ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ก.พ. มีการเสวนา "ทางแพร่งระบบประกันสุขภาพ ภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์" โดยนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ที่หลายคนห่วงใยเรื่องการเก็บ 30 บาท ทั้งที่พัฒนามาไกลแล้ว เรื่องนี้มีข้อมูลอยู่แล้วว่าใครต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่าย สิ่งสำคัญคือเก็บ 30 บาท แล้วจะเอาไปทำอะไร เช่น ผู้ป่วยฉุกเฉิน ระบบส่งต่อ ที่หลายคนกังวลว่าตนจะถูกหลอกใช้จากบุคคลบางกลุ่มขอเรียนว่าไม่ใช่ ไม่ต้องห่วงเพราะท้ายที่สุดคนจะพิจารณาคือบอร์ด สปสช. อย่างไรก็ตาม กรณีที่จะมีการประชุมแก้ไขมาตรา 41 ในวันจันทร์ที่ 6 ก.พ.นั้น อย่าไปคิดว่าการแก้ไขมาตรานี้จะจบในบอร์ด สปสช. เพราะเรื่องนี้ต้องเข้าสภา เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปเป็นกรรมาธิการด้วย

          ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การเก็บ 30 บาทเป็น การถอยหลังเข้าคลองหรือย้อนยุคไปสู่จุดที่ผ่านพ้นมาแล้ว เพราะปัจจุบันระบบได้พัฒนาไม่ต้องจ่าย และใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทอง จึงไม่มีเหตุผลต้องย้อนกลับไปเก็บเงินอีก ถ้าเก็บเงิน 30 บาท เฉพาะ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุขจะได้เงินเพิ่มขึ้น 1,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น สิ่งที่ต้องเดินไปในอนาคตคือพัฒนาคุณภาพการรักษาและการให้บริการรวมถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์

          นายจุรินทร์ กล่าวถึงกรณีที่มีคำถามว่าควรมีการยุบรวม 3 กองทุนระบบการรักษาพยาบาลหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยจริง ๆ เพราะฐานที่มาของกองทุนแต่ละระบบไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ยุบรวม 3 กองทุนจะต้องกำหนดให้คนไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานในฐานะคนไทยที่ควรได้รับ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาแล้วโดยต้องได้ข้อสรุปใน 3 ปี

          นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขอบิณฑบาตผู้ที่จะมาเป็นบอร์ด สปสช. เพราะการเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ผ่านมากลไกตรงนี้เริ่มบิดเบี้ยว มีกลุ่มวิชาชีพที่เคยต่อต้านระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเข้ามาดำรงตำแหน่ง ส่วนการเก็บ 30 บาทเพราะเกรงว่าจะมีคนมาใช้บริการมากถือว่าเป็นความคิดที่แคบ กีดกันคนจน เงินที่เก็บได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าชาวบ้านไม่มีเงินจ่าย รพ. ก็ต้องไปทะเลาะกับประชาชน ดังนั้นจะขอบิณฑบาตโดยจะทำหนังสือถึง รพ. ชุมชนทุกแห่งว่าอย่าไปเก็บเงินชาวบ้าน