|
หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 05/06/2556 ] |
|
|
|
|
ความเชื่อ'ต้านวัคซีน'สังคมตะวันตกหลงผิด |
|
|
|
|
ขณะที่การแพทย์และวิทยาศาสตร์ในโลกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ช่วยให้โรคภัยต่างๆ เลือนหายไปจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นโรคโปลิโอ โรคหัด โรคไข้ทรพิษ ฯลฯ
ดังนั้น การกลับมาระบาดของโรคหัดในอังกฤษจึงเป็นเรื่องช็อกโลกอย่างมาก
เมื่อปีที่แล้วมีผู้ป่วยโรคหัดกว่า 2,000 ราย และในปีนี้ก็มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 1,200 รายแล้ว ทั้งที่อังกฤษเป็นประเทศตะวันตกที่การแพทย์พัฒนามากกว่าหลายประเทศ ที่น่าสังเกตคือผู้ป่วยจำนวนมากเป็นเด็กโต และวัยรุ่นก็มี
ปรากฏว่าการระบาดของโรคหัดในประเทศอังกฤษแท้จริงแล้วเกิดจากการที่พ่อแม่ชาวอังกฤษเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วไม่ยอมพาลูกหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด เพราะกลัวว่าผลข้างเคียงของวัคซีนจะทำให้เด็กเป็นโรคออทิสติก
อันเป็นโฆษณาชวนเชื่อของขบวนการต่อต้านวัคซีน (Anti-Vaccine Movement)
ในประเทศตะวันตก
ขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีเฉพาะในอังกฤษ ที่สหรัฐกลุ่มต่อต้านวัคซีนมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากเพราะมีดาราฮอลลีวู้ดจำนวนหนึ่งเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะ เจนนี่ แม็กคาร์ธีย์ ผู้นำขบวนการนี้คนสำคัญ ระบุว่าลูกชายของตนเป็นออทิสติกเพราะรับวัคซีน
ส่วนที่ออสเตรเลีย กลุ่มต่อต้านวัคซีนถึงกับก่อตั้งเป็นศาสนา ซึ่งเป็นการอาศัยช่องโหว่
ทางกฎหมายของออสเตรเลีย ที่อนุญาตให้พ่อแม่ปฏิเสธการรับวัคซีนของลูกได้ หากมีเหตุผลทางศาสนา
มีข้อมูลว่าบางพื้นที่ในอังกฤษมีเด็กได้รับวัคซีนเพียงร้อยละ 50 เท่านั้น อันเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของกลุ่มต้านวัคซีน
ดเริ่มต้นของขบวนการต่อต้านวัคซีน จุหรือที่เรียกกันว่า "แอนตี้แว็กซ์เซอร์" (Anti-Vaxxer) มาจากแพทย์ชาว
อังกฤษชื่อ แอนดรูว์ เวกฟีลด์ ซึ่งตีพิมพ์บทความในวารสารการแพทย์เมื่อปี 2541 อ้างว่าสารในวัคซีนทำให้เกิดโรคออทิสติก
ต่อมามีสื่อมวลชนนำเรื่องนี้ไปกระพือกันอย่างใหญ่โต โดยไม่ตรวจสอบให้แน่ชัด ซึ่งก็เป็นบทเรียนด้านจริยธรรมสื่อด้วย
ขณะเดียวกัน วงการวิทยาศาสตร์ตรวจสอบบทความของนายเวกฟีลด์และพบว่ามีความคลาดเคลื่อนหลายแห่ง ทั้งการใช้ตัวอย่างทดลองเพียงแค่ 12 คน และปั้นข้อมูลจำนวนหนึ่งขึ้นมาเอง ทั้งยังพบว่านายเวกฟีลด์มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มต่อต้านวัคซีนอีกด้วย
ในที่สุดสมาคมแพทย์อังกฤษถอนใบวิชาชีพจากนายเวกฟีลด์ เนื่องจากกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง
ถึงทุกวันนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ ชี้ว่าวัคซีนทำให้เกิดออทิสติกได้เลย ขณะที่เด็กหลายหมื่นคนในตะวันตกไม่เคยได้รับวัคซีน เพราะพ่อแม่ถูกปลุกปั่นโดยขบวนการต้านวัคซีน มีข้อมูลว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
มีเด็ก 1,700 รายต้องเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้หากได้รับวัคซีน
เด็กอีกหลายแสนคนต้องทนทุกข์กับอาการป่วยจากโรคเหล่านี้เข้าข่ายสำนวนไทยที่ว่า "พ่อแม่รังแกฉัน" อย่างตรงตัว
นตอของปัญหานี้มีคำถามว่า ทำไมกลุ่ม "แอนตี้แว็กซ์เซอร์" ต้จึงมีคนเชื่อจำนวนมาก เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะในปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยที่ชี้ชัดแน่นอนว่าโรคออทิสติกเกิดจากปัจจัยใดกันแน่ พ่อแม่จำนวนมากจึงได้แต่คาดเดาและพร้อมที่จะโทษวัคซีนเป็นแพะรับบาป
นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะสังคมตะวันตกมักมีความหวาดระแวงต่อเหล่าบรรษัทยาและผลิตภัณฑ์เคมีต่างๆ ที่เคยมีประวัติปิดบังผลข้างเคียงของยา หรือใช้อิทธิพลและเงินทุนในการขยายธุรกิจในสังคมอเมริกัน เช่น สร้างกระแสกลัวโรคสมาธิสั้น เพื่อขายยาแก้สมาธิสั้น จนมีเด็กหลายคนถูก "มอมยา" โดยพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็กกล่าวกันว่าชาวอเมริกันมักมีทัศนคติไม่ดีต่อ 3 กลุ่ม คือ รัฐบาลขนาดใหญ่ (Big Government) กลุ่มทุนใหญ่ (Big Capital) และเหล่าบริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma)
อีกประเด็นคือทัศนคติไม่ไว้วางใจวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งมักถูกวาดภาพว่าเป็นผู้ร้ายอยู่บ่อยๆ
แม้แต่เรื่องโลกร้อน ก็มีคนเชื่อว่าเป็นแผนหลอกลวงของนักวิทย์การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านวัคซีนจึงสอดคล้องพอดีกับความกลัวและความหวาดระแวงที่มีอยู่แล้วของชาวตะวันตกจำนวนหนึ่ง จนกลายเป็นภยันตรายต่อเด็กผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วนที่ตกเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มคนเหล่านี้ |
| | |
|
|