Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 27/08/2562 ]
เตือนใช้ฉี่ล้างตา! อันตราย ติดเชื้อเสี่ยงบอด

  ไม่มีผลวิจัยการันตี ดื่มกินรักษาโรคได้
          จักษุแพทย์เตือนห้ามใช้ฉี่ล้างตาเด็ดขาด เหตุอันตรายเสี่ยงติดเชื้อ เผยผลข้างเคียงเบาสุดแค่ตาแดง แต่หนักสุดถึงขั้นตาบอด ต้องควักลูกตาทิ้ง ส่วนคนที่ทำอยู่แล้วไม่เจอผลข้างเคียงแค่โชคดี จี้ สธ.เร่งตรวจสอบ ด้าน รมช.สาธารณสุข ย้ำยังไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์  ใช้รักษาโรค แนะเจ็บป่วยควรไปหาหมอ ขณะที่ อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้น้ำปัสสาวะเป็นของเสียที่ต้องขับทิ้ง หากเอากลับเข้าไปอีกไม่มีประโยชน์แถมผลเสียเพียบ ส่วนสภาการพยาบาล สั่งสอบด่วน หลังโลกออนไลน์แฉมีพยาบาลใช้ล้างแผลคนไข้
          จากกรณีมีชาวบ้าน ต.หนองอ้อ อ.บ้าน โป่ง จ.ราชบุรี ดื่มปัสสาวะ พร้อมนำมาล้างหน้า ล้างตา เพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันรักษาโรคได้ ขณะเดียวกันก็พบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายรายที่อ้างว่าเป็นครู เป็นแพทย์ ทันตแพทย์ นักวิชาการสาธารณสุข ที่มีการโพสต์ข้อความระบุว่าดื่มกินปัสสาวะเพื่อรักษาโรค และผ่านการอบรมมาจากสำนักหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
          ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายสาธิต ปิตุเตชะ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์และคลินิกที่น่าเชื่อถือรองรับการใช้น้ำปัสสาวะบำบัด หากนำมาใช้โดยไม่ระวังอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย ปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงมีทางเลือกในการรักษาโรคหลากหลายช่องทาง ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก ดังนั้นจึงควรตัดสินใจ อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาเป็นสำคัญ การรักษาโรคที่ดีที่สุดคือดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย หากพบความผิดปกติของร่างกาย ต้องรีบพบแพทย์ ปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำอย่างเคร่งครัด
          ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า น้ำปัสสาวะเป็นของเสียหรือสารที่เป็นส่วนเกินที่ไตขับออกมา แม้ว่าจะมีสารต่าง ๆ อยู่มากทั้งยูเรีย เกลือแร่ แคลเซียม และโซเดียมคลอไรด์ แต่สารเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกินความต้องการของร่างกาย หากสะสมไว้มากเกินไปจะเป็นอันตราย เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง น้ำท่วมปอด หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น ร่างกายจึงขับทิ้งตามระบบ ดังนั้นหากดื่มกลับเข้าไปซ้ำอีก จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย นอกจากนี้น้ำปัสสาวะ อาจปนเปื้อนอุจจาระทำให้มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ เช่น เชื้อบิด และอาจติดต่อไปยังผู้อื่นที่นำน้ำปัสสาวะนั้นมาดื่ม
          ขณะที่ นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานฝ่ายวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะปัสสาวะเป็นของเสียที่ขับออกมาจากร่างกาย ยิ่งปล่อยค้างคืนไว้ยิ่งทำให้เชื้อโรค แบคทีเรียเจริญเติบโตได้มากขึ้น อาจมีสารเคมีบางอย่างปนออกมา ขณะที่ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง มีความต้านทานต่อการติดเชื้อค่อนข้างต่ำ การเอาปัสสาวะมาล้างนั้น ยิ่งทำให้เกิดอันตราย ความเสี่ยงสูงมากทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ป่วยโรคทางตาอยู่ก่อนแล้ว
          นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า ผลข้างเคียงอาการเบาที่สุด คือระคายเคือง ตาแดง หากติดเชื้อที่เยื่อบุตาจะมีขี้ตา ตาแดง เปลือกตาบวม ส่วนขั้นรุนแรงกว่านั้นคือ ติดเชื้อที่กระจกตาดำ อาจจะทำให้ตาบอด ต้องควักลูกตา ดังนั้นห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด เรื่องนี้ได้ประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุขให้รีบเข้าไปดูแลแล้ว คนที่บอกว่าทำเช่นนี้มานานแต่ไม่มีอันตรายนั้นก็แค่โชคดี แต่มีความเสี่ยงสูงจะเกิดปัญหาตามมา หากเลิกพฤติกรรมตอนนี้ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าดวงตาจะไม่อุ้มอะไรไว้
          ขณะที่ น.ส.ประภัสสร พงศ์พันธุ์พิศาล ผู้ช่วยเลขาธิการสภาการพยาบาล กล่าวว่า ตามที่มีรายงานในสื่อสังคมออนไลน์พบว่า มีพยาบาลนำไปใช้ล้างแผลผู้ป่วยนั้น เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบ หากเกิดขึ้นจริงถือว่ามีความผิด เพราะปัสสาวะไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาใช้ในการรักษาคนไข้ ไม่ใช่ศาสตร์และศิลป์ของการประกอบวิชาชีพพยาบาล แม้ในมุมหนึ่งทราบมาว่า เป็นการรักษาทางเลือก แต่ไม่ใช่สิ่งที่พยาบาลจะนำมาใช้รักษาคนไข้แน่นอน
          ส่วน นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัสสาวะก็คือของเสีย ไม่มีงานวิจัยมายืนยันอะไร จึงไม่ควรไปกิน มีอย่างอื่นอีกมากที่กินรักษาโรคได้ ต้องใช้วิจารณญาณ ปลอดภัยหรือไม่ จำเป็นต้องใช้หรือไม่ ศาสตร์การแพทย์แผนไทยมีมากมาย แต่ก่อนที่จะเอามาเผยแพร่ให้ประชาชนใช้ต้องมีการคัดกรองก่อนว่า อะไรที่ใช้ได้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าอะไรที่เขียนไว้ก็จะเอามาใช้หมด บางครั้งมีเรื่องของสัตว์วัตถุก็พยายามไม่ใช้ เพราะมีกฎหมายห้าม บางอย่างเชื่อมโยงกับดารา ศาสตร์ ภูตผีปิศาจ ก็ไม่มีงานวิจัยรองรับ.

 pageview  1204877    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved