Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 07/02/2555 ]
"ซิฟิลิส" คืนชีพ ระวัง..ชายรักชาย
          เราจากเซ็กส์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลายประเภท แต่ที่ยอดนิยมได้ยินติดหูคือหนองใน แผลเริม กามโรคต่อมน้ำเหลือง ฯลฯ ถ้าย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 30-50 ปีที่แล้ว โรคที่หน่มสาวนักเที่ยวกลัวสุดคือ "ซิฟิลิส" (Syphilis) ขณะที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะเคยได้ยิน เพราะประเทศไทยสามารถควบคุมเชื้อตัวนี้ไม่ให้ระบาดได้ต่อเนื่องหลายสิบปีแล้ว แต่ล่าสุดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคใต้เข็ดขัดเริ่มรู้สึกแปลกใจที่ตัวเลขผู้ป่วยมารักษาเชื้อซิฟิลิสมีเพิ่มจำนวนขึ้นหลายเท่าจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในย่านถนนสีลม แหล่งท่องเที่ยวของคนกลางคืน...
          เริ่มจากเจ้าหน้าที่คลินิกสุขภาพชายศูนย์วิจัยโรคเอดส์ด สภากาชาดไทย ได้ประกาศเตือนในเฟซบุ๊ก "สโมสรเกย์โสด Single Gay Club" ว่า เจ้าเชื้อร้ายซิฟิลิสถูกตรวจพบในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 2-3 คน และคนสมัยใหม่ก็ไม่ค่อยรู้จักโรคนี้ด้วย คิดว่าติดต่อเฉพาะทางช่องคลอด แต่ที่จริงแล้วโรคนี้ติดต่อทางช่องทวารหนักและช่องปากด้วย ปัญหาใหญ่คือไม่มียาฉีดรักษา เนื่องจากเชื้อตัวนี้ต้องรักษาด้วยยาฉีดกลุ่มเพนิซิลลินเท่านั้น แต่ยานี้มีเฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ๆ
          สอดคล้องกับข้อมูลจาก "คลินิกชุมชนสีลม" โดย นพ.อนุพงศ์ ชิตวรกร ผู้ เชี่ยวชาญโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค ระบุว่าจากการเฝ้าระวังกลุ่มชายรักชายที่มาตรวจในคลินิกที่ตั้งอยู่ถนนสีลมนั้นมีอัตราพบเชื้อซิฟิลิสเพิ่มจากร้อยละ 5 เมื่อปี 2548 เป็นร้อยละ 18 ในปี 2553 ส่วนตัวเลขปี 2554 ยังรวบรวมไม่เสร็จ แต่คาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน
          "ในแต่ละปีจะมีผู้เข้ามาตรวจประมาณ 500-900 คน แต่ก่อนพบไม่เคยเกิน 3-6 % ตัวเลขเริ่มสูงผิดปกติตั้งแต่ปี 2552 มี 9% ปี 2553 มีผู้มาตรวจทั้งหมด 898 คน พบว่าติดเชื้อซิฟิลิสมากกว่า 160 คน หรือประมาณ 18% แสดงว่าเชื้อนี้มีโอกาสกลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง สาเหตุอาจเกิดจากยาขาดตลาด เพราะแต่ก่อนเคยใช้ยาเพนิซิลลินฉีด 1-2 เข็มก็หายขาด แต่พอไม่มียาฉีดต้องให้ยากินไปแทนแต่ต้องกินต่อเนื่อง 2 อาทิตย์ขึ้นไป ทำให้คนไข้ไม่ทำตาม พอกินไปได้ไม่กี่วันอาการดีขึ้นก็เลิกกิน แต่เชื้อยังฝังอยู่ในร่างกายพร้อมที่จะแพร่ไปยังคู่นอนทันที อยากให้คนไข้ที่กำลังกินยานี้มีวินัย ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย" นพ.อนุพงศ์กล่าวเตือน
          "ซิฟิลิส" เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ เทรโปนีมาพัลลิดุม (Treponema Pallidum) มีระยะฟักตัว 9-10 วัน อาการเริ่มแรกจะมีตุ่มแดงหรือแผลบริเวณปลายอวัยวะเพศ ทวารหนัก และริมฝีปาก แผลพวกนี้ไม่เจ็บและหายเองได้ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ให้ความสนใจ จึงแพร่เชื้อได้อย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งเข้าสู่ระยะที่ 2 มีไข้ อาเจียน เบื่ออาหารผื่นแดงขึ้นตามลำตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางคนก็ผมร่วง คิ้วร่วง ต่อมน้ำเหลืองโต ถ้ายังไม่รักษาเชื้อซิฟิลิสจะแพร่กระจายไปฝังในอวัยวะส่วนอื่นๆ กลายเป็นระยะที่ 3 ทำลายหัวใจ หลอดเลือดและสมอง ทำลายระบบประสาทส่วนกลางอาจทำให้พิการได้ หากผู้ชายติดเชื้อซิฟิลิสจะบอกอาการได้ง่ายกว่า เพราะมีแผลที่องคชาตอย่างเด่นชัด แต่ผู้หญิงจะไม่ค่อยมีอาการในระยะที่ 1 จนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่ 2 มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย
          สำหรับปัญหาการขาดแคลนยานั้น นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม อธิบายว่า ยาที่นิยมใช้รักษาโรคซิฟิลิสมี 3 แบบ คือยาฉีก "เบนซาทีน เพนิซิลลิน" (benzathine penicillin) และยากิน "ดอกซีไซคลีน" (Doxycycling) และ "เตตราไซคลีน" (Tetracycline) โดยเพนิซิลลินอยู่ระหว่างสั่งซื้อเข้ามาสำหรับโรงพยาบาลใหญ่ๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะวางขายตามท้องตลาดทั่วไปหรือไม่ เพราะยาชนิดนี้เป็นยาปฏิชีวนะ มีฤทธิ์ขัดขวางการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรียและยังพบการดื้อยาของแบคทีเรียที่มีต่อยาเพนิซิลลิน จึงต้องระมัดระวังไม่ให้ใช้เกินความจำเป็น
          ขณะที่ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าแผนกผู้ป่วยวิกฤติ (ไอซียู) รพ.วิชัยยุทธ ให้ข้อมูลว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคนไข้ร่างการ "ออกดอก" มารักษาจำนวนหนึ่ง ปกติในแต่ละปีจะมีคนมารักษาโรคนี้ไม่เกินปีละ 1-2 คน แต่ในปี 2553-2554 มีจำนวนรวมแล้ว 13 คนแสดงว่าสถิติเพิ่มหลายเท่า หมอและพยาบาลที่อายุยังน้อย หรือต่ำกว่า 50 ปี ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าคนไข้มีอาการระยะ 2 เชื้อกระจายเข้าผิวหนัง ผื่นขึ้นลำตัวมากกว่าใบหน้า บางคนผมร่วงเป็นหย่อมๆ ผื่นนี้เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อนี้ประมาณ 2-6 เดือนผื่นนี้ไม่คัน ไม่เจ็บ เวลาสัมผัสกับผื่นควรใส่ถุงมือ สามารถวินิจฉัยโดยทดสอบเลือด "ความน่ากังวลคือ เชื้อนี้แพร่ระบาดในหมู่ชายรักชายหรือกลุ่มเกย์ที่นิยมมีเซ็กส์กันทางปากหรือออรัลเซ็กส์ ทำให้ใช้ถุงยางป้องกันไม่ได้เชื้อติดจากอวัยวะไปที่ปาก ผู้ป่วยที่มาหาทั้งหมดเป็นเพศชายอายุ 20-30 ปี ร้อยละ 40 วิธีรักษาที่ดีที่สุดคือต้องใช้ฉีดยาเบนซาทีน เพนิซิลลิน เข็มหนึ่งราคาแค่ 30 บาท คนไข้ไม่ต้องกินยาต่อเนื่อง 2-3 อาทิตย์  และยานี้ใช้มานานกว่า 50 ปีแล้วไม่น่ากังวลเรื่องดื้อยาเพราะใช้ในกลุ่มคนไม่มากยาตัวนี้ขาดแคลนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2554 อาจเป็นยาราคาถูกไม่ทำกำไร จึงไม่มีใครสนใต ถ้ากระทรวงสวาธารณสุขไม่รีบสั่งยาเข้ามาจะระบาดมากกว่านี้ และติดต่อไปยังผู้หญิงด้วย หากหญิงตั้งครรภ์มีเชื้อซิฟิลลิสจะถ่ายทอดไปให้ลูกในครรภ์ผ่านทางสายรก ทำให้ทารกตายในครรภ์ หรือหลังคลอด หรือถ้าเกิดมาก็พิการปัญญาอ่อน จมูกยุบ ปากแหว่ง ฯลฯ เรียกว่าเป็นซิฟิลลิสโดยกำเนิด องค์การเภสัชกรรมต้องรีบแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน" นพ.มนูญกล่าวแนะนำทิ้งท้าย
 pageview  1204270    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved