ตรวจเข้มเข้าไทยสธ.พบผู้ป่วยอีก1
          เฝ้าระวัง 'สิงคโปร์-ญี่ปุ่น' ด้วย หลัง 2 ชาติเผชิญโควิด-19 ระบาดในประเทศ 'อนุทิน' ไม่ขวางคนไทยบนเรือเวสเตอร์ดัมกลับประเทศ แต่ต้องโดนกักตรวจโรค 14 วันตามเกณฑ์ ขณะ สธ.แจ้งพบผู้ติดเชื้อโควิดในไทยอีก 1 ราย เป็นหญิงชาวจีนที่เข้ามาเที่ยว รวมไทยพบผู้ติดเชื้อ 35 ราย รักษาหายแล้ว 15 'อิสราเอล'สั่งระวังคนไทยด้วย ใครเข้าประเทศโดนกักตรวจโรค
          ไทยพบติดเชื้อโควิด-19 อีกราย
          เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย เป็นหญิงชาวจีน อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวชาวจีน 9 คนที่เข้ามาพร้อมกันแล้วมีผู้ป่วยติดเชื้อ สรุปว่าครอบครัวนี้ติดเชื้อทุกคน ส่งผลให้ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 35 ราย รักษาหายแล้ว 15 ราย เหลือนอนรักษา ร.พ. 20 ราย อัตราการรักษาผู้ป่วยหายของประเทศไทยถือว่าสูงที่สุดในโลก คือ มากกว่า 40% ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ป่วย 2 รายที่มีอาการหนัก โดยทั่วไปอาการยังดีอยู่ ยังคงใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ(เอคโม) และเครื่องช่วยหายใจ
          สำหรับการติดตามสถานการณ์ประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่า ประเทศที่มีผู้ป่วยมากกว่าเรา คือ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่ประกาศว่า มี ผู้ป่วยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวกับคนจีนหรือไม่ แสดงว่าอยู่ในการแพร่ระบาดระยะที่ 3 คือระบาดภายในประเทศ ดังนั้นจะตั้งด่านคัดกรองผู้เดินทางมาจาก 2 ประเทศนี้ด้วย หากเดินทางมาแล้วมีไข้ จะถือเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค และจับเข้าห้องแยกโรคทันทีเพื่อรับการรักษาและตรวจวินิจฉัย หากไม่มีไข้ก็จะเช็กประวัติ ตรวจสอบที่อยู่ และติดตามเป็นเวลา 14 วัน หากมีอาการไข้ ทางเดินหายใจภายใน 14 วัน ให้รีบมาตรวจวินิจฉัยทันที
          เฝ้าระวังสิงคโปร์-ยุ่นด้วย
          นพ.สุขุมกล่าวต่อว่า วันนี้มีประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหาร สธ.ทั่วประเทศ ทำความเข้าใจโดยเฉพาะเขตสุขภาพที่มีความเสี่ยง คือ มีสนามบินและท่าเทียบเรือ ซึ่งขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนมาตรการวินิจฉัยโรค จากเดิมที่เราคัดกรองผู้ป่วยที่มาจากจีน รวมทั้งจีนฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า ตอนนี้ก็จะดูเพิ่มอีก 2 ประเทศ คือสิงคโปร์และญี่ปุ่น โดยให้ทำแผนปฏิบัติการถึงระดับตำบล หมู่บ้าน อำเภอ ใครมีประวัติไปต่างประเทศในพื้นที่เสี่ยงช่วงนี้ หากมีอาการผิดปกติให้รีบมาตรวจ และขยายในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ใน ร.พ.ที่ดูแลผู้ป่วยโรคนี้ ไม่ว่าบุคลากรใน ร.พ.จะมีหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยหรือไม่ก็ตาม หากมีอาการหวัดก็ต้องนำมาตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ต้น ซึ่งหากเข้าเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ การมาตรวจวินิจฉัยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
          นพ.สุขุมกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ให้อธิบดีกรมควบคุมโรคและอธิบดีกรมการแพทย์ ซักซ้อมสถานการณ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.ร.พ.ทั่วประเทศ และระดับปฏิบัติการว่าหากมีการระบาดทั่วประเทศจะทำอย่างไร ส่วนเรื่องงบประมาณสนับสนุนการทำงานของบุคลากรควบคุมโรคนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยกำลังพิจารณาตามความจำเป็นทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว ส่วนกระแสที่ว่า ร.พ.ไม่ตรวจยืนยันเพราะเป็นภาระค่าใช้จ่ายก็ไม่จริง เพราะค่าใช้จ่ายในการตรวจเป็นงบของกรมควบคุมโรค อย่างไรก็ตาม ขอร้องบุคลากรสาธารณสุขให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศเสี่ยงทุกประเทศในช่วงนี้ สำหรับคนไทยที่กลับจาก อู่ฮั่น 137 คนที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ไม่มีไข้ หรือเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่ ส่วนผู้ป่วย 1 ราย มีอาการปกติ ไม่มีไข้ ไอ น้ำมูก เตรียมอนุญาตให้กลับบ้านวันที่ 19 ก.พ.นี้
          แยกตัวเที่ยวบินจากกัมพูชา
          รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการประสานงานของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 นั้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ร่วมกับด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารในเที่ยวบินที่มาจากประเทศกัมพูชา โดยจัดหลุมจอดอากาศยานเฉพาะให้กับอากาศยานที่เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 14 - 21 ก.พ. เพื่อคัดกรองผู้โดยสารทุกรายให้ผ่านจุดคัดกรองอุณหภูมิ ณ ท่าอากาศยานที่ได้กำหนดไว้ เช่นเดียวกับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีน ทั้งนี้ทสภ.มีเที่ยวบินที่เดินทางจากประเทศกัมพูชา 19 เที่ยวบินต่อวัน ส่วนทดม.มี 7 เที่ยวบินต่อวัน และทภก.มี 1 เที่ยวบินต่อวัน
          ในส่วนของเที่ยวบิน TG 585 ซึ่งเดินทางจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีผู้โดยสารที่เดินทางมากับเรือสำราญเวสเตอร์ดัม 27 รายนั้น ทอท.ได้ประสานงานหน่วยงานต่างๆ คัดกรองผู้โดยสารดังกล่าว ไม่พบผู้โดยสารมีไข้หรือมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และอนุญาตให้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางต่อได้ รวมทั้งให้คำแนะนำ และแจก คำเตือนสุขภาพ เพื่อการดูแลตนเองต่อไป
          อนุทินเข้ามาโดนกัก 14 วัน
          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัม ที่มาเลเซียพบผู้โดยสารเรือลำดังกล่าวติดเชื้อ ว่า หลังจากมาเลเซียประกาศพบผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อโควิด-19 ก็ชัดเจนว่า เรือลำนี้มีเชื้อ ดังนั้นต้องเอาความปลอดภัยของคนไทยไว้ก่อน ก็จะแจ้งรายชื่อผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนของเรือเวสเตอร์แดมให้แก่สายการบินทุกสายที่มาจากกัมพูชา ทั้งพนมเปญและเสียมเรียบ โดยขอให้ไม่ออกบอร์ดดิงพาสแก่ผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมต่างชาติ จนกว่าจะพ้นระยะการฟักตัวของโรค 14 วัน ซึ่งจะนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. แต่หากเป็นคนไทย ซึ่งเป็นผู้โดยสาร 2 คน และลูกเรือ 19 คน ถือว่ามีสิทธิ์กลับได้ แต่หากเดินทางกลับเข้ามาก็จะต้องเชิญตัวไปกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน
          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า คนไทยจากเรือเวสเตอร์ดัม ที่กลับมา หากมีไข้จะนำเข้าห้องแยกโรค ถ้าไม่มีไข้ก็จะต้องกักกันโรคไม่น้อยกว่า 14 วัน 2 คนแรกที่เข้ามาขณะยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ กักตัวโดยเฝ้าระวังที่บ้าน หลังจากนี้หากคนไทยที่กลับมาก็จะต้องถูกกักในสถานที่เราจัดให้
          อิสราเอลสั่งกักไทยด้วย
          สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาด ของโควิด-19 ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลออกประกาศทางเว็บไซต์ ให้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศไทย สิงคโปร์ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และมาเก๊า ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.เป็นต้นไป ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เป็นเวลา 14 วันหลังจากเดินทางมาถึงอิสราเอล ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่องบินผ่านประเทศ สถานเอกอัคร ราชทูตขอแจ้งเตือนคนไทยงดการเดินทางไปอิสราเอลจนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง และจะแจ้งให้ประชาชนทราบหากมีความคืบหน้าและการเปลี่ยนแปลงของมาตรการ ดังกล่าวของรัฐบาลอิสราเอล ขอเรียนด้วยว่าสถานเอกอัครราชทูตได้ประสานงานและแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทยมาโดยตลอด และจะติดตามสถานการณ์การออกมาตรการที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลอิสราเอลอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ หากมีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ได้ที่ (972-9) 954-8412 (972-9) 954-8413 หรือ (972-54) 636-8150
          ยอดตายในจีน 1,770 ราย
          วันเดียวกัน ไชน่าเดลีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ว่า ทางการท้องถิ่นมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 ระบุพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 105 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 1,770 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตที่เมืองอู่ฮั่นมากถึง 1,309 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศพบอีก 2,048 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยในจีนเลยกว่า 70,548 ราย เป็นผู้ป่วยในเมืองอู่ฮั่น 41,152 ราย ขณะเดียวกันพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ก.พ. มี 4,826 ราย ในจำนวนนี้ 4,384 รายถูกแยกกักตัวเพื่อรอดูอาการอย่างใกล้ชิด
          สำหรับผู้ติดเชื้อที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในมณฑลหูเป่ยอยู่ที่ 40,814 คน มีอาการหนัก 8,024 คน อาการขั้นวิกฤต 1,773 คน ส่วนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายรายใหม่มี 1,016 คน รวมผู้ป่วยที่หายและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้มีอย่างน้อย 6,639 คน ด้านหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นระบุว่าสามารถติดตามบุคคลที่เคยใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้แล้ว 191,434 คน ในจำนวนนี้ 71,613 คนอยู่ภายใต้การสังเกตอาการ
          ยอดติดเชื้อทั่วโลก 71,230 คน
          ศูนย์วิศวกรรมและระบบวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอพกินส์ ในสหรัฐอเมริกา สรุปยอดรวมผู้ป่วยรวมทั่วโลกว่ามีอย่างน้อย 71,230 คน สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 75 คน ญี่ปุ่น 59 คน ฮ่องกง 57 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ประเทศไทย 34 คน เกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 1 คน รวมแล้วมีผู้ติดเชื้อ 30 คน มาเลเซีย 22 คน ไต้หวัน 20 คน เยอรมนี 16 คน เวียดนาม 16 คน ออสเตรเลีย 15 คน สหรัฐอเมริกา 15 คน ฝรั่งเศส 12 คน มาเก๊า 10 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 9 คน สหราชอาณาจักร 9 คน แคนาดาเจอผู้ป่วยติดโควิด-19 อีก 1 คน ส่งผลให้ยอดในประเทศเพิ่มเป็น 8 คน อิตาลี 3 คน ฟิลิปปินส์ 3 คน อินเดีย 3 คน รัสเซีย 2 คน สเปน 2 คน เนปาล 1 คน กัมพูชา 1 คน เบลเยียม 1 คน ฟินแลนด์ 1 คน สวีเดน 1 คน อียิปต์ 1 คน ศรีลังกา 1 คน และผู้ติดเชื้อบนเรือสำราญไดมอนด์ปริ๊นเซสพบผู้ติดเชื้ออีก 70 คน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ป่วยบนเรือเพิ่มเป็น 355 คน
          ไต้หวันสังเวยศพแรก
          ทางการไต้หวันแถลงยืนยันพบผู้เสียชีวิตรายแรกบนเกาะ เป็นชายวัย 61 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนกลาง มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และไม่มีประวัติว่าเดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 5 ที่เสียชีวิตนอกเขตประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อจากผู้เสียชีวิตรายแรกในฟิลิปปินส์ ตามด้วยผู้สูงวัยชาวฮ่องกง หญิงชราชาวญี่ปุ่น และหญิงชาวจีนที่เสียชีวิตในฝรั่งเศส
          สหรัฐเจอติดเชื้อจากเรือสำราญ
          กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแถลงหลังการตรวจร่างกายชาวอเมริกันกว่า 300 คนที่จะโดยสารเครื่องบินเพื่ออพยพกลับสหรัฐ ภายหลังได้รับการปล่อยตัวจากการกักกันบนเรือสำราญไดมอนด์ปริ๊นเซสของญี่ปุ่น ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 14 คน อย่างไรก็ตาม หลังปรึกษากับกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ (เอชเอชเอส) แล้ว ทางกระทรวงต่างประเทศตัดสินใจอนุญาตให้กลุ่มผู้ติดเชื้อขึ้นเครื่องบินอพยพกลับสหรัฐได้ แต่อยู่ภายใต้มาตรการแยกกักตัวจากผู้โดยสารคนอื่นๆ และจะอยู่ในพื้นที่พิเศษบนเครื่องบินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
          ทั้งนี้ เครื่องบินลำแรกที่อพยพผู้โดยสารกลุ่มนี้ มีกำหนดลงจอดที่สนามบินฐานทัพอากาศรัฐแคลิฟอร์เนีย จากนั้นจะกักตัว ผู้โดยสารทั้งหมดในศูนย์ควบคุมโรคติดต่อเป็นเวลา 14 วัน ส่วนเครื่องบินลำที่สองจะลงจอดที่สนามบินฐานทัพอากาศเมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส และต้องอยู่ภายใต้การกักตัวรอดูอาการ 14 วันเช่นกัน
          เรือไดมอนด์ติดเชื้อทะลุ 450
          สำนักข่าวท้องถิ่นในญี่ปุ่นรายงานอ้างข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นว่า พบผู้ติดเชื้อบนเรือสำราญไดมอนด์ปริ๊นเซสเพิ่มอีก 99 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยบนเรือลำดังกล่าวมีอย่างน้อย 454 คน แต่ไม่ระบุว่าในจำนวนนี้รวมพลเรือนชาวอเมริกันที่ทางการสหรัฐระบุว่าตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยหรือไม่ ขณะที่ทางการญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะยืนยันจำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่บนเรือไดมอนด์ปริ๊นเซส