Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 11/02/2563 ]
สธ.นำเลือดแท็กซี่สกัดแอนติบอดี้ไทยป่วยโคโรนาคงที่

  เหยื่อเสียชีวิตในจีนใกล้แตะ1,000ศพ
          สธ.ยันผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาในไทยดีขึ้น ราชวิถีเตรียมย้าย หญิงชาวจีนวัย 71 ปี จากห้องแยกโรคมาห้องทั่วไป เริ่มทดลองนำเลือดของแท็กซี่มาสกัดเป็นแอนติบอดี้ สร้างภูมิคุ้มกัน ยอดผู้เสียชีวิตในจีน 910 ราย
          วันที่ 10 กุมภาพันธ์ สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมอาการของผู้ป่วยโคโรนาในไทยคงที่ คงมีผู้ป่วย 32 คน รักษาหายแล้ว 10 คน นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 22 คน ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดนี้เป็นคนไทย 9 คน คนจีน 23 คน การทำงานจากนี้จะเน้นการเฝ้าระวังในกลุ่มคนไทยมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การป่วยเริ่มพบสัดส่วนของคนไทยและจีนเท่ากันที่ร้อยละ 50 อีกทั้งเป็นการประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่อัตรานักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยลดลง ทำให้การควบคุมเฝ้าระวังโรค ต้องมุ่งไปจับในกลุ่มคนไทย ที่ทำงานติดต่อสัมพันธ์กับคนจีน
          ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า จากข้อมูลการแปลข่าวต่างประเทศ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาว่าติดในทางอากาศ เป็นการแปลที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งการติดเชื้อนี้ พบว่า เกิดขึ้นได้จากการไอจาม แต่ละอองฝอยที่เกิดขึ้น พบว่ามีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะตกลงอยู่กับพื้นที่ไม่ฟุ้งกระจาย ในระยะ 1 เมตรเท่านั้น การสวมหน้ากากอนามัยป้องกันทำได้ และควรมีการไอจามให้ถูกวิธี แต่ข้อมูลที่ระบุว่าเกิดการติดเชื้อได้ทางอากาศ แสดงว่า ต้องละอองฝอยขนาดน้อยกว่า 5 ไมครอน และอยู่ในสถานที่ปิด พบได้ตามโรงพยาบาล ใน ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ จึงต้องสวมเครื่องป้องกัน
          ส่วน รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาที่มีอาการรุนแรง ขณะนี้เริ่มมีการทดลองนำเลือดของแท็กซี่ที่เพิ่งหายจากโรค มาปั่นเอาน้ำเหลืองมา สกัดเป็นแอนติบอดี้ สร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้ป่วย คนอื่น โดยนำไปฉีดให้แก่ผู้ป่วย 2 คนที่เป็นคนไทย มีอาการรุนแรง คือ คนขับรถบัส ที่ป่วยวัณโรค ร่วมกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และผู้ป่วยเพศชาย อายุ 33 ปี เนื่องจากมีอาการรุนแรง เพิ่งเริ่มทดลองให้ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 ก.พ.) โดยจะมีการติดตามอาการภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อดูว่าการให้แอนติบอดี้ ได้ผล หรือไม่ทั้งนี้ การฉีดแอนติบอดี้ของคนที่หายป่วย เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยจะช่วยสร้าง ภูมิคุ้มกัน เป็นการทดลองรักษา หวังว่าจะ ให้ผลดี
          "สำหรับมาตรการของไทย หลังจากที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยน้อยลง และทางการจีนห้ามเดินทางกว่า 10 วันแล้ว จากนี้จะเน้นการเฝ้าระวังในกลุ่มคนไทยที่ทำงานเกี่ยวข้องกับทัวร์โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ที่ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทาง ได้แก่ เชียงใหม่ กทม.และปริมณฑล ชลบุรี และกระบี่ หรือกลุ่มคนที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง เพื่อเฝ้าระวัง เพราะทิศทางการควบคุมโรคเปลี่ยนไป เมื่อไม่มีนักเดินทางเช่นเดียวกับทั่วโลก คาดการณ์ว่าต่อไปจะพบคนป่วยไข้หวัด 2 แสนคนต่อวัน หากเป็นเช่นนั้นจริง จะทำให้อัตราการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น จึงให้มีการแยกคัดกรองผู้ป่วยไข้หวัดร่วมด้วย" รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าว
          ขณะที่ นพ.ณรงค์ อภิกุลวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น อาการดีขึ้น เช่นเดียวกับหญิงชาวจีนอายุ 71 ปี ที่ รพ.ราชวิถี อาการดีขึ้นแล้วเช่นกัน โดยผลตรวจเป็นลบ เตรียมให้ย้ายมารักษาในห้องทั่วไปในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) และมาตรการควบคุมโรคจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) จะเสนอให้มีการแยกคัดกรองโรคไข้หวัดออกจากโรคระบบทางเดินหายใจอื่น เพื่อให้การตรวจเฝ้าระวังไม่ปะปน และง่ายแก่การคัดแยกโรค
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถาน การณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น ในจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงประเทศต่างๆ อีก 20 ประเทศ ยังคงน่าเป็นห่วง โดยตัวเลขผู้ป่วยที่เสียชีวิตยังเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของคณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติจีน หรือเอ็นเอชซี เปิดเผยว่า เฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ป่วยที่เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียวมีจำนวนถึง 97 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสะสมรวมแล้ว 908 ราย รวมกับ ผู้ป่วยที่เสียชีวิตนอกจีนแผ่นดินใหญ่อีก 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนทั้งสิ้น 910 ราย
          ขณะที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อก็มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียวมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 3,062 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยรวมจำนวนทั้งสิ้น 40,554 ราย และมีผู้ที่ต้องเฝ้าติดตามสังเกตอาการว่าจะติดเชื้ออีกจำนวน 187,518 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้วมีจำนวนสะสมทั้งสิ้น 3,342 ราย

 pageview  1204506    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved