น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเกือบ 600 ล้านคนทั่วโลก ในจำนวนนี้ประมาณ 10 ล้านคนเป็นคนไทย มีสถิติการใช้ทุกๆ 20 นาที มีการอัปโหลดรูปถ่ายมากกว่า 3.7 ล้านรูป แชร์ลิงก์และอัปเดตสเตตัสมากกว่าล้านข้อความ โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกมีแนวโน้มจะติดโลกโซเชียลมากขึ้นคือการไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวต้องการการมีตัวตน อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นและโหยหาแรงสนับสนุนและการยอมรับจากสังคมทั้งนี้มีรายงานการศึกษาผลกระทบจากการติดโซเชียล พบว่า ทำให้เกิดความถี่ในการเสพติดอาหารและช็อปปิ้งร้อยละ 29.5 ทำให้มีปัญหาภาวะซึมเศร้าร้อยละ 27.7 ทำให้เกิดอาการวิตกกังวลและภาวะอารมณ์แปรปรวน ร้อยละ 21.1 นอกจากนี้ยังพบว่า การติดโซเชียลก่อให้เกิดผลเสียทั้งต่อตัวเองและต่อสังคมที่รุนแรงในแต่ละช่วงวัย เช่น สมาธิสั้น สูญเสียทักษะสังคมเป็นต้น
อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีการบรรจุการติดโซเชียลเป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและบำบัด โดยแบ่งประเภทของการติดโซเชียลมีเดีย เป็น 3 แบบคือ ติดสาระ เช่น ติดเกม ติดพนัน ติดสัมพันธ์ เช่น ติดเฟซบุ๊ก และติดอุปกรณ์ เช่น ติดรุ่นของสมาร์ทโฟนโดยหากสงสัยว่าติดโซเชียล ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ทั้งนี้ได้ระดมนักวิชาการเพื่อร่วมหาทางออกในเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้นในเวทีการประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ซึ่งจะนำแนวทางมาปรับใช้ต่อไป. |