เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานในการแถลงข่าวเรื่อง "ไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม"นโยบายแอลกอฮอล์ระดับโลก"(Global Alcohol Policy Conference)" ร่วมกับดร.มัวรีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และน.พ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา
สำหรับการประชุมจะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 ก.พ. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยความร่วมมือ 4 หน่วยงานหลักได้แก่ สธ. สสส. เครือข่ายแอลกอฮอล์ระดับโลก(GAPA) และองค์การอนามัยโลกเพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ทุกประเทศปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ลดปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับโลก โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมเกือบ 1,000 คน เพื่อระดมสมองแก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายวิทยากล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยนั้น มีนโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ มียุทธศาสตร์ควบคุมและลดความรุนแรงปัญหาที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1.การควบคุมการเข้าถึงทางเศรษฐศาสตร์และทางกายภาพ 2.การปรับเปลี่ยนค่านิยมและลดแรงสนับสนุนในการดื่ม 3.การลดอันตรายจากการบริโภค4.การจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ในระดับพื้นที่และ5.การพัฒนากลไกการจัดการและสนับสนุนที่เข้มแข็ง
น.พ.ทักษพล กล่าวว่า ไทยจัดเป็นประเทศที่ดื่มแอลกอฮอล์ 1 ใน 10 ของโลก หรืออัตราการดื่มอยู่ที่ร้อยละ 30 ขณะที่ยุโปและอเมริกาดื่มสูงถึงร้อยละ 80 โดยไทยดื่มเบียร์มากที่สุด รองลงมาเป็นสุรากลั่น หากเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคเอเชีย ไทยดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับ 3 รองลงมาจากญี่ปุ่นเกาหลีใต้ ทั้งนี้เพื่อให้การจัดการปัญหาแอลกอฮอล์เป็นไปได้ดีต้องเน้นที่การตรวจคัดกรองประชากรตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายในการบำบัดสุราเรื้อรังซึ่งขณะนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในผู้ที่ติดปัญหาสุราขั้นรุนแรงประมาณ 35,000 บาทต่อราย