Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 23/03/2563 ]
เตือนคนกรุงกลุ่มเสี่ยง ทำร้ายตจว.

ถ้าคิดกลับบ้าน เชื้อจากลุมพินี ก็กระจายไปทั่ว ป่วยเพิ่มอีก 188 ลีเดียดีขึ้นแล้ว
          ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มพรวด วันเดียวเจอ 188 ราย ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเดิม “สนามมวย-สถานบันเทิง” ส่งให้ยอดผู้ป่วยสะสมทะยานไปที่ 599 ราย จับตาต่างจังหวัดพบป่วยเพิ่มวันละเกือบเท่าตัว หลัง กทม.และปริมณฑล ปิดสถานที่เสี่ยงทั่วเมือง ทำคนแห่กลับภูมิลำเนา สธ.ได้แต่เตือนรักครอบครัวอย่านำเชื้อไปแพร่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก พร้อมส่งหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทีมเฝ้าระวังเข้มงวด ขณะที่แรงงานต่างด้าวก็ผวาแห่เก็บกระเป๋ารอข้ามแดนเพียบ หลังมหาดไทยสั่งปิดด่านทั่วประเทศ ด้าน “นายกฯ” เรียกถกหน่วยงาน ย้ำกำลังหาทางแก้ปัญหา ส่วนกลาโหมสั่งเตรียมโรงพยาบาลทหารทั่วประเทศ 13 แห่ง รับมือการระบาดใหญ่
          หลังจากกรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัดปริมณฑล ออกประกาศปิดสถานที่เสี่ยงแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 เป็นเวลา 22 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เป็นวันแรก หลังจากพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่พบในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล แต่ล่าสุดการแพร่ระบาดของเชื้อกลับยิ่งน่าห่วง เมื่อผู้ติดเชื้อทยอยเดินทางไปในจังหวัดต่างๆ แทนการกักตัวในที่พัก
          พบป่วยพุ่งพรวด 188 ราย
          ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 มี.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า ในวันนี้พบผู้ป่วยเพิ่ม 188 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 65 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 21 ราย เป็นนักมวย เซียนมวย คนปล่อยแถวนักมวย จากกรุงเทพฯ เลย หนองบัวลำภู ปทุมธานี อุดรธานี ชลบุรี นนทบุรี พัทลุง แพร่ และสมุทรปราการ กลุ่มสถานบันเทิง 5 ราย เป็นพนักงานร้านอาหาร พนักงานเสิร์ฟ พนักงานต้อนรับ ที่อยู่ กทม. อุดรธานี เพชรบูรณ์ มีประวัติการทำงานผับย่านทองหล่อ กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 37 ราย และกรุงเทพฯ สมุทรปราการ สุโขทัย นนทบุรี ชลบุรี ปัตตานี สงขลา ขอนแก่น ปราจีนบุรี อุดรธานี กลุ่มที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย 2 ราย จังหวัดนราธิวาส และยะลา
          พบเชื้อในกลุ่มเดินทางเข้าไทย
          โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวอีกว่า กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ 8 ราย เป็นคนไทย 6 ราย ทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ และอีก 2 ราย เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ และอเมริกัน กลุ่มผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 7 ราย ขายของแถวสนามมวย
          ยังรอหาแหล่งที่มาอีกนับร้อย
          กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอสอบสวนโรค 108 ราย ว่ามาจากแหล่งใด สำหรับผู้ป่วยอาการหนักมี 7 ราย จากสถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลเอกชน ทุกรายใส่เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยสรุปมีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 45 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 553 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 599 ราย
          น่าห่วงคนป่วยหนีกรุงกลับบ้าน
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องการตรวจหาเชื้อขอความร่วมมือประชาชนหากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่ยังไม่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ให้สังเกตอาการตัวเองที่บ้าน ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่าง เคร่งครัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเชื้อในผู้ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจก่อน ที่สำคัญการตรวจเชื้อขณะที่ไม่มีอาการโอกาสพบเชื้อน้อยมาก ทำให้คนที่ตรวจแล้วอาจเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองไม่ติดเชื้อและออกไปมีกิจกรรมทางสังคมส่งผลต่อ ระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และที่น่าสนใจคือ ขณะนี้ยอดผู้ป่วยรายใหม่เป็นคนไทยพบมากในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวที่อาการน้อย ทำให้มีกิจกรรมทางสังคมร่วมกับผู้อื่น เมื่อป่วยจะทำให้เกิดผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมาก เช่น กรณีสถานบันเทิง และสนามมวย ล่าสุดผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการในจังหวัดปริมณฑลได้สั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงชั่วคราว จึงขอความร่วมมือผู้ทำงานในสถานที่ที่ถูกปิด อย่าเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะอาจนำเชื้อโรคไปแพร่ให้คนต่างจังหวัด คนใกล้ชิดในครอบครัว
          ให้จังหวัดทำแผนเฝ้าระวัง 4 ข้อ
          โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวต่อว่า ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ส่งหนังสือด่วนลงวันที่ 21 มี.ค.2563 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขอความร่วมมือจัดทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรคระดับอำเภอและหมู่บ้าน หลังจากที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบการเพิ่มของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนา โดยให้ทุกจังหวัดดำเนินการดังนี้ 1.จัดตั้งทีมอาสาโควิด-19 ระดับอำเภอและหมู่บ้านเพื่อค้นหาและเฝ้าระวัง 2.จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มาถึงภูมิลำเนา ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.2563 เป็นต้นไป 3.ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อแยกตัวสังเกตอาการไข้และอาการทางเดินหายใจทุกวันและหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่พักอาศัยจนครบ 14 วัน นับจากวันที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนา 4.แจ้งผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์, หลีกเลี่ยงการพูดคุยใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง, หากมีไข้และอาการทางเดินหายใจให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยทันที
          จี้ทำความสะอาดระบบขนส่ง
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมขนส่งทางบก คัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้ทำความสะอาดสถานี ยานพาหนะก่อนและหลังเดินทางเน้นพื้นที่สัมผัสร่วม เช่น ราวจับบันได ประตู ห้องน้ำ เก็บบันทึกข้อมูลผู้เดินทาง ลดความแออัดผู้โดยสาร จัดที่นั่งให้เว้นระยะห่าง ให้คำแนะนำผู้โดยสารเรื่องการป้องกันโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อเดินทางถึงสถานีปลายทางหากพบผู้โดยสารมีไข้ ไอ และอาการระบบทางเดินหายใจให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรายงานต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
          ผู้ป่วยใน ตจว.เพิ่มก้าวกระโดด
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า กรณีที่ทำการปิดหลายสถานที่ในกรุงเทพฯ ก็เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายและเมื่อหยุดงานอยากให้พักอยู่ที่บ้านอย่ากลับต่างจังหวัด เนื่องจากจะมีเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสจะรับเชื้อจากคนในกรุงเทพฯเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวันตรวจเลขผู้ป่วยในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้จักรักษาระยะห่างอยู่ที่บ้าน และที่สำคัญขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยในต่างจังหวัดตั้งแต่วันที่ 19-22 มี.ค. จะพบผู้ป่วย คือ 59 ราย 75 ราย 127 ราย และ 236 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่าในแต่ละวันผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
          อย่าเพิ่งเดินทางเข้า–ออก กทม.
          นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า มาตรการสำคัญคือการรักษาระยะห่างในสังคมเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งต้องใช้ร่วมกับการจำกัดการเดินทาง หยุดการเคลื่อนย้าย และสถานการณ์ของไทยตอนนี้ไม่ต่างกับญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ที่เราห้ามไป ดังนั้น สถานการณ์ใน กทม.ขณะนี้เราจึงไม่ควรออกเดินทาง ผู้ที่อยู่ใน กทม.ก็ไม่ควรออกต่างจังหวัด ผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ควรเข้ามา หากไม่จำเป็นการที่เราต้องอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะหากเราไม่ป่วยแล้วเราเดินทางออกไปอาจเสี่ยงออกไปรับเชื้อ และอาจนำเชื้อไปแพร่คนที่รัก และหากป่วยหนัก รพ.ต่างจังหวัดในระดับตำบลอำเภอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อาจไม่พร้อม แต่หากอยู่ กทม.โอกาสจะได้รับการรักษาดีกว่า ดังนั้น การอยู่ใน กทม.จึงถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
          ลดแพร่เชื้อเพื่อมีเวลาหาเวชภัณฑ์
          นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยมากขึ้น โดยโรคไม่ได้อยู่เฉพาะ กทม.และปริมณฑล แต่ลงไปยังภูมิภาคแล้ว การกระจายตัว อำนาจการดูแลไปที่ภูมิภาคบทบาทของกรมอนามัย คือจะทำอย่าง ไรให้สถานการณ์คือ สุขอนามัยส่วนบุคคล ขณะนี้รณรงค์ หากดูกราฟจะเห็นว่าสิ่งที่เราลงมาก่อนคือการลดสัมผัสล้างมือและเมื่อเข้าในที่ชุมชนก็ให้สวมหน้ากากผ้า แต่ขณะนี้กรมอนามัยรณรงค์เรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม เพราะเชื่อว่าโรคมีการแพร่กระจายมากขึ้น เป้าหมายที่ต้องทำร่วมกันขณะนี้คือทำอย่างไรไม่ให้โรคนี้แพร่กระจายเยอะแล้วเราจะเข้าสู่ระยะที่ 3 โดยโรคขึ้นช้าๆ เพื่อเตรียมเตียง อุปกรณ์เวชภัณฑ์ และยารักษาที่เพียงพอ รวมถึงรอวัคซีนที่กำลังพัฒนา
          ให้กักตัวเองกลับเดินทางมากขึ้น
          นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าวว่า สำหรับกราฟแท่งนั้นขณะนี้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดในรอบสัปดาห์ โดยเดิมทีเราพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ขณะนี้เราพบว่าผู้ป่วยในต่างจังหวัดกำลังเพิ่ม หากเราไม่ทำอะไรจำนวนผู้ป่วยจะมากขึ้นในต่างจังหวัด สิ่งที่ทางรัฐบาลและกรุงเทพฯ ให้หยุดงาน 3 อาทิตย์ คือให้อยู่บ้าน เพื่อไม่ไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น และใครที่อยู่ระหว่างการป่วยเล็กๆน้อยๆ 2 สัปดาห์ก็จะหาย ดังนั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะทำให้กรุงเทพฯ เชื้อไม่เพิ่ม ปลอดเชื้อ ทั้งนี้ หากใครทำไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ เช่น เดินทางไปอยู่กับคนจำนวนมาก ทั้งระหว่างการเดินทางและปลายทางจะเป็นการเพิ่มเชื้อ
          “เราอาจจะมีอาการน้อยหรืออยู่ระยะฟักตัว แต่พอไปถึงต่างจังหวัดอาจจะเอาเชื้อไปแพร่ให้กับคนสูงอายุ ให้กับคนที่เรารักที่อยู่ต่างจังหวัดด้วยซ้ำ หากรักพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ก็ขอให้กักตัวให้ครบก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าในกรุงเทพฯ เชื้อจะน้อยลง เพราะช่วงแรกเราไปสนามมวยเที่ยวผับสถานบันเทิงตอนกลางคืนมีโอกาสได้รับเชื้อ และบางคนอาจป่วยไปแล้ว การที่รัฐบาลให้หยุด 2 สัปดาห์ คนวัยทำงานที่ร่างกายแข็งแรง ร่างกายก็จะกำจัดเชื้อให้หมดก่อน ซึ่งก็จะไม่แพร่เชื้อ หากเราเข้าใจวัตถุประสงค์ เราก็จะเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ช่วงวันหยุดพิเศษที่จะให้เดินทางกลับต่างจังหวัด เพราะเราอาจจะไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่น ทุกคนต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่ให้เชื้อไปอยู่ในต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญแต่เรื่องปากท้องสำคัญเช่นกัน ดังนั้น อยากให้เจ้านายมีการดูแลลูกน้อง เพราะถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากลูกจ้างแข็งแรงไม่ป่วยก็จะช่วยลดการแพร่เชื้อ เศรษฐกิจหรือธุรกิจต่างๆก็จะกลับมาดำเนินการได้ ทั้งนี้รัฐบาลก็เตรียมที่จะมีโปรแกรมในการดูแลด้วย” ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าว
          “แมทธิว-ลีเดีย” ไม่มีไข้แล้ว
          ด้านอาการของ 3 คนบันเทิงที่ป่วยโรคโควิด-19 และเข้ารับการรักษาอยู่ใน รพ.ขณะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 22 มี.ค.พิธีกรหนุ่ม “แมทธิว ดีน” โพสต์อินสตาแกรมเผยอาการล่าสุดของตัวเองและภรรยา “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์” ว่าทั้งคู่ไม่มีไข้แล้ว พร้อมบอกว่าอยากให้ทุกคนร่วมมือกันกักตัว เพราะเห็นใจทีมแพทย์ทำงานหนัก ซึ่งหนุ่มแมทธิวได้โพสต์ภาพคู่ภรรยาพร้อมแคปชันว่า “ขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจให้ผมกับเดียร์นะครับ เป็นสิ่งที่ช่วยผู้ป่วยทุกคนได้เยอะมากๆครับ ตอนนี้เราสองคน อยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาล และได้รับการรักษากินยากันอยู่ครับ ทั้งคู่ไม่มีไข้แล้ว แต่ยังคงดูอาการไปเรื่อยๆ ตอนนี้หมอและพยาบาลทุกโรงพยาบาลกำลังทำงานกันหนักมาก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย COVID-19 พวกเค้าไม่ได้กลับบ้าน ต้องนอนกินที่ทำงานอีกหลายสัปดาห์แน่นอน เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนช่วยพวกเค้า ด้วยการอยู่บ้านกักตัว ไม่ไปที่ที่คนรวมตัวเยอะ ทุกคนที่รักประเทศไทย และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ช่วยกันนะทุกคนมีส่วนสำคัญ ถ้าไม่ร่วมมือกัน เรื่องนี้จะยาว”
          “ลีเดีย” ได้อยู่เคียงข้างสามี
          ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์” ได้โพสต์ภาพตัวเองในอินสตาแกรมเป็นครั้งแรกเป็นภาพคู่กับแมทธิว หลังแจ้งว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 มี.ค. พร้อมแชร์ข้อมูลและเล่าถึงอาการว่า “หลังจากที่ต้องแยกกันมาอาทิตย์กว่า ตอนนี้เดียกับพี่แมทได้อยู่ด้วยกันแล้วค่ะ มีกำลังใจดีขึ้นเยอะค่ะ อาการช่วงแรกของเดียที่เข้าโรงพยาบาลคือไม่เป็นอะไรเลยที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นหวัด ไม่เจ็บคอแล้ว ไม่มีน้ำมูกเลย ไม่ไอ แต่มีไข้ 37 กว่า เลยทำให้คิดว่ากำลังจะหาย จากการ Xray วันแรกก็ไม่เห็นอะไรในปอด สัญญาณทุกอย่างดีหมด แต่คุณหมอท่านสั่งทำ CT scan วันรุ่งขึ้น ผลออกมาคือไวรัสเข้าไปในปอดแล้ว แต่ไม่แสดงอาการเลย เดียไม่หอบ ไม่เหนื่อย ระดับออกซิเจนดีหมด แต่ปอดเริ่มอักเสบ เดียถูกย้ายไปไอซียูเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดและเริ่มทานยาทันที เดียรู้สึกแข็งแรงดีทุกอย่าง หายใจได้ ไม่มีอาการหวัด แต่มีผลข้างเคียงจากยาที่ทานเพราะค่อนข้างแรงและเยอะ อาการจากยาก็จะมีเวียนหัว คลื่นไส้ ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร และตามัวเหมือนสายตาสั้น ก็ต้องพยายามทานข้าวให้ได้เพื่อจะได้ทานยา
          “แมทธิว” เริ่มปอดอักเสบ
          ลีเดียโพสต์ระบุอีกว่า หลังจากเริ่มยาและอยู่ไอซียูมา 5 วัน เดียไม่มีไข้แล้ว สัญญาณทุกอย่างดี Xray ปอดดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็ได้ย้ายออกจากไอซียู ตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันกับพี่แมทแล้วค่ะ อาการของพี่แมทแตกต่างจากเดีย พี่แมทไปถึงโรงพยาบาลวันแรกๆ มีไข้และคัดจมูกและมึนๆหัวนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีไข้ไปอีก 3 วัน ตอนนั้นไม่ได้ ทานยา ก็คิดว่าเริ่มดีขึ้น แล้วปล่อยให้หายเองได้ แต่หลังจากนั้นไข้กลับมาใหม่และท้องเสีย หมอรีบ Xray ก็พบว่าเริ่มมีอาการปอดอักเสบเหมือนเดีย พี่แมทจึงเข้า ICU และเริ่มยาทันที หลังจากกินยา ตอนนี้ทั้งคู่ไม่มีไข้แล้ว และออกจากไอซียูแล้ว ตอนนี้คุณหมอและพยาบาลทำงานกันหนักโดยที่ไม่ได้กลับบ้านกันเลย ขอความร่วมมือจากทุกคนให้อยู่บ้าน อย่าออกไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มข้างนอก ถ้าจำเป็นต้องออกก็ขอให้ใช้ความระมัดระวัง พยายามหลีกเลี่ยงที่ที่คนเยอะๆ ช่วยกันนะคะ เราจะได้ผ่านมันไปได้ค่ะ”
          พบนายแบบหนุ่มป่วยโควิด-19
          นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักแสดงและนายแบบโฆษณา “สนุ๊ก-บดินทร์ ฤกษ์วุฒิพงษ์” ได้แจ้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “นายสนุ๊ก ผ่าฟันคุดตั้งแต่เด็ก” ว่า ตนเองติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกับแจ้งไทม์ไลน์ถึงสถานที่ที่ไปในระหว่างวันที่ 6 มี.ค.ถึงวันที่ 20 มี.ค. เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ครอบครัว และหยุดการแพร่กระจายของโรค ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า ในช่วงค่ำ ของวันที่ 19 มี.ค. มีอาการปวดหัว ได้ทานยาพาราเซตามอล และใช้แผ่นเจลลดไข้ จากนั้นในวันที่ 20 มี.ค. เพื่อนที่ไปทานหมูกระทะด้วยกัน วันที่ 9 มี.ค. โทรศัพท์มาแจ้งว่าติดเชื้อโควิด-19 ตนเองจึงไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และวันที่ 21 มี.ค. ทาง รพ.จุฬาฯ โทรศัพท์แจ้งผลว่าติดเชื้อโควิด-19
          “แพรวา” วอนให้เห็นใจแพทย์
          ด้านนักแสดงวัยรุ่น “แพรวา ณิชาภัทรฉัตรชัยพลรัตน์” หลังแจ้งในอินสตาแกรมว่าติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ก็ได้โพสต์คลิปขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลผ่านทางอินสตาแกรมด้วยหน้าตาสดใส ระบุขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอ พี่ๆพยาบาล และทุกคนที่ติดเชื้อเหมือนตน ในคลิปแพรวาเผยถึงอาการล่าสุดว่ายังสดใสดีอยู่พร้อมสู้โควิด-19 และชี้แจงเรื่องที่โรงพยาบาลไม่แจ้งให้นักแสดงสาวกักตัวในวันที่ไปตรวจครั้งแรก วอนทุกคนเห็นใจแพทย์เพราะเป็นโรคใหม่ที่ทุกคนต้องเรียนรู้ อีกทั้งอยากให้ทุกคนให้กำลังใจทีมแพทย์ เนื่องจากช่วงนี้ทำงานหนักมาก
          “บิ๊กตู่” เรียก จนท.ถกปมโควิด-19
          สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงสายวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยขึ้นห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า แล้วเรียก นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าพบ ตามด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เข้าร่วมหารือรับมือแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการรับมือ หลังจากในแต่ละวันมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมาตรการรองรับผลกระทบหลัง กทม.และ 5 จังหวัดในปริมณฑล ปิดสถานที่เสี่ยงการแพร่ระบาด และอีกหลายจังหวัดเริ่มปิดพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น โดยใช้เวลาหารือประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที
          ชูกำปั้นขวาสู้–ย้ำกำลังทำ
          จากนั้น เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่ก่อนขึ้นรถเดินกลับนายกฯยิ้มพร้อมชูกำปั้นขวาแสดงสัญลักษณ์สู้ๆให้ผู้สื่อข่าวที่มารอสังเกตการณ์ บริเวณทางลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อรถผ่านผู้สื่อข่าวนายกฯ ได้ลดกระจกลงทักทาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการอะไรในการรับมือโควิด-19 ในวันนี้หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ชูกำปั้นมือขวาอีกครั้ง พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า “กำลังทำๆ” ก่อนที่ขบวนรถจะเคลื่อนออกจากทำเนียบรัฐบาลไป ซึ่งหลังจากนั้น น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงการประชุมว่า นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขอความร่วมมือให้จัดทำแผนปฏิบัติการค้นหาเฝ้าระวังและป้องกันระดับอำเภอและหมู่บ้าน
          มท.สั่งปิดด่านทั่วประเทศ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่องปิดด่านชายแดนทั้งหมดทั่วประเทศจากเดิมที่อนุโลมให้เปิดด่านชายแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า จังหวัดละ 1 ด่าน ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.เป็นต้นไป โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35(1) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 จะให้ปิดทั้งหมด 18 ด่าน ใน 17 จังหวัด โดยด่านที่เสนอให้ปิดนั้นเป็นเฉพาะด่านทางบกที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น เพื่อไม่ให้มีการเข้าออก แต่จะให้ใช้ช่องทางดังกล่าวเพียงขนส่งสินค้าได้เท่านั้น จะให้ผู้ว่าฯสั่งการหยุดชั่วคราวตามอำนาจที่ได้รับมอบหมายไปแล้ว ส่วนแต่ละด่านจะปิดถึงเมื่อไหร่นั้น แต่ละพื้นที่จะไม่เหมือนกัน เนื่องจากต้องให้ผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีด่านทางบกติดกัน เช่น ลาว พม่า กัมพูชา มาเลเซีย ก่อน ต่อมาผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดน อาทิ จ.สระแก้ว มุกดาหาร ตาก ระนอง พะเยา ต่างทยอยมีคำสั่งระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้าและช่องทางอื่นๆ ตลอดจนแนวชายแดนเป็นการชั่วคราว
          กห.ระดมกำลังช่วยตรวจคัดกรอง
          ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสาย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานภายในกระทรวงกลาโหม ติดตามและรับทราบการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งมาตรการต่างๆของรัฐ กทม.และจังหวัดต่างๆที่ออกมาเพิ่มเติม พร้อมยืนยันทุกเหล่าทัพคงความต่อเนื่องสนับสนุน สธ.รับมือ จัดกำลังพลและบุคลากรทางการแพทย์ กระจายเข้าไปช่วยเหลือคัดกรองผู้โดยสารจากท่าอากาศยานหลักและภายในประเทศ พร้อมจัดกำลังพลเพิ่มเติมเข้าไปช่วยคุมเข้มคัดกรองการผ่านเข้าออกทุกช่องทางของด่านชายแดน 13 แห่งทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติที่มีแนวโน้มเคลื่อนตัวมากขึ้น ได้สนับสนุนกำลังพลและยานพาหนะเข้าไปช่วยเสริมการผลิตและกระจายขนส่งหน้ากากอนามัยจากโรงงานไปยังสถานพยาบาลต่างๆ
          เตรียม 13 รพ.รองรับผู้ป่วยระดับ3
          พล.ท.คงชีพกล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมพื้นที่หน่วยทหารและกองพันทหารเสนารักษ์รองรับผู้ป่วยระดับ 1 และ 2 จำนวน 2,000 เตียง นอกจากนั้นได้เตรียมโรงพยาบาลทหารทั้งส่วนกลางและภูมิภาค 13 แห่ง รองรับผู้ป่วยระดับ 3 สนับสนุนการทำงานของ สธ.ในการบริหารจัดการภาพรวม ขณะที่ปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนและฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะยังคงดำเนินการต่อเนื่องกันไป โดย พล.อ.ชัยชาญขอให้เร่งประสานกับ สธ. ร่วมจัดทำความ สมบูรณ์ของ “ร่างแผนเผชิญเหตุรองรับ COVID-19 กรณีเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล “จากบทเรียนการฝึกร่วมที่ผ่านมา โดยให้เสนอรัฐบาลทราบแผนดังกล่าว เพื่อให้ กทม. โดย “ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรด้านการแพทย์ กทม.” ใช้บริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์และควบคุมโรคในภาวะเผชิญเหตุ ขอให้ทุกเหล่าทัพสนับสนุนทรัพยากรเต็มกำลังและทำงานร่วมกับ สธ.และส่วนราชการต่างๆใกล้ชิดมากขึ้น และกำชับขอให้ความสำคัญดูแลปกป้องกำลังพลและครอบครัว ให้กำหนดมาตรการคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาดภายในหน่วยทหารและที่พักอาศัยของหน่วยทหารย้ำกำลังพลต้องมีวินัย รู้หน้าที่และมีความรับผิดชอบตนเองและสังคมอย่างจริงจัง
          เร่งตีปี๊บ “อยู่บ้านหยุดเชื้อฯ”
          ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้กำชับให้ทุกหน่วยทั่วประเทศ ดำเนินการตามนโยบาย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการให้ตำรวจออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ชุมชน หมู่บ้าน ร้านค้า หรือสถานที่ต่างๆ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ เช่น ล้างมือให้ถูกวิธี สวมใส่หน้ากากอนามัย งดเว้นการเดินทางที่ไม่จำเป็น ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด การเว้นระยะห่างทางสังคม สังเกตอาการของตนเอง เป็นต้น
          เมืองเลยผวานักมวยติดไวรัส
          สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภูมิภาคต่างๆของประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวัน มีการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตามจังหวัดต่างๆอีกหลายแห่ง โดยที่ จ.เลย นพ.อุดมศักดิ์ บุญส่งทรัพย์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.เลย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเฝ้าระวังพบผู้ติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 จำนวน 1 รายเป็นเพศชาย อายุ 24 ปี มีอาชีพนักมวย เคยเข้าชมมวยที่สนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้เข้ารับการรักษาที่ รพ.เลย จากการตรวจสอบประวัติโรคเบื้องต้นพบว่าติดเชื้อมาจากสนามมวยลุมพินี แต่ไม่แสดงอาการคือ ไม่มีไข้ ไม่มีไอและจาม แถมยังถ่ายภาพกับ “แมทธิว ดีน” ในวันดังกล่าวด้วย จากนั้นเดินทางกลับโดยเครื่องบินมีผู้โดยสาร 130 คน เข้าพักที่บ้านปากภู ต.เมือง อ.เมืองเลย ไปเที่ยวที่สวนสุขภาพกุดป่อง เดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชัยภูมิ และเที่ยวที่ผับย่านมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ทางจังหวัดได้ประชาสัมพันธ์ผู้ที่ใกล้ชิดนักมวยคนนี้ตามสถานที่ต่างๆ ให้รีบแจ้งสาธารณสุขจังหวัดเลยได้สอบสวนโรคตรวจต่อไป
          แพร่–หนองบัวฯ–ราชบุรีพบรายแรก
          นอกจากนี้ที่ จ.แพร่ นพ.ขจร วินัยพาณิชย์ สาธารณสุขจัง

 pageview  1204269    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved