาบาล พบว่าผู้ป่วยที่สูบบุหรี่มีโอกาสที่จะเกิดอาการรุนแรงได้มากกว่าคนปกติทั่วไปและเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 14 เท่า
          รับ 16 ช่างฝีมือไทยจากกัมพูชา
          ที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จ.สระแก้ว สนธิกำลังชุดปฏิบัติการร่วมรับตัวคนไทย 16 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 8 คน ที่ จนท.ด่าน ตม.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ปล่อยตัวกลับประเทศไทย นำตัวทั้ง 16 คนมาตรวจคัดกรองโรคที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ก่อนจะนำส่งสถานที่กักตัว 14 วันที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้แล้ว พ.ต.อ.อาทิตย์ กล่าวว่า คนไทยทั้ง 16 คนทำงานอยู่ในโรงงานพีเค การ์เม้นท์ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์เนมของต่างประเทศ เป็นแรงงานช่างฝีมือที่ไปเป็นพี่เลี้ยงให้แรงงานชาวกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาสั่งปิดโรงงานตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงต้องเดินทางกลับประเทศ ขณะที่โรงงานในกัมพูชากว่า 100 โรงงานถูกรัฐบาลสั่งปิดเช่นกัน คาดว่าจะมีแรงงานไทยเดินทางกลับประเทศอีกจำนวนมาก
          ยะลาสั่งปลดล็อกพื้นที่เสี่ยง
          ด้าน จ.ยะลา นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผวจ.ยะลา ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉินจังหวัดยะลา สั่งยกเลิกพื้นที่เสี่ยงต่อสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด 31 หมู่บ้าน 1 ชุมชน หลังจากดำเนินการตามเกณฑ์สาธารณสุข ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันจำนวนคงเดิมและไม่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 20 วันติดต่อกัน จ.ยะลาคงเหลือพื้นที่ 7 หมู่บ้านใน อ.บันนังสตา ที่ยังไม่ยกเลิก จะครบกำหนดวันที่ 6-7 มิ.ย.นี้ สถานการณ์ล่าสุดมี
          ผู้ป่วยสะสม 133 ราย รักษาหายสะสม 131 ราย เสียชีวิต 2 ราย
          ภูเก็ตรักษาผู้ป่วยหายหมดแล้ว
          ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตรายงานต่อที่ประชุมว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-30 พ.ค.2563 จ.ภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อยืนยันโรคโควิด-19 จำนวน 227 ราย (ไม่พบรายใหม่) ผู้ติดเชื้อได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน 224 ราย เสียชีวิต 3 ราย ปัจจุบันไม่มีผู้ติดเชื้อรับการรักษาพยาบาล ส่วนผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 7,227 ราย ยังคงรักษาพยาบาล 17 รายอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ กลับบ้านแล้ว 7,210 ราย ผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการทั้งหมด 11,262 ราย (พบเชื้อ 227 ราย) แยกเป็นผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม 7,227 ราย (พบเชื้อ 189 ราย) และเป็นผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุก 4,035 ราย (พบเชื้อ 38 ราย) สำหรับผู้ติดเชื้อยืนยันโรคโควิด-19 ทั้งหมด ปัจจุบันกลับบ้านหมดแล้ว แม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น จังหวัดภูเก็ตยังคงกำหนดมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมไม่ให้มีการระบาดระลอกสอง ขอความร่วมมือประชาชน ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญที่จะหยุดยั้งโรคโควิด-19 ได้คือการมีวินัยและความร่วมมือร่วมใจกันของประชาชนทุกคน
          กลับจากเกาหลีใต้มีไข้ 13 ราย
          ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 30 พ.ค. พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รอง ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมคัดกรองตรวจรับคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ 1 เที่ยวบินจำนวน 194 คน พบมีไข้สูง 13 คน เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค นำส่งโรงพยาบาลทันที และมีหมายจับ 1 คน ผู้โดยสารเข้ากักตัวทางเลือก 18 คน ที่เหลือนำขึ้นรถบัสเพื่อดำเนินการกักตัว 14 วันตามมาตรการของรัฐ ก่อนหน้านี้ช่วงเย็นวันเดียวกัน มีคนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์ 1 เที่ยวบิน จำนวน 151 คน พบมีไข้สูง 8 คนนำส่งโรงพยาบาล ผู้โดยสารเข้ากักตัวทางเลือก 1 คน ส่วนที่เหลือ 142 คนนำขึ้นรถบัสไปกักตัว 14 วันตามมาตรการของรัฐ
          20 คนไทยจากอังกฤษมีไข้
          ขณะที่ตลอดวันที่ 31 พ.ค. มีกลุ่มคนไทยจากประเทศอังกฤษ 248 คน และชาวเยอรมัน 3 คน เดินทางเข้าประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินพิเศษ สายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG917 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 14.30 น. หลังตรวจคัดกรองโรค พบคนไทยมีไข้ 20 คน จึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการทันที ส่วนผู้โดยสารคนไทยที่เหลือ กระจายไปกักตัวที่โรงแรม H2DO โรงแรม ฌ เฌอ ใน จ.สมุทรปราการ โรงแรมเมอเวนพิค ถนนวิทยุ และโรงแรมคิวว์ สุขุมวิท 79 กทม. ส่วนชาวเยอรมัน 3 คน ไปกักตัวที่โรงแรมรอยัลเบญจา จากนั้นเวลา 17.15น. ที่สนามบินดอนเมือง กลุ่มคนไทยในประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 150 คน เดินทางด้วยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ SL117 มาถึงไทย ซึ่งหลังจากผ่านด่านคัดกรองโรคแล้ว เจ้าหน้าที่ส่งไปกักตัวที่โรงแรมบ้านไทย ย่านรามคำแหง
          ผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งรายวัน
          สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งเป็น 6.16 ล้านคน เสียชีวิตราว 371,000 คน ขณะที่รักษาหายรวม 2.73 ล้านคน ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต ส่วนใหญ่ 2 ใน 3 ของทั้งหมด อยู่ใน ยุโรปกับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ที่มีผู้เสียชีวิตรายวัน 1,799 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตมีประมาณ 105,000 ราย ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.81 ล้านคน ส่วนรัสเซียมีผู้ติดเชื้อ 405,843 ราย หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 9,268 ราย ในวันที่ 31 พ.ค. และมีผู้เสียชีวิตอีก 138 ราย รวมเป็น 4,693 ราย
          ละตินอเมริกาดับครึ่งแสน
          สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในละตินอเมริกาทะลุถึง 50,000 รายแล้ว กว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในบราซิลที่ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ตลอด 24 ชม. มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 28,849 ราย ติดเชื้ออีก 34,800 ราย ทำให้ยอดสะสมใกล้ถึง 500,000 ราย อยู่ที่ 499,966 ราย โดยนครเซา เปาโล กับกรุงริโอ เด จาเนโร เป็นศูนย์กลางการติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด และทางกระทรวงก็ยังมองไม่เห็นว่าจะถึงจุดสูงสุดเมื่อไหร่ ด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มองว่าตัวเลขน่าจะสูงกว่าที่ทางการยืนยัน 15 เท่า เพราะไม่มีการตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้าง
          ยอดติดเชื้อในเอเชียไม่นิ่ง
          ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีใต้ (เคซีดีซี) รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27 ราย รวม 21 ราย จากพื้นที่ชุมชนหนาแน่นในกรุงโซล ที่เหลือเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 11,468 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็น 270 ราย ส่วนจีนพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย ที่มณฑลชานตง ตอนใต้ของกรุงปักกิ่งกลับจากต่างประเทศ และเป็นครั้งแรกที่จีนอนุญาตให้สายการบินลุฟท์ฮันซ่า เอ 340 จากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตเข้าประเทศ ต่อมาพบผู้ป่วยติดเชื้อแต่ไม่มีอาการในเที่ยวบินนี้ 4 ราย
          อินเดียเปิดเมืองไม่สนติดเชื้อพุ่ง
          ที่อินเดีย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 8,000 ราย เป็น 182,143 ราย เสียชีวิต 193 ราย เป็น 5,164 ราย แต่รัฐบาลก็ยังจะผ่อนคลายล็อกดาวน์ทั่วประเทศในวันที่ 8 มิ.ย. โดยแบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกให้เปิดทั้งร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานที่สักการบูชา จากนั้นเฟส 2 คาดจะเริ่มในเดือน ก.ค.คือเปิดการเรียนการสอน และเฟส 3 การเดินทางระหว่างประเทศ รถไฟ โรงภาพยนตร์ การจัดการแข่งขันกีฬา และโรงยิม ยกเว้นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดหนักยังคุมเข้มการล็อกดาวน์ สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวก็ลดลง 2 ชม. จากเดิมเวลา 19.00-07.00 น. เป็นเวลา 21.00-05.00 น. ส่วนที่สิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้ออีก 518 ราย เป็น 34,884 ราย อินโดนีเซีย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 700 ราย รวมสะสมเป็น 26,473 ราย เสียชีวิตอีก 40 ราย รวมสะสมเป็น 1,613 ราย
          เจ้าชายเบลเยียมติดโควิด-19
          วันเดียวกัน สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เจ้าชายโยอาคิม พระราชนัดดาในสมเด็จพระราชาฟิลิปเป แห่งเบลเยียม พระชนมายุ 28 พรรษา เสด็จไปยัง สเปนในวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา และ 2 วันต่อมาทรงเข้าร่วมงานปาร์ตี้แห่งหนึ่งในเมืองกอร์โดบา ทางตอนใต้ ก่อนถูกตรวจพบว่าทรงติดเชื้อโควิด-19 พระองค์เป็น 1 ใน 27 คนที่อยู่ในงานปาร์ตี้ดังกล่าว ทั้งที่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ของเมืองกอร์โดบา ห้ามผู้คนรวมตัวกันเกิน 15 คน ตำรวจกำลังตรวจสอบ หากพบว่าผิดกฎจริงจะถูกปรับเงินสูงสุด 10,000 ยูโร (ราว 3.5 แสนบาท)
          ปรับนายกฯโรมาเนียฝ่าฝืนกฎ
          นายกรัฐมนตรี ลูโดวิค ออร์บาน แห่งโรมาเนีย ถูกกล่าวโทษว่าฝ่าฝืนกฎคุมเข้มป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อกว่า 19,000 ราย เสียชีวิต 1,259 ราย หลังมีภาพกำลังสูบซิการ์ และดื่มภายในออฟฟิศตัวเองกับทีมคณะรัฐมนตรี 4 คน ถ่ายไว้เมื่อ 25 พ.ค. วันเกิดของนายออร์บาน ที่ไม่มีใครสวมหน้ากากป้องกันและเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งนายบ็อคดาน ออเรสคู รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ถือมวนซิการ์ ขณะที่วางหน้ากากอนามัยไว้บนโต๊ะใกล้กับขวดเหล้า นายออร์บานให้เหตุผลว่า เพื่อนร่วมงานทำเซอร์ไพรส์วันเกิดตัวเอง เลยหาอะไรให้กิน พร้อมเลี้ยงไวน์ วิสกี้ ส่วนที่ไม่สวมหน้ากากเพราะเพิ่งทานอาหารเสร็จ และยอมรับว่าจะจ่ายค่าปรับฐานสูบบุหรี่ภายในอาคาร
          ซาอุฯให้ละหมาดในมัสยิด
          ส่วนที่ซาอุดีอาระเบีย อนุญาตให้กลับมาเปิดมัสยิดราว 90,000 แห่งทั่วประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน ยกเว้นมหามัสยิดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในนครเมกกะ แต่ผู้เข้าไปต้องปฏิบัติตามคู่มืออย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งเว้นระยะห่างระหว่างกัน 2 เมตร ขณะละหมาด สวมหน้ากากตลอดเวลา และงดการทักทายกันด้วยการกอด หรือจับมือ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปียังไม่ให้เข้าด้านใน ส่วนผู้สูงวัยและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจะให้ละหมาดที่บ้าน เช่นเดียวกับมัสยิดอัลอักศอ ในนครเยรูซาเลม กลับมาเปิดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปิดไปเมื่อกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
          โคลอมเบียจ่อปิดพื้นที่เพิ่ม
          ด้านนางเคลาเดีย โลเปซ นายกเทศมนตรีกรุงโบโกตา ในโคลอมเบีย เตรียมแผนปิดเมืองในเขตเคนเนดี ซึ่งมีประชาชนอาศัยเกือบ 1.5 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้โดยไม่อนุญาตให้คนในพื้นที่ออกมานอกบ้าน ยกเว้นซื้ออาหาร หาหมอ หรือมีความจำเป็นเร่งด่วน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดค่อนข้างหนัก พบผู้ติดเชื้อเกือบ 2,500 ราย และโรงพยาบาลในพื้นที่ก็ใกล้ถึงจุดรับผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกไม่ไหว ส่วนพื้นที่อื่นก็ยังไม่ให้กลับมาเปิดจนกว่าจะถึงกลางเดือน มิ.ย. และจะตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
          โป๊ปย้ำเยียวยาคนไม่ใช่ ศก.
          วันเดียวกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงออกแถลงการณ์ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ส นครรัฐวาติกัน ก่อนหน้ากำหนดการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลอิตาลีในวันที่ 3 มิ.ย. โดยพระองค์ตรัสว่า จงเยียวยาผู้คน ไม่ใช่รักษาเงินเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ การเยียวยาผู้คนเป็นเรื่องสำคัญกว่าเศรษฐกิจ เพราะมนุษย์เราเปรียบเสมือนที่สถิตพระจิตของพระผู้เป็นเจ้า แต่เศรษฐกิจไม่ใช่ พร้อมทรงหวังว่าโลกจะสมัครสมานสามัคคียิ่งกว่าเดิมหลังวิกฤตการณ์ครั้งนี้ เพื่อสร้างโลกให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงวิตกกังวลถึงชนเผ่าพันธุ์ในป่าดงดิบแอมะซอน ว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากไวรัส ซึ่งทั้งนี้ สมาคมชนเผ่าพื้นเมืองในบราซิลเปิดเผยด้วยว่า ใน 40 ชนเผ่าป่าแอมะซอน มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อแล้ว 537 คน เสียชีวิต 102 คน

          บรรยายใต้ภาพ
          มีไข้มาด้วย เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค สนามบินสุวรรณภูมิ เข้าพ่นยาฆ่าเชื้อตามสัมภาระของกลุ่มคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ ด้วยเที่ยวบินพิเศษ สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG917 มาถึงเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 พ.ค. 2563 จำนวน 248 คน โดยมีชาวเยอรมันร่วมเดินทางมาด้วย 3 คน และจากการคัดกรองโรค พบคนไทยมีไข้สูงถึง 20 คน.
          เดินหน้าชีวิตอย่างไม่ประมาท"โควิด-19"
          ระยะห่าง นักบวชและประชาชนสวมหน้ากากอนามัยยืนและนั่งในจุดที่กำหนดเพื่อปฏิบัติตามมาตรการระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะชมการถ่ายทอดพิธีเทศกาลเพนเทคอสต์ โดย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จากสำนักวาติกัน ที่วิหารเมืองลูร์ด ประเทศ ฝรั่งเศส.
          ไม่ห้าม ประชาชนสามารถนั่งรับประทานในร้านอาหารได้ตามปกติ ในกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน เนื่องจากทางการอนุญาตให้ร้านอาหารสามารถเปิดทำการได้ แม้จะมีมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19.
          ตามมาตรการ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จในพิธีเทศกาลเพนเทคอสต์ ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ส บาซิลิกา นคร วาติกัน โดยในพิธีไม่มีประชาชนทั่วไปเข้าร่วมแต่ได้จัดสถานที่ให้ติดตามพิธีจากด้านนอกเพื่อปฏิบัติตามมาตรการระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19.
          ป้องกัน พิธีเทศกาลเพนเทคอสต์ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ส บาซิลิกา นคร วาติกัน ที่มี สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จในพิธี ไม่มีประชาชนทั่วไปเข้าร่วมทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่ให้คริสต์ศาสนิกชนติดตามพิธีจากด้านนอกเพื่อปฏิบัติตามมาตรการระยะห่างทางสังคมในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคร้าย.
          ผ่อนคลาย หาดเฟรเจเน ใกล้กรุงโรม อิตาลี มีประชาชนออกมาพักผ่อนอาบแดดกันอีกครั้งหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อนุญาตให้ชายหาดต่างๆเปิดให้บริการได้ตามปกติ.
          เตรียมสอบ มหาวิทยาลัยยูซีแอล ในเมืองลูเวิน เบลเยียม จัดเตรียมสถานที่ให้นักศึกษาสอบโดยจัดที่นั่งสอบภายในสนามกีฬาในร่มของเมือง หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19.
          เริ่มฟื้น ประชาชนพาครอบครัวออกมาเดินเตร่ที่ย่านเดอลาคาสเตลลานากรุงมาดริด สเปน หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น.
          สวมแมสก์ แผงค้ากลางแจ้งในย่านวอลแธมสโตว์ กรุงลอนดอน อังกฤษ เปิดทำการค้าแล้วโดยพ่อค้าและประชาชนต่างสวมหน้ากากอนามัยขณะ จับจ่าย.
          กันติดเชื้อ ผู้สูงอายุในรพ.เซาเปาโล บราซิล ต้องให้ลูกหลานเข้าเยี่ยมและพูดคุยผ่านกระจก เพื่อป้องกันโควิด-19 เพราะผู้สูงอายุเสี่ยงติดเชื้อสูง.
          คลายเครียด เจ้าหน้าที่พยาบาล รพ.ในกรุงไนโรบี เคนยา เต้นซุมบ้าออกกำลังกายคลายเครียดจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19.
          ล้างเมือง เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดอาคารสถานที่ในเมือง สิงคโปร์ ระหว่างล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด-19เพื่อเตรียมเปิดเมืองในเร็วๆนี้.
          ตรวจเข้ม เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองที่ด่านคัดกรอง โควิด-19 หน้าสระน้ำ สาธารณะผญาพรหมบ้านป่าเหียง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง.
          นิวนอร์มอล แฟนคอนเสิร์ตชาวศรีลังกาจำนวนมาก ขับรถเข้าไปจอดชมการแสดงดนตรีแบบ "ไดรฟ์อิน" ที่เปิดแสดงครั้งแรกภายในกองทัพอากาศ ในกรุงโคลัมโบ ศรีลังกา ภายหลังทางการยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ใช้มาเกือบ 2 เดือน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าเป็นปกติ.
          ปลอดเชื้อ เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดภายในโรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค ไอคอนสยามพร้อมเปิดบริการวันที่ 1 มิ.ย.นี้.
          ถึงเมืองไทย คนไทยจากเกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ 345 คน เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อนเข้ารับการกักกันตัวเพื่อป้องกันโควิด-19.

 pageview  1205137    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved