Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 03/01/2563 ]
หมอไทยดังก้องโลก ปราบไวรัสมรณะอยู่หมัด

 ใช้ยาต้านเอดส์ร่วมกับหวัด ฆ่าเชื้อ "โคโรนา" ใน 48 ชั่วโมง จีนยังหนักตายเพิ่ม 304 ศพ
          ไทยเฮ ทีมแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีเจ๋ง คิดวิธีรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาการรุนแรง จนเชื้อหายได้ใน 48 ชั่วโมง พร้อมยินดีเผยแพร่ผลการรักษาให้นานาชาติร่วมศึกษา
          ด้าน “อนุทิน” หน้าบาน ได้รับคำชื่นชมจากผู้ป่วย ดูแลดี จนกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย เหลือรักษาในโรงพยาบาล 11 ราย ต่างกับจีนกลับอ่วมโรค หลังยอดป่วยจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ พุ่งเฉียด 1.5 หมื่น ราย คนตายกว่า 300 ศพ หนำซ้ำเจอไข้หวัดนกระบาดเพิ่มในมณฑลหูหนาน ต้องสั่งกำจัดไก่กว่า 1.7 หมื่นตัว ล่าสุดประกาศชัตดาวน์ทั้งสถานที่ราชการ ห้างร้านเอกชนไปจนถึงสถานศึกษาในหลายเมืองต่างมณฑล
          ยังคงน่ากังวลสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในจีน ที่ลุกลามไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.มีรายงานผู้เสียชีวิตจากไวรัสนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก
          อาการทรุดก่อนตายในฟิลิปปินส์
          ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ระบุว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตเป็นชายชาวจีน วัย 44 ปี ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น จุดต้นตอการระบาด และเป็นสามีของหญิงชาวจีน วัย 38 ปี ที่พบเป็นผู้ติดเชื้อรายแรกในฟิลิปปินส์ โดยชายคนดังกล่าว เดินทางแวะผ่านเกาะฮ่องกงก่อนมายังฟิลิปปินส์ และเริ่มแสดงอาการป่วย มีไข้สูง ไอ และเจ็บคอตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.และ 2 วันก่อนการเสียชีวิต มีอาการดีขึ้น แต่ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนสิ้นลม อาการกลับทรุดหนักกะทันหัน ขณะที่ภรรยาชาวจีนที่มาด้วยกัน ทีมแพทย์ยังดูอาการอยู่ในห้องกักเชื้อในโรงพยาบาลกรุงมะนิลา
          ตายพุ่ง-ยอดติดเชื้อแซงโรคซาร์ส
          ด้านคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีน เปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตและยืนยันการติดเชื้อในประเทศจีน ณ วันที่ 2 ก.พ.ว่า ผู้เสียชีวิตในจีนได้เพิ่มเป็น 304 คน และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 14,380 คน เท่ากับว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสูงกว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ระบาดเมื่อช่วงปี 2545-2546 ส่วนนายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นเปิดเผยว่า ได้มีการปลดข้าราชการ 6 คน ฐานทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสำนักข่าวซินหัวรายงานด้วยว่า เกิดจากเหตุปล่อยให้เด็กพิการทางสมองเสียชีวิต เนื่องจากผู้ปกครองถูกกักกันโรค
          ประกาศคุมเข้มเพิ่มหลายเมือง
          ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หลังรัฐบาลจีนออกมาตรการเข้มงวดให้ชาวจีนในเมืองหวงกัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองอู่ฮั่น อยู่แต่ในบ้านและอนุญาตให้ 1 คน ออกจากบ้านได้ทุกๆ 2 วัน เพื่อซื้อเสบียงอาหารนั้น ทางเมืองเหวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ได้ออกมาตรการเดียวกันแล้ว หวังสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะโดยเป็นมาตรการหลังจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองเหวินโจว เพิ่มเป็น 241 คน ซึ่งถือว่ามีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกมณฑลหูเป่ย รวมถึงสั่งปิดหน่วยงานราชการไปจนถึงวันที่ 9 ก.พ. ภาคเอกชนปิดไปจนถึงวันที่ 17 ก.พ. ขณะที่โรงเรียนหยุดยาวไปจนถึงวันที่ 1 มี.ค. เช่นเดียวกับมณฑลอื่นๆ ทั้งเฮยหลงเจียง ชานตง กุ้ยโจว เหอเป่ย และหูหนาน ที่ออกมาตรการปิดทำการในลักษณะเดียวกัน ส่วนนครเซี่ยงไฮ้ และเมืองหลวงกรุงปักกิ่ง มีคำสั่งหยุดทำงานอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้ให้อำนาจกองทัพเข้าควบคุมโรงพยาบาลฉุกเฉินใหม่ 2 แห่งในเมืองอู่ฮั่น ที่เร่งก่อสร้างเพื่อรองรับผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยโรงพยาบาลแห่งแรกได้รับการตั้งชื่อว่า “ภูเขาไฟแห่งพระเจ้า” ขนาด 1,000 เตียง จะเริ่มเปิดรักษาคนไข้ในวันที่ 3 ก.พ.หลังใช้เวลาก่อสร้างเพียง 10 วัน ส่วนโรงพยาบาลใหม่แห่งที่สอง มีชื่อว่า “ภูเขาสายฟ้าแห่งพระเจ้า” ขนาด 1,600 เตียง จะเริ่มเปิดรักษาคนไข้ได้ในวันที่ 6 ก.พ.นี้
          แห่กว้านซื้อยาแผนโบราณ
          นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า ชาวจีนจำนวนมากต่างออกมากว้านซื้อยาแพทย์แผนโบราณ ที่ชื่อว่า ช่วงหวงเหลียน ที่มีสารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้ง จนของขาดตลาด เนื่องจากมีรายงานของสำนักข่าวซินหัว อ้างการเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนว่ายาดังกล่าวจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส ทั้งนี้ กระแสพึ่งพายาแผนโบราณมีขึ้นหลังรัฐบาลจีนอยู่ระหว่างพิจารณาใช้การแพทย์แผนโบราณช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พร้อมส่งทีมแพทย์แผนโบราณไปเมืองอู่ฮั่น กว่า 6,000 คน
          แบงก์ชาติจีนอัดเงินมหาศาลสู้ไวรัส
          ด้านธนาคารกลางหรือแบงก์ชาติของจีน (พีบีโอซี) ประกาศเมื่อ 2 ก.พ.ว่าจะอัดฉีดเงินมหาศาลถึง 1.2 ล้านล้านหยวน (173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5.39 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจีน เริ่มตั้งแต่เปิดตลาดในวันที่ 3 ก.พ. เพื่อเสริมสภาพคล่องและสร้างเสถียรภาพในภาคการเงินการธนาคาร เพื่อช่วยต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยการอัดฉีดเงินนี้จะอยู่ภายใต้ธุรกรรมการซื้อหลักทรัพย์ โดยมีสัญญาจะขายคืน (Reverse Repurchase Operation) ซึ่งการอัดฉีดเงินเสริมสภาพคล่องนี้สูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 900,000 ล้านหยวน นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของรัฐบาลจีน รายงานว่านายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เรียกประชุมหามาตรการรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการผลิตสินค้าที่จำเป็น ขณะที่สินค้าและวัตถุดิบที่กำลังขาดแคลนนั้น รัฐบาลจะเป็นผู้รวบรวมและแจกจ่ายแต่เพียงผู้เดียว ส่วนภาคเอกชนอื่นๆที่ไม่จำเป็น จะได้รับการผ่อนผันให้กลับมาทำงานได้ตามเดิม เร็วที่สุดคือหลังวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ขยายเวลาจนถึง 2 ก.พ.นี้
          จีนพบหวัดนกระบาดซ้ำ
          อย่างไรก็ดี ในขณะที่สถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังไม่ดีขึ้น จีนก็ยังมาเจอปัญหาซ้ำซ้อนเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้ทางการจีนพบการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ H5N1 สาเหตุของโรคไข้หวัดนก ในฟาร์มไก่เมืองเซาหยาง มณฑลหูหนาน ทางตอนใต้ของมณฑลหูเป่ย โดยการเปิดเผยของกระทรวงเกษตรจีนระบุว่า พบไก่ตายกว่า 4,500 ตัวจากเชื้อไวรัส ทำให้ต้องออกมาตรการกำจัดไก่ทิ้งกว่า 17,800 ตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก H5N1
          ยอดติดเชื้อเพิ่มหลายประเทศ
          ส่วนยอดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในหลายประเทศทั่วโลก สำนักข่าวเอเอฟพี สรุปไว้ดังนี้ ในญี่ปุ่น 20 ราย ไทย 19 ราย สิงคโปร์ 18 ราย เกาหลีใต้ 15 ราย ฮ่องกง 14 ราย ออสเตรเลีย 12 ราย ไต้หวัน 10 ราย มาเก๊า 8 ราย สหรัฐอเมริกา 8 ราย มาเลเซีย 8 ราย เวียดนาม 7 ราย เยอรมนี 7 ราย ฝรั่งเศส 6 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 ราย แคนาดา 4 ราย อินเดีย 2 ราย อิตาลี 2 ราย รัสเซีย 2 ราย อังกฤษ 2 ราย ส่วนกัมพูชา ฟิลิปปินส์ เนปาล ศรีลังกา ฟินแลนด์ สวีเดน สเปน อย่างละ 1 ราย ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ มีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มในออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น มาเก๊า สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เวียดนามและสหรัฐฯ
          ผู้ดูแลผู้ป่วยในญี่ปุ่นฆ่าตัวตาย
          นอกจากนี้ มีรายงานในสื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นว่าพบเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น 1 รายเสียชีวิตในศูนย์รับรองชาวญี่ปุ่นที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น โดยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลในศูนย์ดังกล่าว แต่จากการสอบถามตำรวจระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมาจากการฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกัน หลายประเทศที่ทยอยรับพลเมืองของตัวกลับจากอู่ฮั่น ต่างเร่งจัดหาสถานที่รองรับเพื่อเฝ้าดูอาการผู้ที่กลับมา อาทิ สหรัฐฯสั่งให้ฐานทัพ 4 แห่ง เตรียมสถานที่รับรองผู้ติดเชื้อไว้ถึง 1,000 คน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โคโลราโด เท็กซัส ส่วนรัฐบาลฝรั่งเศสนำพลเมืองพร้อมสามี/ภรรยาชาวจีน ที่กลับจากเมืองอู่ฮั่น ไปกักบริเวณที่โรงแรมแห่งหนึ่งห่างจากเมืองท่องเที่ยวมาร์กเซย ไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร ส่วนที่อินโดนีเซีย มีพลเมืองชุดแรก 241 คนกลับจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นไป ผู้ที่เดินทางกลับมาจะถูกกักบริเวณดูอาการ 14 วัน ที่เกาะนาทูนา จังหวัดสุมาตรา ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวบ้านบนเกาะหลายร้อยคน ที่ออกมาชุมนุมประท้วงที่สำนักงานเทศบาลนาทูนา เนื่องจากกังวลว่าคนบนเกาะจะติดเชื้อไปด้วย
          ป่วย 19 รายรักษาหายแล้ว 8 คน
          สำหรับสถานการณ์ในไทยที่เริ่มมีข่าวดี หลังพบแนวทางรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ให้หายได้ในเวลารวดเร็ว โดยเมื่อเวลา 12.00น.วันที่ 2 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป ในฐานะผู้บัญชาการของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน แถลงข่าวสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสม 19 ราย วันนี้รักษาหายเพิ่มและออกจากโรงพยาบาล 1 ราย รวมเป็นผู้ที่รักษาหายแล้ว 8 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 11 ราย ทุกรายมีอาการดีขึ้น ส่วนผู้เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรค เมื่อวันที่ 1 ก.พ. พบเพิ่ม 38 ราย รวมเป็นเคสเฝ้าระวังสะสมตั้งแต่ 3 ม.ค.-1 ก.พ. อยู่ที่ 382 ราย แบ่งเป็นคัดกรองจากสนามบิน 40 ราย มาที่ รพ.เอง 332 ราย และได้รับแจ้งผ่านมัคคุเทศก์และศูนย์รับแจ้งผู้ป่วย 10 ราย ทั้งนี้ อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 71 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงเฝ้าระวังในสถานพยาบาล 311 ราย
          แท็กซี่หมั่นทำความสะอาดรถ
          นพ.โสภณกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การควบคุมป้องกันโรคในส่วนของคนขับแท็กซี่ขอให้มีหน้ากากอนามัยติดไว้อย่างน้อย 2 แผ่น ใช้เอง 1 แผ่น และอีกแผ่นเพื่อหากพบผู้โดยสารมีอาการไอ จาม และควรมีเจลล้างมือติดรถไว้ด้วย ทั้งนี้ ขอให้หมั่นทำความสะอาดรถทั้งภายในและภายนอก โดยใช้แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ทำความสะอาด ส่วนสหกรณ์แท็กซี่สามารถใช้ผงคลอรีนละลายน้ำมาใช้ทำความสะอาดรถแท็กซี่ด้วย หากเจอผู้โดยสารไอ จาม ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อระบายอากาศ หรือเวลาที่จอดรถเพื่อทำกิจวัตรอย่างอื่น ขอให้เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศออก ส่วนประชาชนทั่วไปขอให้สวมหน้ากากอนามัย คนที่ไม่ป่วยให้ใช้แบบผ้าที่สามารถซักใช้ซ้ำได้ ส่วนคนป่วยให้ใส่ชนิดที่เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ไม่ต้องถึงขั้นใช้หน้ากาก N95 เพราะชนิดนี้เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์
          อย่าวิตกหวัดนกกลับมาระบาด
          ด้าน รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในเมืองหูหนาน ซึ่งมีพื้นที่ใกล้กับเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้สถานการณ์โรครุนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ต้องเรียนว่าเชื้อ H5N1 กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้น เป็นคนละกลุ่มไม่สามารถผสมกันได้ อีกทั้งขณะนี้ H5N1 ในจีนยังเป็นการพบในสัตว์ ยังไม่ได้ระบาดมาสู่คน แต่ทางการจีนทำลายสัตว์ปีก พร้อมทั้งทำความสะอาดไปแล้ว ทั้งนี้ ในอดีตที่มีการระบาดของไข้หวัดนกถือว่าเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง อัตราการเสียชีวิตในคน อยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่การแพร่กระจายโรคไม่ง่าย เพราะเป็นแล้วเสียชีวิตก็เผาเลย ส่วนกรณีผู้ป่วยติดเชื้อที่เชียงใหม่ที่ตรวจครั้งแรกไม่เจอเชื้ออาจเป็นเพราะอยู่ในระยะฟักตัวและการเก็บตัวอย่างเชื้อไม่ดีพอ แต่ขณะนี้ผู้ป่วยและคนที่สัมผัสอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ 14 วันแล้ว ยังไม่มีความผิดปกติ
          “อนุทิน” ยันไม่ห้ามคนจีนเข้าไทย
          ต่อมาเวลา 13.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวอีกรอบภายหลังการเรียกผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ทุกกรมในสังกัดมาประชุมนัดพิเศษในวันหยุด โดยระบุถึงการไปรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่นกลับมาเมืองไทยจะไปในวันที่ 4 ก.พ. โดยตนไม่ไปเอง จะมีเพียงทีมแพทย์ 8 คน พร้อมกับยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น และย้ำเรื่องการที่ไม่ห้ามคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยเพราะวันนี้คนจีนเข้ามาในประเทศไทยน้อยมากแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเรื่องน่ายินดีเมื่อได้รับรายงานจากทีมแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี ที่ให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาการรุนแรง หายภายใน 48 ชั่วโมง
          เริ่มมีหวังเจอยารักษาผู้ป่วยได้เร็ว
          ขณะที่ นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดังกล่าวเป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีนอายุ 70 กว่าปี ซึ่งมาจากอู่ฮั่น มีโรคความดันโลหิตสูง และอาจมีโรคหัวใจร่วมด้วย ซึ่งได้รับการรักษาที่ รพ.หัวหินมาก่อน ขณะที่อยู่ รพ.หัวหิน ก็ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว ซึ่งมีรายงานในต่างประเทศว่าได้ผล โดยให้มาประมาณ 2 วัน แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ได้ส่งตัวมารับการรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ซึ่ง รพ.ราชวิถีได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งมียาอยู่แล้ว แต่ใช้ในขนาดที่สูงขึ้น เพราะคนไข้อาการหนัก สาเหตุที่เลือกใช้เพราะมีรายงานว่า ยาตัวนี้ได้ผลในคนไข้โรคเมอร์ส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มเดียวกัน จึงตัดสินใจว่า คนไข้อาการหนักต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อนและคอยระวังผลข้างเคียง จึงตัดสินใจให้ยาไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและเฝ้าดูอาการทุกวันตลอดเวลา
          ใช้ยาต้านไวรัสเอดส์กับไข้หวัดใหญ่
          นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ยาที่ให้เป็นยา 2 กลุ่ม 3 ตัว คือ กลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ คือ ยาโลพินาเวียร์ 200 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 800 มิลลิกรัมต่อวัน และยาริโทนาเวียร์ 50 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และกลุ่มยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ 300 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับวันแรกที่มาอาการหนักมาก ค่าการอักเสบในเลือดก็สูงขึ้นทุกวัน ถึงขั้นต้องตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเครื่องช่วยหายใจโดยไม่ต้องใส่ท่อ ก็ตัดสินใจให้ใช้เครื่องดังกล่าว และร่วมกับรีบให้ยารักษาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าภายในไม่ถึง 12 ชั่วโมง จากคนไข้ที่ลุกไม่ได้อ่อนเพลีย ขึ้นมานั่งได้ ไข้ลง และขณะนี้คนไข้ดีขึ้นอย่างชัดเจน และผลตรวจจากการรับการรักษามา 10 กว่าวัน ผลตรวจเป็นบวก หรือพบเชื้อมาตลอดไม่เคยลดเลย แต่พอได้รับยาสูตรที่ใช้ ผลเป็นลบ คือไม่พบเชื้อภายใน 48 ชั่วโมงเป็นผลแล็บที่ยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
          ยินดีเผยแพร่ผลไม่หวงสูตร
          เมื่อถามว่า จากการรักษา 1 ราย ขณะนี้พอจะ สรุปอะไรเกี่ยวกับการรักษาได้บ้าง นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มดีขึ้น แต่เรายังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่าการรักษานี้เป็นมาตรฐานการรักษา ซึ่งปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีมาตรฐานในการรักษา เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ ฉะนั้นเมื่อมีใครรายงานว่าตัวไหนได้ผลก็ต้องติดตาม เรามีการศึกษาและเปิดดูว่ามีรายงานเรื่องการรักษาใหม่ๆ ถ้ามีเราไม่หวง เราเอามารักษาคนไทยอยู่แล้ว
          รักษาอาการดีขึ้น 2 ใน 3 ราย
          ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากเคสนี้เป็นเคสรีพอร์ต เป็นกรณีศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วแพทย์ได้ใช้วิธีการนี้รักษาจำนวน 3 ราย และทั้ง 3 ราย มี 1 รายที่มีอาการแพ้ยารักษาไข้หวัดใหญ่จึงไม่ได้ให้ต่อ ส่วนอีก 2 รายอาการดีขึ้น ซึ่งในวันที่ 3 ก.พ.จะมีการประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยเอาเคสนี้มาพิจารณาถึงแนวทางการรักษาว่า หากอาการไม่หนักก็ใช้แนวทางการรักษาตามปกติ แต่หากอาการรุนแรงก็มียาสูตรนี้เป็นทางเลือก โดยจะต้องมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ส่วนแนวทางการรักษาของเราแตกต่างจากจีนคือของจีนไม่ได้ให้ยาโอเซลทามิเวียร์หรืออาจมีการรักษาแต่ยังไม่ได้รายงานออกมา ส่วนผลการรักษานี้ก็จะมีการแบ่งปันความก้าวหน้าให้ด้วย ส่วนอีก 1 รายที่รอผลเป็นปอดอักเสบเหมือนกัน อาการดีมาก แต่ที่ยังไม่แถลงเพราะผลตรวจแล็บยังไม่ออกจึงยังไม่นับ เพราะต้องรอผลที่แน่ชัดก่อน โดยรายนี้อายุ 33 ปี เป็นคนไทยแต่ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ไม่มีประวัติสัมผัสคนจีน และมีอาการที่ญี่ปุ่น
          ไทยพร้อมร่วมมือกับแพทย์ทั่วโลก
          เมื่อถามว่ามีการศึกษาในประเทศอื่นๆหรือไม่ว่า มีการรักษาลักษณะไหนบ้าง รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า จีนมีการรายงานเป็นระยะ ก็เป็นในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าความร่วมมือของแพทย์ในทุกประเทศทั่วโลกจะพัฒนาการรักษาร่วมกัน เราจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมช่วยกัน
          ผู้ป่วยชื่นชมไทยดูแลรักษาดี
          ต่อมานายอนุทิน ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่สถาบันบำราศนราดูร และให้สัมภาษณ์ว่าจากการพูดคุยเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยยืนยันโรคปอดอักเสบติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ชาวจีน ที่ห้องแยกโรคความดันลบ ผ่านระบบกล้องวงจรปิด ที่ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น รอกลับบ้านนั้น ผู้ป่วยได้กล่าวแสดงความขอบคุณแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ให้การดูแลรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี พร้อมกล่าวชื่นชม มั่นใจระบบการรักษาของประเทศไทย
          ขอให้มั่นใจ รบ.ควบคุมได้
          ส่วนความคืบหน้าของรัฐบาลในการนำคนไทยในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน กลับประเทศนั้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจปฏิบัติตามขั้นตอนการป้องกันและควบคุมโรคตามหลักมาตรฐานสากล ส่วนเรื่องที่ประชาชนอาจกังวล โดยเฉพาะความปลอดภัยของคนไทยที่เมืองอู่ฮั่นและเมืองต่างๆของจีนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงยิ่งกว่าและเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลคนไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม การนำคนไทยกลับนั้นรัฐบาลได้พูดคุยกับทางการจีนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดสถานการณ์ แต่ทุกอย่างมีขั้นตอน ซึ่งไทยจะส่งเครื่องบินพาณิชย์ไปรับคนไทยในเร็ววันนี้ โดยนายกฯกำชับทั้งเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ไปรับ และความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้รัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการแพร่ระบาดในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่น และเราจะก้าวข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
          “ดอน” ร่ายยาวลำดับเหตุการณ์
          ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยลำดับเหตุการณ์เป็นข้อๆ ถึง 12 ข้อ นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในประเทศจีน จนมีการประกาศปิดเมือง โดยยืนยันไม่ได้นิ่งเฉยในการอพยพคนไทยในเมืองอู่ฮั่นกลับมา แต่ต้องรอจีนอนุญาต โดยขณะนี้มีคนไทยประมาณ 140 คน รอให้ไปรับกลับมา รวมถึงกลุ่มนักศึกษา ซึ่งต้องมีการประสานงานในการเดินทางของแต่ละกลุ่มมายังจุดนัดพบ โดยกำหนดวันไปรับกลับคือวันที่ 4 ก.พ.นี้ และเมื่อนำกลับมาแล้ว ทุกคนรวมถึงบุคลากรทั้งหมดที่เดินทางไปกับเที่ยวบินที่รับคนไทย อยู่ในข่ายต้องได้รับการตรวจเชื้อดูอาการเป็นเวลา 14 วัน พร้อมยืนยันให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในชีวิตของคนไทย ไม่ป่วย ไม่ขาดแคลนอาหาร ถือเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่แข่งขันกับชาติไหนๆ ว่าใครจะออกก่อนออกหลัง ให้คนไทยปลอดภัยไม่ติดเชื้อเมื่อมาถึงไทยก็เป็นธงชัยของไทยในเรื่องการเคลื่อนย้ายคนจากอู่ฮั่น
          ผบ.ทอ.พร้อมเปิดพื้นที่กักกันโรค
          ที่สถานีรายงานดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลจะใช้พื้นที่ทหารกักตัวคนไทย ที่จะเดินทางกลับจากฮู่ฮั่น ประเทศจีน ว่า กองทัพอากาศพร้อมให้ความร่วมมือและไม่มีปัญหา ส่วนจะใช้พื้นที่ใดนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล ในส่วนของกองทัพอากาศมีหน้าที่สนับสนุน เรามีทรัพยากรอยู่ทุกอย่าง เพียงแต่รอคำสั่งจากรัฐบาล
          พปชร.เปิดศูนย์รับร้องเรียนไวรัส
          ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ วันเดียวกัน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นประธานในการเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของพรรค เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนแจ้งปัญหาที่ได้รับความเดือดร้อนเข้ามา รวมทั้งจะลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ เพื่อรับเรื่องก่อนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึง การให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติตัวที่ถูกต้องในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แก่ตัวแทนชุมชน 50 เขตใน กทม.
          “ปู” ห่วงแนะกินร้อนช้อนกลาง
          น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพประชาชนว่า วันนี้ถึงแม้ดิฉันจะอยู่ไกล แต่ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของพี่น้องประชาชน ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะนอกจากทุกท่านต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจแล้วยังต้องเจอกับเรื่องอากาศเป็นพิษ ซ้ำเติมด้วยเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ควรเร่งออกมาตรการแก้ไขในเชิงรุกอย่างเร็วที่สุด ดิฉันคิดว่าในเวลานี้สิ่งที่ประชาชนควรให้ความสำคัญอันดับแรกคือ การดูแลสุขภาพของตนเอง อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด กินอาหารร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาดตามที่แพทย์แนะนำก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย แม้จะป้องกันได้บางส่วนแต่ก็ดีกว่าไม่ดูแลตัวเองเลย ดิฉันขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทีมแพทย์ พยาบาล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขทุกท่านที่ทุ่มเทในการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวและดูแลพี่น้องประชาชน ขอให้การทำงานในครั้งนี้ลุล่วงประสบความสำเร็จ ทุกอย่างคลี่คลายไปได้ด้วยดี และหวังว่าพวกเราจะผ่านพ้นสถานการณ์ครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว
          เข้มงวดคนจาก ปท.เสี่ยงเชื้อระบาด
          ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีความห่วงใยผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามท่าอากาศยานต่างๆ ทั้งจุดตรวจคนเข้าเมือง ด่านบก ด่านน้ำ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.เข้าดูแลจัดการปัญหาดังกล่าว กำชับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้บูรณาการกับทุกภาคส่วน สนับสนุนแพทย์ เครื่องมืออุปกรณ์ในการรักษาผู้ป่วย รวมถึงให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจบุคคลที่เดินทางมาจาก เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือบุคคลอื่น ที่มาจากประเทศที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อโรคระบาดอื่นๆ หากตรวจพบให้ประสานกับแพทย์หรือเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุข ขณะเดียวกันกำชับเจ้าหน้าที่ทุกรายสวมใส่ถุงมือยาง หน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะปฏิบัติหน้าที่ และหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ และหากพบเจ้าหน้าที่คนใดมีอาการไข้ขึ้นสูงหรือต้องสงสัยว่าป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสให้รีบส่งตัวเพื่อให้แพทย์ตรวจรักษาต่อไป และให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
          โพลชี้คาดไวรัสระบาดช่วงสั้น
          วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่อง เสียงประชาชนต่อโรคโคโรนา โดยสำรวจผ่านเสียงคนในโลกโซเชียล 5,968 ตัวอย่าง และเสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม 1,302 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ.พบว่า ร้อยละ 59.6 คิดว่าช่วงเวลาระบาดน่าจะเป็นช่วงสั้นๆ ร้อยละ 40.4 คิดว่าจะระบาดอีกนาน ด้านความตื่นตัวดูแลสุขภาพ ร้อยละ 87.7 ตื่นตัวดูแลสุขภาพมากขึ้น ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงที่คนหนาแน่น เวลาทานอาหารจะกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สำหรับความ

 pageview  1205014    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved