Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 04/07/2561 ]
ปี 62 เพิ่ม 3 สิทธิประโยชน์-บัตรทอง 48 ล้านคนเข้าถึง

บอร์ดสปสช.มีมติเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ยา-วัคซีน 3 รายการ วัคซีนรวม 5 ชนิด -ยาป้องกัน เชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก-ยาโรคหลอดเลือดดำในจอตาอุดตัน คนไข้สิทธิบัตรทอง 48.575 ล้านคนเข้าถึง
          เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) ที่มี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการเพิ่มสิทธิประโยชน์ วัคซีนและยา จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.วัคซีนรวม 5 ชนิด คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ไวรัสตับอักเสบบี และโรคจากเชื้อฮิโมฟิลุส อินฟลูเอนซา ( Haemophilus influenza) สายพันธุ์บี 2.ยาราลเทกราเวียร์ (Raltegravir) และ 3.ยาบีวาซิซูแมบ (Bevacizumab) ให้ผู้ใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) จำนวน 48.575 ล้านคน เริ่มในปีงบประมาณ 2562 รวมทั้งมีมติเห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2562
          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า วัคซีนรวม 5 ชนิด ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดอักเสบ ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ ข้ออักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และฝีในสมอง ที่เกิดจากเชื้อไวรัสฮิโมฟิลุส อินฟลูเอนซา สายพันธุ์บี ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ซึ่งหากให้วัคซีนนี้จะมีผล กระทบงบประมาณที่ระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง 3 กองทุนต้องจ่ายราว 15.98 ล้านบาท แต่ทำให้สามารถลดภาระงบประมาณเดิมจากข้อมูลผู้ป่วยในเฉพาะสิทธิ์บัตรทองที่มีภาระค่ารักษาประมาณ 73.27 ล้านบาท
          ยาราลเทกราเวียร์ ใช้สำหรับป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากมารดาสู่ทารกในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีสู่ทารก และยาบีวาซิซูแมบ ใช้สำหรับโรคหลอดเลือดดำในจอตาอุดตัน ซึ่งคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองที่ต้องรับยา 693 รายและถ้าได้รับยาจากเดิมจะมีอัตราการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีสู่ทารก 7.6% หรือ 53 ราย จะลดลงเหลือ 3.9% หรือ 27 รายมีค่าใช้จ่ายยา 6,792.80-10,189.20 บาทต่อคนต่อคอร์ส และยาบีวาซิซูแมบ ใช้สำหรับโรคหลอดเลือดดำในจอตาอุดตัน ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาประมาณ 10,800 รายได้รับการฉีดยาบีวาซิซูแมบ เฉลี่ย 4 ครั้งต่อคนต่อปี คิดเป็น 26.193 ล้านบาทต่อปี  เพิ่มรายการถุงอุจจาระโคลอสโตมี (Colostomy Bag) อุปกรณ์และอวัยวะเทียมเพื่อเบิกจ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้แก่ผู้ป่วย
          ส่วนงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2562 จำนวนราว 181,584 ล้านบาท ดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดังนี้ บริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว จำนวน 166,445.22 ล้านบาท เพื่อดูแลประชากร 48.575 ล้านคน หรือเฉลี่ย 3,426.56บาท/ประชากร บริการสาธารณสุข ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจำนวน 8,281.79 ล้านบาท บริการสาธาณสุขเพื่อควบคุม ป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรังจำนวน 1,135.02 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,490.28 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง จำนวน 916.80 ล้านบาท และค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว จำนวน 268.64 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการผู้ป่วยนอกทั้งในและนอกเขตกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมจำนวน 652,173 ครั้ง

 pageview  1204994    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved