มาเลย์ประกาศฉุกเฉิน 2 เมืองทางใต้เผชิญหมอกควันคลุมเต็มพื้นที่ ขณะที่สิงคโปร์ดีขึ้น ที่อินเดียฝนหนัก ดินถล่มซ้ำทหารเข้าช่วยลำบาก ส่วนแคนาดาเริ่มฟื้นตัวหลังน้ำลด
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองมูอาร์ และเลดัง รัฐยะโฮร์ ทางตอนใต้ของประเทศ จากปัญหามลภาวะทางอากาศ ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนใน 2 เมืองดังกล่าวหลังจากหมอกควันจากเหตุไฟป่าในอินโดนีเซียพัดเข้าสู่มาเลเซียมานานหลายวันแล้ว จนขณะนี้เข้าสู่ระดับอันตรายต่อสุขภาพ
          การแผ้วถางและจุดไฟเผาป่าอย่างผิดกฎหมาย บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ส่งผลกระทบให้หมอกควันพัดไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ จนสร้างความเดือดร้อนอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นเหตุที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนซึ่งเป็นฤดูแล้ง
          รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ จี ปาลานีเวล บอกว่า ดัชนีมลภาวะทางอากาศใน 2 เมือง พุ่งทะลุ 750 ซึ่งหากเกินกว่าระดับ 300 ถือว่าเป็นระดับอันตรายแล้ว
          ด้านสถานการณ์มลภาวะในสิงคโปร์ ที่อยู่ทางตอนใต้ของแปลมมลายู เริ่มคลี่คลาย เมื่อมีลมพัดนำเอาควันไฟป่าที่เคยปกคลุมประเทศออกไปยังทะเลโดยรอบแล้ว
          ทั้งนี้ ประธานาธิบดีซูชิโล บัมบัง ยุโดโยโนแห่งอินโดนีเซีย ประกาศว่าจะหยุดยั้งการเผาป่าและลงโทษบริษัทต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่าอย่างจริงจัง ซึ่งกรีนพีซ กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมระดับโลกระบุว่าการเผาป่าในอินโดนีเซียส่วนหนึ่งเกิดขึ้นมาจากการเผาพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของบริษัทเอกชนที่มีชาวอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์เกี่ยวข้องอยู่ด้วย
          อินโดนีเซียเองก็เผชิญกับภัยมลภาวะทางอากาศจากควันไฟป่าที่เข้าปกคลุมพื้นที่เกาะสุมาตรา สำนักข่าวอันตาราของทางการอินโดนีเซียรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นที่ระบุว่า ประชาชนชาวอินโดนีเซียราว 2 หมื่นคนในเมืองไรอู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก มีปัญหาในระบบทางเดินหายใจเนื่องจากสูดควันไฟเข้าไปมาก
          ทางการอินโดนีเซียได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ และเครื่องบิน 3 ลำ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อีก 500 นาย ลงพื้นที่เมืองไรอู เพื่อช่วยดับไฟป่าแล้ว โดยมีการใช้เครื่องบินซี 130 โปรยเกลือน้ำหนักกว่า 4 ต้น เพื่อสร้างฝนเทียมดับไฟป่าขณะที่เฮลิคอปเตอร์ของทางการก็ระดมนำน้ำไปดับไฟ ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียกล่าวว่า ปฏิบัติการดับไฟป่าอาจจะกินเวลานานเป็นเดือน
          ด้านทางการอินเดียต้องเชิญอุปสรรคจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือของประเทศที่เผชิญกับสภาพฝนตกหนักจนเกิดดินถล่มเข้าทำลายบ้านเรือน และน้ำจากแม่น้ำคงคาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่รัฐอุตตรขันธ์ ซึ่งปัจจุบันพบผู้เสียชีวิตแล้ว 557 คน ขณะที่ทางการประเมินว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจุพุ่งขึ้นสูงถึง 1,000 คน
          ปัจจุบันชาวอินเดียกว่า 20,000 คน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้ซัดทำลายสะพานและถนนหลายสายถูกดินถล่มทับจนใช้ผ่านไม่ได้ แม้ทางการระดมทหารนับหมื่นนายเข้าช่วยเหลือก็เผชิญกับอุปสรรคในการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนทางอากาศ โดยใช้เฮลิคอปเตอรืก็มีอุปสรรคด้านสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เนื่องจากเกิดฝนตกหนักและสภาพอากาศปิดในเขตเกมืองเกดานาถ ปราดินาถ และ ริชเคช
          เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนัก่องเที่ยวป่าชาวอเมริกัน 20 คน ออกจากพื้นที่ประสบภัยในเขตภูเขาของอินเดีย และติดต่อกับประชาชนในเขตภูเขาเกดานาถที่มีอยู่ด้วยกันราว 1,000 คนได้แล้ว แต่ยังมีประชาชนอีกราว 22,000 คนรอความช่วยเหลือจากทางการอยู่
          ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในเมืองคัลการี รัฐแอบเบอร์ตา ทางตะวันตกของประเทศแคนนาดา เริ่มคลี่คลาย เมื่อระดับน้ำในแม่น้ำไฮลดลง ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านเรือนและทำความสะอาดบ้านเรื่องที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้บางส่วน
          ด้านนายกเทศมนตรีเมืองคัลการี นาฮีดเนนชิ ประกาศให้เมืองคัลการีอยู่ในสถานะการณ์ฉุกเฉิน โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัยของประชาชน เพราะสถานการณ์น้ำยังคงน่าเป็นห่วง พร้อมเร่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยน้ำท่วมครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน