Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 23/04/2562 ]
ห่วงร้อนจัด เสี่ยงฮีทสโตรก

 แพทย์เตือนเด็ก-คนชรา
          หมอห่วงพื้นที่อุณหภูมิ สูง 40 องศาฯขึ้นไป เสี่ยงป่วย "ฮีทสโตรก" เตือนเด็ก ผู้สูงอายุ คนทำงานกลางแจ้ง คนอ้วน คนมีโรคประจำตัวระวัง เผยข้อมูลคนไทยตายเพราะอากาศร้อน 4 ปีย้อนหลัง 158 คน จิตแพทย์เตือนอุณหภูมิเตาเผาทำคนหงุดหงิด หัวร้อนง่าย แนะพูด-ทำช้าลง คิดให้มากขึ้น กรมอุตุฯ ชี้สภาพอากาศต่อจากนี้อุณหภูมิจะไม่สูงขึ้นอีก พ้นเม.ย.เริ่มคลี่คลายลง ยืนยันไม่ทำลายสถิติร้อนสุดปี 59 ในแม่ฮ่องสอน 44.6 องศาฯ คาดปีนี้ร้อนสุดที่ลำปาง ส่วนอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ ระบุจอดรถตากแดดแล้วเกิดไฟไหม้ มีสาเหตุเกิดได้หลายปัจจัย
          เมื่อวันที่ 22 เม.ย. นายภูเวียง ประคำ มินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดหลายพื้นที่ โดยช่วงวันที่ 23-25 เม.ย.62 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง มีลูกเห็บตกและฟ้าผ่าบางพื้นที่จึงขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศร้อน หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้งในตอนกลางวันไว้ด้วย
          อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมีความกังวล มีการแชร์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียว่าไทยร้อนติดอันดับโลกนั้น จริง ๆ แล้วช่วงนี้ถือเป็นช่วงหน้าร้อนปกติของทุกปี ที่อุณหภูมิประเทศไทยจะสูงขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือที่เป็นพื้นที่อยู่ห่างจากทะเล มีภูเขาล้อมรอบ โดยปีนี้ที่เห็นชัดเจนว่าร้อนสุดจะเป็น จ.ลำปาง  มีอุณหภูมิที่เคยวัดได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 44.2 องศาเซลเซียส ในวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา
          ส่วนวันนี้ (22 เม.ย.) อุณหภูมิอยู่ราว ๆ 43 องศาฯ และที่จังหวัดอื่น ๆ อาทิ  เลย 43.4 องศาฯ มหาสารคาม 43.3 องศาฯ และสุโขทัย 42.9 องศาฯ  เป็นต้น ส่วนจังหวัดอื่น ๆ อุณหภูมิลดลงอยู่ราว ๆ 40-41 องศาฯ
          "ปีนี้มองว่าอุณหภูมิร้อนสุดน่าจะยังเป็น จ.ลำปาง ที่เกิน 44 องศาฯ  แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำลายสถิติร้อนสุดในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 59 ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 44.6 องศาฯ ทั้งนี้หากผ่านเดือนเม.ย. ไปแล้ว ระดับความร้อนจะค่อย ๆ ลดลง จะไม่ไต่สูงขึ้นอีก เพราะพายุฤดูร้อนกำลังเกิดขึ้นหลายพื้นที่เมื่อมีฝนตกจะช่วยคลายความร้อนเบาบางลง" นายภูเวียง กล่าว
          ทางด้าน นพ.มานัส โพธิ์ธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าช่วงหลัง ๆ ไทยมีอุณภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย เพราะอุณหภูมิร่างกายคนเราปกติจะอยู่ที่ 37.5  องศาฯ แต่สภาพอากาศเมืองไทยสูงถึง 40  องศาฯ บางพื้นที่มากกว่านี้ความทนต่ออุณหภูมิสูงเช่นนี้ของแต่ละคนแตกต่างกัน คนที่มีความเสี่ยงมากที่สุด คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลสำหรับอากาศร้อนคือโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก โดยพื้นที่อุณหภูมิสูง 40 องศาฯ ขึ้นไปถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ถ้าดูที่อัตราการเสียชีวิตจากโรคฮีทสโตรกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศแล้วถือว่าไม่สูง
          อย่างไรก็ตาม อยากจะแนะนำประชาชนในการปรับตัวคือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่แดดร้อนจัด ๆ ควรดื่มน้ำเปล่ามากกว่า 2 ลิตรขึ้นไป ส่วนการดื่มน้ำหวานหากดื่มเล็กน้อยอาจช่วยให้รู้สึกดี เพราะตามปกติการกินของหวานจะทำให้รู้สึกดีขึ้นแต่หากดื่มมากเกินไปอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนเกิดอันตรายได้ในผู้ป่วยเบาหวานและมีโรคประจำตัวและเกิดการปัสสาวะมากขึ้น จนสูญเสียน้ำได้ สำหรับเกลือแร่สามารถดื่มทดแทนการเสียเหงื่อมากได้ แต่ไม่ควรดื่มเกินวันละ 1-2 ขวด
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากข้อมูลการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตเนื่องจากภาวะอากาศร้อน สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค. ของปี 58-61 มีรายงานผู้เสียชีวิตที่เข้าข่ายการเฝ้าระวังการเสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อนจำนวน 56, 60, 24, 18 ราย ตามลำดับและข้อมูลจากสำนักนโยบายและแผนสาธารณสุข พบว่าระหว่างปี 57-60 มีจำนวนผู้ป่วยจากภาวะอากาศร้อน เท่ากับ 3,054, 3,523, 4,002, และ 3,409 ตามลำดับ
          ขณะที่ นพ.สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคฮีทสโตรก เป็นภาวะวิกฤติร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากผลของสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาการสำคัญได้แก่ ตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 40 องศาฯ อาการสำคัญคือ หน้ามืด เพ้อ กระสับกระส่าย มึนงง หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักเกร็ง ช็อก จนถึงหมดสติและหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้
          โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง 6 กลุ่ม คือ 1. ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด 2. เด็กอายุ ต่ำกว่า 5 ขวบและผู้สูงอายุเนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว 3. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง 4. คนอ้วน  5. ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอโดยร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอจะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติและ 6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะทำให้เส้น เลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม นอกจากนี้แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็ว กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้นมีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายอาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้
          นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่าดังนั้นในช่วงนี้ขอแนะนำประชาชนสวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดีอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ลดหรือเลี่ยงทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งนาน ๆ สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติเพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ส่วนผู้ที่ออกกำลังกายควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมากสำหรับวิธีปฐม พยาบาลผู้มีอาการเจ็บป่วยจากอากาศร้อนเบื้องต้นโดยให้ดื่มน้ำเย็นและเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ให้อยู่ในที่ระบายอากาศที่ดีถ้ามีอาการรุนแรง หมดสติรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
          มีรายงานว่านักแสดงสาวชื่อดัง ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ ได้โพสต์รูปภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ RachwinJourney เผยแพร่เรื่องราวที่หวานใจอย่างนักร้องหนุ่มชื่อดังตูนอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "ตูน บอดี้สแลม" ได้สูญเสียสัตว์เลี้ยงตัวโปรด "สมคิด" สุนัขสายพันธุ์เฟ้นช์ บูลด็อก ที่อยู่ด้วยกันมากกว่า 12 ปี ด้วยโรคฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด โรคดังกล่าวถือเป็นภัยเงียบในช่วงฤดูร้อนที่คร่าชีวิตผู้คนรวมถึงสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนมาก
          ทางด้าน น.ส.ธัญชนก สะสี อายุ 35 ปี อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี อาชีพเซลส์ขายเครื่องครัวและเป็นเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร ที่ถูกไฟไหม้ใน จ.ตรัง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 เม.ย. กล่าวด้วยสีหน้าตาตื่นว่าก่อนเกิดเหตุตนกลับจากทำงานภายในตัวเมืองตรัง และกลับเข้ามายังบ้านพักช่วงเที่ยงวันโดยจอดรถเอาไว้ริมถนนกลางแดดที่ร้อนระอุห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร และลดกระจกลงเพื่อระบายอากาศทั้ง 4 ด้าน ก่อนจะเข้าไปนอนหลับภายในบ้าน จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านเข้ามาเรียกว่ามีควันไฟพวยพุ่งออกมาจากห้องโดยสารของรถทันใดนั้นเกิดเปลวไฟลุกท่วมออกมาจากห้องโดยสารอย่างทันทีและรวดเร็วมาก ซึ่งรถคันดังกล่าวใช้งานอยู่เป็นปกติประจำในทุกวัน เป็นรถที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และใช้เชื้อเพลิงน้ำมันไม่ได้ติดตั้งแก๊สแต่อย่างใด
          ตรวจสอบทรัพย์สินภายในตัวรถหลังจากเพลิงสงบลงพบว่าเงินสด 2 แสนกว่าบาท ที่เพิ่งจะรับมาจากลูกค้า ถูกเพลิงเผาวอดทั้งหมด บัตรและเอกสารสำคัญรวมทั้งสิ่งของทุกอย่างภายในรถ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากอากาศร้อนจัดเพราะตนจอดไว้กลางแดดโดยตรง น่าจะทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในตัวรถกลายเป็นไฟลุกไหม้ขึ้นมา
          ขณะที่ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์  อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า  ตนเห็นข่าวรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต  จอดตากแดดแล้วเกิดไฟไหม้ที่ จ.ตรัง แล้วสันนิษฐานว่ากรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดได้หลายปัจจัยคือ 1. ไฟฟ้าลัดวงจรจากแบตเตอรี่ที่อยู่ในตัวรถ 2. มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งแบตเตอรี่อาจจะเกิดการเสื่อมและลัดวงจร หรือ เพาเวอร์แบงก์  ที่ไม่ได้มาตรฐานเมื่อเกิดการบวมและเจอความร้อนที่สูงขึ้นในขณะที่แบตเตอรี่ไม่ได้มาตรฐานจะเกิดการระเบิดเกิดเปลวไฟและลุกลามไหม้ภายในรถยนต์ได้ และ 3. เกิดจากแสงแดดความร้อนสูง ซึ่งอากาศเมืองไทยขณะนี้สูงมาก เป็นเหมือนเตาอบ
          ขณะที่ในรถยนต์อาจจะมีเศษกระดาษหรือเศษเชื้อเพลิงที่สามารถติดไฟได้ หรือมีขวดน้ำ  เมื่อองศาของดวงอาทิตย์แสงแดดส่องผ่านเลนส์กระจกที่มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง ในมุมต่าง ๆ หรือแสงแดดส่องผ่านวัสดุในมุมที่สามารถรวมแสงได้ก็จะเป็นจุดเดียว จะทำให้เกิดเปลวไฟและเกิดไฟไหม้ในตัวรถ ลุกลามไปหาเชื้อเพลิงอื่น ๆ  "ทั้ง 3 ปัจจัย ต้องมีองค์ประกอบครบถึงจะทำให้ไฟติดได้คือ ต้องมีเชื้อเพลิง เช่น เศษกระดาษ เศษทิซชู สำลี หรือวัสดุติดไฟง่าย ต้องมีอากาศหรือออกซิเจนเพื่อช่วยให้เกิดการติดไฟและต้องมีความร้อนที่สูงพอที่จะทำให้เชื้อเพลิงติดไฟได้ ส่วนวิธีการป้องกันคือช่วงนี้ควรจะจอดรถยนต์ในที่ร่ม  การลดกระจกรถลงช่วยระบายความร้อนได้บ้าง แต่ต้องไม่มีปัจจัยอื่นมาช่วยทำให้เกิดไฟลุกได้ หรือถ้าต้องจอดรถกลางแดด ควรจะต้องมีที่บังรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  ต้องไม่นำอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือเป็นเชื้อไฟไว้ในรถ เช่น โทรศัพท์เสื่อมคุณภาพ หรือ เพาเวอร์แบงก์ ไม่ได้มาตรฐาน เพราะบวม รวมถึงเศษกระดาษต่าง ๆ ที่จะเป็นเชื้อเพลิง" รศ.ดร.วีรชัย กล่าว.

 pageview  1204951    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved