Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 08/01/2562 ]
อิทธิพลปาบึกชุมพรยังอ่วม! รับบริจาคช่วยวาตภัยภาคใต้

  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” ที่ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมพระราชกระแสรับสั่งทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ขณะที่สถานการณ์หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ ระดมเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมฟื้นฟูพื้นที่เสียหาย การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักหลังทางการอนุญาตให้ออกเดินเรือได้ ส่วน จ.ชุมพร ยังอ่วม น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมสี่แยกปฐมพร ถนนสายหลักสู่ 14 จังหวัดใต้ ในทะเลยังมีคลื่นลมแรง นายกฯเตรียมลงพื้นที่เมืองคอนวันที่ 7 ม.ค. พร้อมให้รัฐบาลจัดรายการ “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” ระดมเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย
          ถึงแม้ว่าพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) จะเคลื่อนผ่านไทยลงทะเลอันดามันก่อนสลายตัวไปแล้ว แต่ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้เบื้องหลังทั้งต้นไม้เสาไฟฟ้าหักโค่น บ้านเรือนพังพินาศ เกิดน้ำท่วมฉับพลันเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับความเสียหายทั้ง 16 อำเภอ กรมอุตุฯแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังน้ำป่าจากเทือกเขาที่อาจจะซัดถล่มลงมาภายใน 1-2 วันนี้ ขณะที่ชาวบ้านที่อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยต่างทยอยกลับไปทำความสะอาดบ้านเรือนของตัวเอง โดยมีหน่วยงานภาครัฐให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ หลายพื้นที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
          มอบสิ่งของพระราชทาน
          ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 ม.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ผู้ประสบวาตภัย โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 บรรยายสรุปเหตุการณ์ องคมนตรีมอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต 1 ราย มอบสิ่งของพระราชทาน 900 ชุด จากนั้นไปที่ศูนย์อพยพวัดรัตนาราม ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก เชิญสิ่งของพระราชทาน 300 ชุด มอบแก่ผู้ประสบวาตภัย ถวายพระสงฆ์ และมอบให้ผู้ป่วยติดเตียง ต่อมาได้เชิญสิ่งของพระราชทาน 1,100 ชุด มอบแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจาก อ.เฉลิมพระเกียรติ 1 ราย และเชิญสิ่งของพระราชทาน 700 ชุด ให้ผู้ประสบภัยในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่โรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์
          พระองค์ทรงห่วงใยราษฎร
          ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใย ไปกล่าวกับราษฎรที่ประสบวาตภัยให้ได้รับทราบความตอนหนึ่งว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบภัย ซึ่งพระองค์ทรงติดตามสถานการณ์พายุจากข่าวสารทางสื่อมวลชน การถวายรายงานของส่วนราชการในพระองค์ และส่วนราชการต่างๆ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานในพื้นที่เป็นการเร่งด่วนเพื่อประกอบเลี้ยงผู้ประสบภัย และให้องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานมามอบแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจแก่ราษฎร พร้อมทั้งพระราชทานกำลังใจแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และจิตอาสาที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือ ฟื้นฟูผู้ประสบภัยด้วย” ยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้
          เร่งฟื้นฟูช่วยชาวเมืองคอน
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.นครศรีธรรมราช ได้รับความเสียหายทั้ง 16 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย 6 อำเภอ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ เนื่องจากถนนถูกตัดขาดมีต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มขวางหลายเส้นทาง ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าระดมกำลังไปเร่งซ่อมแซมแล้ว รวมทั้งสวนยางพาราและสวนผลไม้ในหลายพื้นที่ถูกพายุพัดถล่มล้มราบคาบ มีสัตว์เลี้ยงล้มตายจำนวนมาก นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความ เดือดร้อนแล้ว โดยเฉพาะที่ ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง พื้นที่หลักที่พายุพัดถล่ม มีบ้านเรือนริมทะเลพังเสียหายจำนวนมาก มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ และจิตอาสานำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้งไปมอบให้ผู้ประสบภัยตลอดทั้งวัน
          สลดจมหนองน้ำดับอีกศพ
          มีรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุ สลดใจเมื่อตำรวจ สภ.ปากพนัง รับแจ้งพบศพหญิงจมน้ำเสียชีวิตลอยมาติดผักตบชวาในหนองน้ำทางเข้าพระตำหนักประทับแรมด้านทิศตะวันตก พื้นที่หมู่ 5 ต.หูล่อง ผู้เสียชีวิตชื่อนางจุ่ม ภู่ร้อย อายุ 57 ปี สอบถามญาติทราบว่า ผู้ตายเดินออกมาจากศูนย์อพยพเพื่อตามหาลูกที่พลัดหลงกัน คาดว่าขณะเดินผ่านหนองน้ำเกิดเป็นลมล้มวูบหรือถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปในหนองน้ำจนเสียชีวิต
          น้ำไหลทะลักท่วมทุ่งใหญ่
          ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เริ่มลดลงเรื่อยๆ จนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ เหลือเพียงน้ำขังบางส่วนในพื้นที่ลุ่ม เจ้าหน้าที่เทศบาลร่วมกับมูลนิธิต่างๆ นำข้าวกล่องไปแจกให้ชาวบ้านตามตรอกซอกซอยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ขณะที่ อ.พระพรหม ระดับน้ำเริ่มลดหลังจากฝนหยุดตกมา 2 วัน ทหารนำเลื่อยยนต์ไปร่วมกับชาวบ้านช่วยกันตัดต้นไม้ที่ล้มขวางถนนและล้มทับบ้านเรือนใน ต.ท้ายสำเภา พร้อมประสานการไฟฟ้าเร่งซ่อมแซมให้ระบบไฟฟ้ากลับมาใช้ได้โดยเร็ว ขณะที่ อ.ทุ่งใหญ่ ในช่วงเช้ามืด มีน้ำจากพื้นที่อื่นไหลทะลักเข้าท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะในเขตเทศบาล ต.ท่ายาง น้ำท่วมขังบริเวณสี่แยกถนนสายทุ่งใหญ่-ทุ่งสง ระยะทาง 1 กม. และถนนอื่นๆอีกหลายสาย นอกจากนี้ น้ำในคลองสังข์ยังเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านพักตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันขนข้าวของหนีน้ำกันโกลาหล ทางเทศบาลต้องออกประกาศเสียงตามสายให้ประชาชนขนของขึ้นไว้บนที่สูง
          เคลียร์ดินสไลด์ขวางถนน
          นายสมัย โชติกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ อ.ทุ่งสง ไปตรวจสอบถนนทางหลวงชนบทสายที่วังจุฬาภรณ์ และบ้านสวนอ้ายเลา หมู่ 10 ต.ที่วัง ที่เกิดดินถล่มลงมาปิดช่องทางจราจร 1 ช่องทาง ความยาว 100 เมตร พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่แขวงการทางเร่งนำดินออกจากผิวการจราจรแล้ว จากนั้นไปตรวจสอบที่สะพานคลองหอม หมู่ 2 ต.ที่วัง ที่ถูกกระแสน้ำซัดถนนกลายเป็นหลุมบ่อ สั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมแล้ว ส่วนการเดินทางโดยรถไฟ ขบวนรถด่วนตรัง-กรุงเทพฯ และขบวนรถเร็วกันตัง-กรุงเทพฯ ยังคงหยุดวิ่ง เนื่องจากระดับน้ำระหว่างสถานีรถไฟที่วังกับสถานีกะปาง บางจุดยังมีระดับน้ำท่วมสูงถึงสันราง
          บินสำรวจพื้นที่แนวชายหาด
          ขณะที่ พ.ต.อ.ภาคิน ณ ระนอง ผกก.7 บก.ทล. ร่วมกับหน่วยบินสงขลา นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจสภาพพื้นที่แนวชายหาด จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ อ.หัวไทร อ.ปากพนัง แหลมตะลุมพุก อ.เมือง อ.ท่าศาลา อ.สิชล อ.ขนอม และบางส่วนของ อ.ร่อนพิบูลย์ พบว่าสภาพพื้นที่ทั้งหมดเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว คลื่นลมในทะเลเริ่มอ่อนกำลังลงมาก ถนนกลับมาใช้งานได้ตามปกติ เหลือเพียงเฉพาะพื้นที่ติดริมน้ำบางส่วนที่ยังมีน้ำท่วมขัง จุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ อ.ปากพนัง และแหลมตะลุมพุก
          เจอซากโลมาเกยตื้นอีกตัว
          ช่วงสายวันเดียวกัน นายธีระพงศ์ ช่วยชู นอภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งว่ามีชาวบ้านพบซากโลมาหลังโหนกเกยตื้นบริเวณหาดหน้าด่าน หมู่ 2 ต.ขนอม เป็นโลมาขนาดโตเต็มวัยไม่ทราบเพศ เนื่องมาจากอวัยวะเพศเริ่มเน่า ความยาวประมาณ 1 เมตร ตายมาแล้วประมาณ 2 วัน คาดว่าเจอพายุพัดผ่านพื้นที่ทำให้คลื่นลมแรง โลมาตัวดังกล่าวอ่อนแอจึงถูกคลื่นแรงซัดจนตายลอยมาติดชายหาดขนอม นับเป็นตัวที่ 2 ในช่วง 2 วันติดต่อกัน
          “หญิงหน่อย” ช่วยปลอบขวัญ
          ที่ศูนย์อพยพและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติศูนย์อนามัย 11 อ.เมืองนครศรีธรรมราช คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นำถุงยังชีพ 150 ชุดที่รวบรวมจากศูนย์รับบริจาคของพรรคเพื่อไทย 30 เขตทั่ว กทม. มอบแก่ผู้ประสบภัย พร้อมเดินสำรวจความเสียหายและพูดคุยปลอบขวัญชาวบ้านในชุมชนปากนคร คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า มาบรรเทาทุกข์เบื้องต้นและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากนี้จะกลับไปประสานงานกับหน่วยงานราชการ องค์กร และบุคคลที่มีความพร้อมระดมความช่วยเหลือกลับมาให้ประชาชนอีกครั้ง
          น้ำป่าถล่มบ้านหายทั้งหลัง
          จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับสมาชิกจิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ เข้าช่วยเหลือนางยวนใจ เรืองทอง ที่บ้านเลขที่ 38/4 อ่าวหมาเถื่อน หมู่ 10 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก ที่ถูกต้นมะขามและต้นมะพร้าวโค่นล้มใส่หลังคาบ้านได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ช่วยกันตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านออก เปลี่ยนหลังคาใหม่ สำรวจโครงสร้างบ้านให้แข็งแรงและช่วยเก็บขยะบริเวณชายหาดนางกำ อีกด้านหนึ่ง ว่าที่ ร.ท.สมชาย เรืองจันทร์ นอภ.กาญจนดิษฐ์ นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านของนายวิทย์ บุญเหลือ อายุ 54 ปี เลขที่ 220 หมู่ 10 ต.คลองสระ ที่ถูกน้ำป่าซัดถล่มพังหายไปทั้งหลังขณะที่นายวิทย์และภรรยาอพยพหนีไปอยู่บ้านลูกใน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช กลับมาพบว่าบ้านพังหายทั้งหลังเหลือเพียงฐานบ้านโผล่เหนือผิวน้ำ ส่วนถนนถูกตัดขาดรถไม่สามารถสัญจรได้
          สุราษฎร์เสียหาย 11 อำเภอ
          นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพแก่ราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.บ้านนาเดิม และ อ.บ้านนาสาร พร้อมเผยว่า จ.สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ประสบภัย 11 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ไชยา ท่าชนะ ดอนสัก พะงัน บ้านนาเดิม พุนพิน เกาะสมุย เมือง บ้านนาสาร พระแสง และกาญจนดิษฐ์ ราษฎรได้รับผลกระทบ 3,791 ครัวเรือน 11,013 คน สถานการณ์ปัจจุบันหลายพื้นที่ตอนบนติดภูเขาระดับน้ำลดลงปกติ แต่ยังมีพื้นที่ราบลุ่มปลายน้ำก่อนออกทะเลที่ยังได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ไหลเข้าท่วมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศในช่วงเช้า ท้องฟ้ายังมืดครึ้มครอบคลุมเกือบทั้งจังหวัด บางจุดมีฝนโปรยเล็กน้อย ทุกภาคส่วนระดมช่วยชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้อพยพกลับไปพักอาศัยที่บ้านแล้วทั้งหมด
          เก็บกวาดเศษขยะเกาะสมุย
          นางกฤษณา พรหมเกาะ อุปนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เผยว่า เกาะสมุยไม่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกมากนัก จะมีเพียงต้นไม้ล้ม บ้านเรือนที่มุงกระเบื้องหลังคาถูกลมพัดปลิวไปบ้าง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ในทะเลอาจจะมีคลื่นลมบ้างเป็นบางช่วงฝนตกประปรายลงมาบ้างถือเป็นเหตุการณ์ปกติของเกาะสมุย ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างเร่งปรับปรุงสถานที่ ปรับปรุงภูมิทัศน์ เก็บขยะที่ถูกคลื่นซัดมาเกยอยู่แนวชายหาด และจุดท่องเที่ยวที่สำคัญให้เกิดความสวยงาม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาเกาะสมุยอีกครั้ง
          โรงครัวพระราชทานที่ชุมพร
          ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร มีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ระดมทุกภาคส่วนรวมถึงจิตอาสาช่วยกันทำอาหารกล่องและน้ำดื่มวันละ 4,000 ชุดเพื่อแจกจ่ายไปยังพื้นที่ประสบภัยจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึก โดยนายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่ช่วยกันทำข้าวกล่อง ขณะเดียวกันยังประสานรถครัวสนามของทหารมาประกอบอาหารเลี้ยงในพื้นที่ประสบภัยด้วย นายวิบูลย์ เผยว่า นอกจากโรงครัวพระราชทานแห่งนี้แล้วยังมีโรงครัวจิตอาสาอีก 14 แห่งในพื้นที่ประสบภัย พร้อมระดมทุกภาคส่วนเข้าช่วยเหลือ ผู้เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือให้แจ้งผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โทร. 07-7613-6178 และสายด่วน 1784 และ 191 ตลอด 24 ชม.
          “สี่แยกปฐมพร” น้ำท่วมหนัก
          ที่ จ.ชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรวงศ์ ผวจ.ชุมพร พล.ต.พรชัย อินทนู ผบ.มทบ.44 ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนสายเอเชีย 41 ซึ่งเป็นถนนสายหลักขึ้นลง 14 จังหวัดภาคใต้ บริเวณสี่แยกปฐมพร-บขส.ชุมพร กม.ที่ 1-3 ต.บ้านนา และ ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร ที่ถูกน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมสูง 40 ซม.ระยะทางยาวกว่า 300 เมตร ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจต้องปิดการจราจรห้ามรถเล็กผ่าน ส่วนรถขนาดใหญ่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ทำให้การจราจรติดหนัก ขณะที่ปริมาณน้ำยังไม่มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากมีน้ำทะเลหนุนสูงยังไม่สามารถระบายน้ำได้ นายวิบูลย์กล่าวว่า นอกจากถนนสายนี้แล้วยังมีน้ำท่วมขังในอำเภอเมืองชุมพร 4 ตำบล 21 หมู่บ้าน คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเร็วๆนี้ ขณะที่คลื่นลมในทะเลยังแรงมากจึงสั่งห้ามเรือเล็กทุกชนิดออกจากฝั่ง ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงชายทะเลกว่า 2,000 คนที่อพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยได้เดินทางกลับบ้านแล้ว อยู่ระหว่างการสำรวจให้ความช่วยเหลือต่อไป
          ช่วยชาวชุมชนชายทะเล
          สภาพอากาศ จ.ชุมพร ยังมีฝนตกประปราย ผวจ.สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิต่างๆ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะหมู่บ้านชุมชนชายทะเลทั้ง 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองชุมพร อ.ปะทิว อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน และ อ.ละแม มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจากพายุคลื่นลมแรง นอกจากนี้ยังมีถนนเลียบชายทะเลและแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะหาดทุ่งวัวแล่น ต.สะพลี อ.ปะทิว ถนนถูกคลื่นซัดพังเสียหาย ต้นไม้ล้มขวางถนน สาธารณูปโภคถูกคลื่นลมซัดพังเสียหาย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยังคงปิดกิจการ
          พบศพที่ 2 ลูกเรือประมงล่ม
          ที่ จ.ปัตตานี ช่วงเช้าวันที่ 6 ม.ค. พ.ต.อ.มุสตอพา มะนิ ผกก.สภ.ยะหริ่ง ไปตรวจสอบเหตุพบศพชายถูกคลื่นซัดลอยขึ้นฝั่งบริเวณชายหาดบ้านปาตาบูดี หมู่ 3 ต.แหลมโพธิ์ สภาพศพบวมอืด นำส่ง รพ.ยะหริ่ง พร้อมประสานญาติลูกเรือที่สูญหายจากพายุโซนร้อนปาบึกซัดเรือประมงโชคมลิณี ล่มในทะเลแหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ยืนยันว่าเป็นศพนายฉลอง จันทนะ อายุ 52 ปี ชาว อ.สทิงพระ จ.สงขลา สำหรับเหตุเรือประมงโชคมลิณีล่มในทะเลแหลมตาชี มีผู้ประสบเหตุทั้งหมด 6 คน รอดชีวิต 4 คน เสียชีวิต 2 คน เจอ 1 ศพก่อนหน้านี้คือนายปราโมทย์ วงศ์สุวรรณ อายุ 47 ปี และเพิ่งพบศพนายฉลอง วันนี้เป็นศพที่ 2 ต่อมานายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.ปัตตานี เผยว่า ได้รับแจ้งจาก พล.อ.ท.ภักดี แสงชูโต ผู้ช่วยเลขานุการในพระองค์ฯ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมให้การจัดการงานศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน อยู่ในพระราชานุเคราะห์และพระราชทานเพลิงศพ เป็นพระมหากรุณาธิคุณกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้
          นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นเกาะพีพี
          จ.กระบี่ สภาพคลื่นลมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ท้องฟ้าสดใสตั้งแต่เช้า นักท่องเที่ยวที่หลบพายุเข้ามาพักผ่อนในตัวเมืองกระบี่ ทยอยเดินทางออกท่องเที่ยวทางทะเลกันอีกครั้ง โดยเฉพาะที่เกาะพีพี คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 5,000 คน มีทั้งที่เดินทางจากท่าเทียบเรือ อบจ.กระบี่ และบางส่วนเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกกันอย่างเต็มที่ ส่วนตามเกาะต่างๆ อาทิ เกาะห้อง เกาะไม้ไผ่ เกาะลันตา เกาะปอดะ ก็มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหล
          ไปเที่ยวกันอย่างคึกคักเช่นกัน ขณะที่ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ สั่งยกเลิกประกาศห้ามเรือเล็กทุกชนิดออกทะเล เนื่องจากคลื่นลมในทะเลกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวต่างนำเรือหัวโทง เรือสปีดโบ๊ต ออกมารอรับนักท่องเที่ยวกันอย่างคึกคักนับ 100 ลำ
          ภูเก็ตคึกคักลงเรือเที่ยวเกาะ
          ที่สะพานท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาลงเรือออกไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ จำนวนมาก หลังจากจังหวัดภูเก็ตมีมติให้เรือสามารถออกทะเลได้ตั้งแต่ 00.01 น.วันที่ 6 ม.ค.เป็นต้นไป ทำให้ท่าเทียบเรือต่างๆ กลับมาคึกคัก มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันหน่วยงานในพื้นที่เทศบาลตำบลฉลอง นำภาคเอกชนและจิตอาสาร่วมเก็บขยะทำความสะอาดบริเวณหน้า สภ.ฉลอง ถนนทางเข้าอ่าวฉลอง ลานจอดรถ ท่าเทียบเรืออ่าวฉลองและบริเวณชายหาดอ่าวฉลองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับที่ จ.พังงา เรือโดยสารประจำทางรับผู้โดยสารออกจากท่าเรือมาเนาะ ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว หลังจากที่ ผวจ.พังงา ประกาศยกเลิกห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่ง ขณะที่หมู่เกาะสิมิลันยังคงปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอีก 1 วัน จะเปิดให้ท่องเที่ยววันที่ 7 ม.ค.
          “บางสะพาน” กลับสู่ภาวะปกติ
          ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ การระบายน้ำในพื้นที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีน้ำท่วมขังถนนทุกเส้นทาง เจ้าหน้าที่ศูนย์ ปภ.เขต 3 ปราจีนบุรี และเจ้าหน้าที่ อบต.แม่รำพึง ใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำทำความสะอาดถนนเลียบชายทะเลแม่รำพึงที่ถูกคลื่นยักษ์ซัดเอาเศษขยะขึ้นมาเต็มพื้นผิวถนน ส่วนที่ รพ.บางสะพาน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร่วมกับทหาร และ ตชด. ทยอยนำเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์เวชภัณฑ์ที่ขนย้ายไปไว้ยังอาคาร 6 ชั้น กลับลงมาเพื่อรองรับการเปิดบริการในวันรุ่งขึ้น ขณะที่สภาพอากาศฝนหยุดตกและมีแดดออกแล้ว
          ปภ.สรุปยอดผู้ประสบภัย 18 จว.
          นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า อิทธิพลจากพายุโซนร้อนปาบึก ส่งผลกระทบในพื้นที่ 18 จังหวัด รวม 90 อำเภอ 407 ตำบล 2,635 หมู่บ้าน 133 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 212,784 ครัวเรือน 696,189 คน ประชาชนยังอยู่อาศัยในศูนย์อพยพ 8 จุด รวม 1,119 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย กอปภ.ก.ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเจ้าหน้าที่พร้อมระดมอุปกรณ์ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง ซ่อมแซมสาธารณูปโภค โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าให้ใช้งานได้โดยเร็ว รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วให้สำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังพร้อมเร่งฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปกติ
          7 ม.ค. นายกฯลงพื้นที่เมืองคอน
          นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รับรายงานจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติว่า พายุดีเปรสชันปาบึกอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงอีก และสลายตัวไปตามลำดับ ถือเป็นข่าวดี แต่ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ระวังอันตรายจากฝนที่ยังตกหนักในบางพื้นที่ เช่น จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง เพราะอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำ ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้เร่งสำรวจประเมินความเสียหาย ซ่อมแซมและเยียวยา วันที่ 7 ม.ค. นายกฯจะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและฟื้นฟูความเสียหาย
          จัดรายการช่วยผู้ประสบภัย
          นายพุทธิพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 7 ม.ค. รัฐบาลโดยสำนักนายกรัฐมนตรี และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ จัดกิจกรรมรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้จากพายุปาบึก ในงาน “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” ตั้งแต่เวลา 20.20-22.00 น. พร้อมถ่ายทอดสด ทั้งนี้ นายกฯและ ครม.จะร่วมกิจกรรมรับบริจาคด้วย จึงขอชวนเชิญพี่น้องชาวไทย หน่วยราชการ บริษัท ห้างร้าน ทุกภาคส่วน ร่วมกันบริจาคได้ที่บัญชี “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี PM. Disaster Relief Fund.” ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 067- 006-8950 ส่วนผู้ที่ประสงค์จะบริจาคสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง ยา และเวชภัณฑ์ สามารถบริจาคได้โดยตรงที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบภัย หรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
          กองทัพรับพระราชกระแส
          พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับกองทัพให้น้อมนำความห่วงใยและพระราชกระแสสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทาน “แผนป้องกัน แผนเผชิญเหตุ และแผนฟื้นฟู” มาปฏิบัติในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติจากพายุปาบึก ให้สนับสนุนอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ทยอยเข้ามารับแจกอาหารจากโรงครัวพระราชทาน ย้ำทุกเหล่าทัพขอให้อยู่เคียงข้างช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่เฝ้าระวังภาคใต้ตอนบนที่ยังคงมีฝนตกหนักสะสม ส่วนพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขอให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อพยพกลับเข้าพื้นที่ และสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว
          ขอผู้ผลิตช่วยบริจาคสินค้า
          นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เผยมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึกในพื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา และชุมพร ว่า ได้ประสานผู้ผลิต สินค้าและผู้ประกอบการให้ช่วยบริจาคสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย สำหรับการเยียวยาประสานงานไปยังผู้ผลิตทั้งกระเบื้องมุงหลังคา อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ให้เร่งผลิตและจัดส่งสินค้าราคาพิเศษ และประสานไปยังห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง ให้จำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษกว่าปกติมากๆ เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประสบภัย
          พักหนี้ให้โรงงานพังเสียหาย
          นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จะมีมาตรการทางการเงิน การพักหนี้ เติมทุนหมุนเวียน การปรับปรุงซ่อมแซมเครื่องจักรเครื่องมือการผลิตของผู้ประกอบการโรงงานต่างๆ ให้กลับมาพร้อมใช้งานโดยเร็ว รวมทั้งการปรับปรุงสถานประกอบการแก่เอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน (โอทอป) ที่ได้รับความเสียหาย การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี 5 ปี ให้กับโรงงานที่ได้รับความเสียหาย การนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ลงพื้นที่ช่วยทำความสะอาดสถานประกอบการ
          รถไฟสายใต้วิ่งได้ตามปกติ
          นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เผยว่า มีน้ำท่วมเส้นทางรถไฟสายใต้ระหว่างสถานีโคกคราม-นครศรีธรรมราช ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากน้ำไหลท่วมและเซาะหินโรยทาง รถอัดหินยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้จึงไม่สามารถเปิดทางได้ การรถไฟจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการเดินรถสถานีต้นทางปลายทางของวันที่ 6 ม.ค. จำนวน 4 ขบวน และขบวนรถท้องถิ่น 4 ขบวน ให้เดินรถถึงแค่สถานีชุมทางทุ่งสงและขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ไปยังสถานีปลายทาง ส่วนขบวนรถสายใต้อื่นๆสามารถเดินทางจากต้นทางถึงสถานีปลายทางได้ตามปกติ
          แนะจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม
          พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เผยว่า หลังจากนี้ประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการสร้างสุขอนามัยที่ดี เพื่อป้องกันการเกิดโรคที่จะตามมา ให้จัดการอนามัยสิ่งแ

 pageview  1205110    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved