Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 08/08/2561 ]
คนจนไม่ต้องจ่าย30บาท ได้สิทธิรักษาทุกโรคฟรี

 

          นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมรับทราบเรื่องการให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือผู้ที่ถือบัตรคนจนจำนวน 11.4 ล้านคน
          ทั้งนี้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.ต้องไปแก้ระเบียบหรือประกาศ เพื่อกำหนดให้ผู้มีรายได้น้อยตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข หรือ สปสช.เรื่องบุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ พ.ศ. 2545 ข้อ 2 (1) ต้องหมายความรวมถึงผู้ถือบัตรคนจนด้วย
          นายณัฐพร กล่าวว่า กฎหมายปัจจุบัน ได้กำหนดว่า บุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประกอบด้วย ผู้มีรายได้น้อยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยสวัสดิการประชาชน ด้านการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2537 ซึ่งมีทั้งคนโสดหรือผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้อุปการะ มีรายได้ไม่เกิน 2,000 บาท หรือบุคคลในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งมีรายได้รวมไม่เกินเดือนละ 2,800 บาท รวมถึงคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และบุคคลที่แสดงความประสงค์ไม่จ่ายค่าบริการ
          ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้ประเมินผลกระทบจากมาตรการครั้งนี้ จะทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือผู้ถือบัตรคนจน ได้รับการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาล ทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายสำหรับสินค้าและบริการที่จำเป็นอื่น ๆ ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจากการประเมินพบว่าโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะไม่สูญเสียรายได้มากนัก โดยคาดว่าไม่เกิน 61.7 ล้านบาทต่อปี
          นอกจากนี้กระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงว่า ในจำนวนผู้มีรายได้น้อยทั้ง 11.4 ล้านคน มีผู้ที่ร่วมจ่ายในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคประมาณ 5 แสนคน หรือคิดเป็นเงิน 61 ล้านบาทเศษ แต่มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมการดูแลประชาชนให้มาอยู่ภายใต้โครงการสวัสดิการแห่ง
          รัฐ ซึ่งการดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการดำเนินการและมีผลบังคับใช้ต่อไป
          รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  การกำหนดให้ผู้ถือบัตรคนจนทั้ง 11.4 ล้านคน ไม่ต้องร่วมจ่ายตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ครั้งนี้ถือว่าเป็นการคัดกรองบุคคลที่เป็นคนจนหรือเป็นบุคคลที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ซึ่งตามนโยบายของรัฐบาลต้องการให้การช่วยเหลือคนจนหรือผู้มีรายได้น้อยนั้นต้องตรงจุดและถูกคน ไม่ใช่เป็นการหว่านการช่วยเหลือเหมือนที่ผ่านมาในอดีตอีก ซึ่งการคัดกรองให้ชัดเจนจะส่งผลถึงการประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน
          ก่อนหน้านี้ นายอรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการและโฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า ปัจจุบันมีประชาชน 48.5 ล้านคน ที่ใช้สิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ สถานบริการที่อยู่ในเครือข่าย สปสช. ทั่วประเทศ โดยโครงการนี้ประชาชนทั่วไปรู้จักในชื่อ 30 บาท รักษาทุกโรค หรือบัตรทอง ซึ่งทั้ง 48.5 ล้านคน ที่เป็นสมาชิก สปสช.ได้ให้การดูแลตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเสียชีวิต โดยไม่ได้เก็บค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหลักการภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ซึ่งมั่นใจว่า ในจำนวนผู้ถือบัตรคนจน คือกลุ่มเดียวกันกับที่ใช้สิทธิบัตรทองและได้รับการรักษาฟรีอยู่แล้ว.
          นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมรับทราบเรื่องการให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือผู้ที่ถือบัตรคนจนจำนวน 11.4 ล้านคน
          ทั้งนี้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.ต้องไปแก้ระเบียบหรือประกาศ เพื่อกำหนดให้ผู้มีรายได้น้อยตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข หรือ สปสช.เรื่องบุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ พ.ศ. 2545 ข้อ 2 (1) ต้องหมายความรวมถึงผู้ถือบัตรคนจนด้วย
          นายณัฐพร กล่าวว่า กฎหมายปัจจุบัน ได้กำหนดว่า บุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประกอบด้วย ผู้มีรายได้น้อยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยสวัสดิการประชาชน ด้านการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2537 ซึ่งมีทั้งคนโสดหรือผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้อุปการะ มีรายได้ไม่เกิน 2,000 บาท หรือบุคคลในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งมีรายได้รวมไม่เกินเดือนละ 2,800 บาท รวมถึงคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และบุคคลที่แสดงความประสงค์ไม่จ่ายค่าบริการ
          ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้ประเมินผลกระทบจากมาตรการครั้งนี้ จะทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือผู้ถือบัตรคนจน ได้รับการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาล ทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายสำหรับสินค้าและบริการที่จำเป็นอื่น ๆ ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจากการประเมินพบว่าโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะไม่สูญเสียรายได้มากนัก โดยคาดว่าไม่เกิน 61.7 ล้านบาทต่อปี
          นอกจากนี้กระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงว่า ในจำนวนผู้มีรายได้น้อยทั้ง 11.4 ล้านคน มีผู้ที่ร่วมจ่ายในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคประมาณ 5 แสนคน หรือคิดเป็นเงิน 61 ล้านบาทเศษ แต่มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมการดูแลประชาชนให้มาอยู่ภายใต้โครงการสวัสดิการแห่ง
          รัฐ ซึ่งการดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการดำเนินการและมีผลบังคับใช้ต่อไป
          รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  การกำหนดให้ผู้ถือบัตรคนจนทั้ง 11.4 ล้านคน ไม่ต้องร่วมจ่ายตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ครั้งนี้ถือว่าเป็นการคัดกรองบุคคลที่เป็นคนจนหรือเป็นบุคคลที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ซึ่งตามนโยบายของรัฐบาลต้องการให้การช่วยเหลือคนจนหรือผู้มีรายได้น้อยนั้นต้องตรงจุดและถูกคน ไม่ใช่เป็นการหว่านการช่วยเหลือเหมือนที่ผ่านมาในอดีตอีก ซึ่งการคัดกรองให้ชัดเจนจะส่งผลถึงการประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน
          ก่อนหน้านี้ นายอรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการและโฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า ปัจจุบันมีประชาชน 48.5 ล้านคน ที่ใช้สิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ สถานบริการที่อยู่ในเครือข่าย สปสช. ทั่วประเทศ โดยโครงการนี้ประชาชนทั่วไปรู้จักในชื่อ 30 บาท รักษาทุกโรค หรือบัตรทอง ซึ่งทั้ง 48.5 ล้านคน ที่เป็นสมาชิก สปสช.ได้ให้การดูแลตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเสียชีวิต โดยไม่ได้เก็บค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหลักการภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ซึ่งมั่นใจว่า ในจำนวนผู้ถือบัตรคนจน คือกลุ่มเดียวกันกับที่ใช้สิทธิบัตรทองและได้รับการรักษาฟรีอยู่แล้ว.

 

 pageview  1204949    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved