'บิ๊กตู่' ไม่อนุญาตเรือสำราญหรูต่างชาติ เข้าเทียบท่าแหลมฉบัง เพราะต้องระวัง การแพร่ระบาดเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา' แต่จะดูแลเรื่องมนุษยธรรมทั้งเติมน้ำมัน อาหาร น้ำ วอนเข้าใจไทยด้วย ขณะที่ สธ.พบผู้ติดเชื้ออีกราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่น มาไทยก่อนปิดเมือง ล่าสุดอาการดีขึ้น รวมมีผู้ติดเชื้อ 33 ราย ส่วนที่จีนเสียชีวิตทะลุแล้ว 1,011 ราย ติดเชื้อกว่า 4 หมื่นคน
          เมื่อวันที่ 11 ก.พ. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไข้อู่ฮั่น ในประเทศจีน ว่ายอดผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,011 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่เฉพาะในมณฑลหูเป่ย มากถึง 103 ราย ขณะเดียวกันพบผู้ติดเชื้อ เพิ่มอีก 2,097 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยไข้อู่ฮั่นในประเทศจีนเพิ่มเป็น 42,306 คน รวมผู้ป่วยทั่วโลกแล้วมีอย่างน้อย 42,763 คน ส่วนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 3,946 คน
          ด้านศูนย์วิศวกรรมและระบบวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอพกินส์ สหรัฐอเมริกา ที่รวบรวมข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาดแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) สรุปยอดรวมผู้ป่วยนอกจีนแผ่นดินใหญ่ ว่า สิงคโปร์พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกเป็น 45 คน, ฮ่องกงติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน, ส่วนไทยมีผู้ติดเชื้อ 33 คน, เกาหลีใต้ 28 คน, มาเลเซีย 18 คน, ไต้หวัน 18 คน, ออสเตรเลีย 15 คน, เยอรมนี 14 คน, เวียดนาม 14 คน, สหรัฐอเมริกา 12 คน, ฝรั่งเศส 11 คน, มาเก๊า 10 คน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 8 คน, สหราชอาณาจักร 8 คน, แคนาดา 7 คน, อิตาลี 3 คน, ฟิลิปปินส์ 3 คน, อินเดีย 3 คน, รัสเซีย 2 คน, สเปน 2 คน, เนปาล 1 คน, กัมพูชา 1 คน, เบลเยียม 1 คน, ฟินแลนด์ 1 คน, สวีเดน 1 คน และ ศรีลังกา 1 คน
          ส่วนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ส่งเอกสารว่าด้วยสถานการณ์การติดเชื้อภายในประเทศญี่ปุ่นว่า จำนวน ผู้ป่วยที่ถูกกักตัวบนเรือสำราญไดมอนด์ ปริ๊นเซสที่ท่าเรือโยโกฮามา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.พ.นั้น องค์การอนามัยโลก (ฮู) รายงานโดยแยกหมวดจำนวนผู้ป่วยบนเรือ ไม่นับรวมกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ จึงขอชี้แจงการนับรวมจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อบนเรือ ไดมอนด์ปริ๊นเซส กับจำนวนผู้ป่วยในญี่ปุ่นนั้นเป็นการอ้างอิงที่ไม่ถูกต้อง และขอให้ยึดตามการรายงานของฮู ระบุยอดล่าสุดเมื่อ วันที่ 10 ก.พ. ว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 21 คน ส่วนผู้ป่วยติดบนเรือไดมอนด์ปริ๊นเซส พบเพิ่มเป็น 135 คน
          ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานกรณีเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม เรือสำราญสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ของบริษัท ฮอลแลนด์ อเมริกา ภายใต้บริษัทคาร์นิวัล คอร์ป (ซีซีแอล.เอ็น) ในนครไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐ อเมริกา ขออนุญาตทางการไทย เพื่อเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ในวันที่ 13 ก.พ. แต่ถูกปฏิเสธ เพราะเกรงว่าคนบนเรืออาจติดเชื้อ เช่นเดียวกับเรือสำราญไดมอนด์ปริ๊นเซสของญี่ปุ่น
          อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีรายงานชี้ชัดว่า ผู้โดยสารและลูกเรือบนเรือลำนี้มีผู้ป่วยไวรัส แต่เรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ก็ถูกญี่ปุ่น รวมทั้งฟิลิปปินส์ปฏิเสธคำร้องขอเทียบท่าเมื่อไม่นานมานี้ โดยพิกัดเมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 11 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น เรือยังลอยลำห่างจากชายฝั่งตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ไปทางตะวันตกราว 96 กิโลเมตร และยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าเรือจะขอเทียบท่าประเทศใดต่อไป
          บริษัท ฮอลแลนด์ อเมริกา ระบุอีกว่าเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม มีผู้โดยสาร 1,455 คน และลูกเรืออีก 802 คน มีจุดหมายปลายทางต้องเทียบท่าที่เมืองโยโกฮามา ญี่ปุ่น แต่ถูกปฏิเสธ เรือลำนี้ไม่ได้ถูกกักกัน และไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยติดไวรัสโคโรนา การถูกปฏิเสธสร้างความสับสนให้ผู้โดยสารและครอบครัว ซึ่งบริษัทรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งต่อความอดทนของลูกค้า พร้อมย้ำว่าเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ยกระดับมาตรการดูแลสุขภาพผู้ที่อยู่บนเรือแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งตรวจสอบอุณหภูมิร่างกาย และทำความสะอาดเพื่อกำจัดไวรัส
          นายสตีเฟ่น แฮนสัน หนึ่งในผู้โดยสาร บนเรือ ให้สัมภาษณ์ว่านึกว่าจะได้ขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย และต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่อีก เพราะไม่สามารถเทียบท่าเรือของไทยได้แล้ว
          ส่วนนางแองเจลินา โจนส์ ผู้โดยสารอีกคน ระบุว่าพนักงานบนเรือตรวจสุขภาพทุกคนอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ผ่านมา และเรารู้สึกกระวนกระวายใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หวังว่าจะมีสักประเทศที่ให้เราเทียบท่า และรอเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีไวรัสโคโรนาบนเรือ ตอนนี้พวกเรากังวลมากๆ
          สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่าขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 33 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 54 ปี มาจากเมืองอู่ฮั่น เดินทางมาก่อนปิดเมือง โดยรายนี้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นผู้ป่วยรายที่ 22 และอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง เมื่อพบว่ามีไข้ จึงนำตัวมาที่ห้องแยกโรค สถาบันบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ผลตรวจเมื่อวันที่ 8 ก.พ. พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาการโดยรวมมีไข้ ไอ เจ็บคอ แต่ดีขึ้นโดยลำดับ
          ส่วนนพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่าสำหรับผู้ป่วยหญิงชาวจีนที่ ร.พ.ราชวิถี ออกจากห้องแยกโรคแล้ว ส่วนผู้ป่วยยืนยันที่อยู่ในการดูแลของ ร.พ.ราชวิถี และสถาบันโรคทรวงอก มีทั้งหมด 7 ราย ทั้งหมดอาการดี ไม่มีอาการรุนแรง และ บางรายผลแล็บเป็นลบ น่าจะมีผู้ป่วยรักษาหายรายที่ 11 และ 12 ออกมาอีก
          ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผู้ป่วยหนักที่ได้รับภูมิคุ้มกันจากแท็กซี่ที่หายป่วย รองอธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่าอาการยังทรงตัวทั้ง 2 ราย
          ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม จะขอเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบังในวันที่ 13 ก.พ. ว่าไม่อนุญาตให้จอด แต่จะดูแลเรื่องมนุษยธรรม อย่างเติมน้ำมัน หรือต้องการน้ำ อาหาร จะส่งไปให้ ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเช่นเดียวกับต่างประเทศ ขอให้เข้าใจด้วย เพราะมี 2,000 กว่าคนบนเรือ เราต้องระมัดระวังการแพร่กระจายไประยะที่ 3 วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ยังควบคุมได้ หรือดูแลผู้ที่มาจากต่างประเทศได้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ถ้าทำได้ดีครบถ้วนทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
          พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ รมว.พาณิชย์ไปประชุมหารือกับผู้ประกอบการให้ผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้น ทราบว่าหลายโรงงานเพิ่มวงรอบการผลิต เพื่อให้ประชาชนใช้ได้อย่างทั่วถึง และต้องมีมาตรการสำรองด้วย เพราะหลายประเทศ ขอมาเหมือนกัน ขณะนี้หน้ากากอนามัยขาดแคลนหลายประเทศ เราจึงต้องเตรียมการให้พร้อม วันนี้หน้ากากอนามัยไปร้านค้าประชารัฐส่วนหนึ่ง และร้านค้าต่างๆ อีกส่วนหนึ่ง แต่ปริมาณผลิตไม่พอ จึงขาดแคลน ต้องเร่งรัดตรงนี้ รัฐบาลยินดีพร้อมสนับสนุน ส่วนหนึ่งที่ได้รับมาก็นำไปแจกก็มี
          นายกฯ กล่าวต่อว่าทุกคนต้องเข้าใจว่าการผลิตภาคเอกชน และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นคนละแบบกัน อันนั้นเป็นเรื่องการตลาดการค้า ในส่วนของอภ.ก็มีจำกัด ราคา จึงอาจแตกต่างกัน ก็ต้องดูในส่วนไหนจะทำประโยชน์อย่างไร อย่างน้อยเรากำชับไปในทางปฏิบัติให้ได้มากที่สุด วันนี้พูดคุยครม.หลายประเด็นด้วยกัน ทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน และ ในส่วนที่ต้องร่วมมือกับต่างประเทศด้วย
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมครม. นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นำหน้ากาก อนามัย 30,000 ชิ้น และเจลล้างมือ 5,000 หลอด ขององค์การเภสัชกรรม มอบให้ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน โดยนายกฯ สอบถึงต้นทุนการผลิตหน้ากากอนามัยขององค์การเภสัชกรรม ที่แตกต่างจากภาคเอกชน พร้อมระบุว่าต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง และสั่งให้ดูเรื่องการปรับราคาให้เหมาะสมกับความต้องการของประชาชน
          ต่อมาภายหลังได้รับการสนับสนุนหน้ากาก อนามัยจากองค์การเภสัชกรรม 30,000 ชิ้น ทางทำเนียบรัฐบาลยกเลิกการจำหน่ายหน้ากาก อนามัยจากกระทรวงพาณิชย์ และนำหน้ากากอนามัยที่ได้รับสนับสนุนมา แจกจ่ายให้ประชาชน แต่จำกัดคนละ 5 ชิ้น โดยต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง ติดต่อขอรับได้ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.พ. จนกว่าจะหมดจำนวนดังกล่าว