เทศกาลถือศีลกินเจ ปี 2555 นี้ ตรงกับวันที่ 15-23 ต.ค. ชาวไทยเชื้อสายจีนรวมทั้งชาวพุทธจำนวนมากที่ปฏิบัติตามหลักของการกินเจ
          หลักวิธีการปฏิบัติในช่วงเทศกาลกินเจ ทั่วๆ ไป คือ งดเว้นเนื้อสัตว์ และทำอันตรายต่อสัตว์ งดนม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์ งดอาหารรสจัด ทั้งอาหารเผ็ด หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม หลักเกียว กุยช่าย รวมทั้งใบยาสูบ และของมึนเมาต่างๆ เพราะผักดังกล่าวนี้ เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วยการรักษาศีล คิดดี ทำดี
          ถือเป็นช่วงที่จะได้ชำระร่างกาย และจิตใจให้สะอาด ซึ่งการรับประทานเจ แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน แต่หากกินอย่างไม่ถูกวิธีก็ทำให้หลายคนประสบปัญหาน้ำหนักเกินได้ และหากมีโรคประจำตัว หรือ เป็นเด็ก ก็เสี่ยงที่จะขาดสารอาหารได้ด้วย
          นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และ ผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำวิธีรับประทานเจ ให้ถูกหลักโภชนาการไว้ว่า หลักการง่ายๆ ของการทานเจ เหมือนกับการทานอาหารตามปกติ คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สับเปลี่ยนอาหารให้มีความหลากหลาย
          อาหาร 5 หมู่ปกติ เนื้อสัตว์ คือ โปรตีน แต่ในช่วงเทศกาลกินเจ เนื้อสัตว์คือสิ่งต้องห้าม แต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วย อาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง โปรตีนเกษตร ซึ่งถือเป็นโปรตีนที่มีประโยชน์สูง และปราศจากไขมัน อาหารกลุ่มนี้จึงสามารถทดแทนอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี
          โปรตีนจากพืช ถือว่ามีคุณค่าโภชนาการใกล้เคียงกับสัตว์ เพราะมีกรดอะมิโน เมทไทโอนิน (methionine) กับไลซีน (lysine) โดยโดยอะมิโนในผักจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค มีวิตามิน แร่ธาตุและสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
          การรับประทานผัก มีข้อควรระวังเล็กน้อย คือ จำเป็นต้องล้างผักให้สะอาด เพราะในช่วงนี้ปริมาณผักที่รับประทานจะสูงกว่าปกติ ทำให้อาจได้รับสารตกค้างได้ นอกจากนี้ การเพิ่มปริมาณผักมากๆ อาจทำให้เกิดท้องอืดได้ ดังนั้นจึงต้องค่อยๆ เพิ่มปริมาณการรับประทาน
          สำหรับกลุ่มอาหารที่ต้องระวังในช่วงการกินเจ คือ ควบคุมการรับประทานอาหารประเภทผัด ทอด แป้ง เพราะมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง การกินอาหารกลุ่มนี้จึงต้องทานแต่น้อย ไม่กินเป็นอาหารมื้อหลักและต่อเนื่อง ต้องเพิ่มปริมาณผัก และผลไม้ให้เหมาะสมในแต่ละมื้อ
          หากเป็นไปได้ให้เปลี่ยนการรับประทานเป็นอาหารที่ต้ม นึ่ง อบ ก็จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
          สิ่งที่ควรระวังอีกเรื่องคือ อาหารเจส่วนใหญ่ หากซื้อทานจะทำในปริมาณมากๆ ผ่านการต้มซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งจะทำให้น้ำต้มระเหยเหลือเพียงความเค็ม ที่จะส่งผลต่อกลุ่มคนที่เป็นโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะความดันโลหิตสูง
          กลุ่มอาหารที่นักโภชนาการแนะนำ จึงเป็นประเภท อาหารไทยง่ายๆ พวกน้ำพริกเจ กินคู่กับผักสด ผักพื้นบ้าน หรือ เห็ดประเภทต่างๆ กินกับข้าวกล้อง ก็จะได้ประโยชน์ทางโภชนาการสูงเหมือนกับการรับประทานอาหารในช่วงปกติได้
          ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ถือเป็นวัยที่ไม่เหมาะสมต่อการกินเจ เพราะโอกาสที่เด็กจะขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมีมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต สมองและร่างกายต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หากจำเป็นต้องกินก็ต้องเว้นนม และไข่ ให้เด็กได้รับโปรตีนอย่างพอเพียง
          สำหรับผู้สูงอายุควรเน้นอาหารเจที่ย่อยง่ายจึงอิ่มทั้งบุญและสุขภาพดี