Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 02/01/2563 ]
แห่กลับกรุง-รถหนึบจบปีใหม่เผยสถิติเมาขับพุ่ง

  ส่งคุมประพฤติ8,500คดียอดตาย-อุบัติเหตุลดลงสรุปตัวเลข5วัน256ศพ11จว.ลุ้นเสียชีวิตเป็น0
          คนแห่กลับเข้ากรุง หลังฉลองเทศกาลปีใหม่ต่างจังหวัด บขส.โคราชสั่งเพิ่มรถ 400 เที่ยวสั่งเพิ่มรถ 400 เที่ยวบริการขนคน ส่วนการจราจรเส้นหลัก สายอีสาน ถนนมิตรภาพรถหนาแน่น ตร.ต้องเปิดช่องจราจรพิเศษ ระบายรถ ด้าน'ศปถ.'เผย 5 วันอันตรายปีใหม่ เสียชีวิตแล้ว 256 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2,500 ราย กรุงเทพฯ ตายมากสุด 12 ศพ ชาวบ้านลำพูนและสุราษฎร์ฯระทึก มีกระสุนปืนปริศนาตกใส่บ้านขณะกำลังเคานต์ดาวน์ปีใหม่ ทั่วประเทศคึกคักร่วมทำบุญตักบาตร เพื่อความสิริมงคล
          บขส.โคราชแน่นคนแห่กลับกรุง
          เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ม.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา แห่งที่ 2 ว่า ประชาชนทยอยเดินทางมาซื้อตั๋วรถโดยสารสาธารณะ เพื่อเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดในเขตภาคตะวันออกกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริเวณ ชานชาลาผู้โดยสารขาเข้าเนืองแน่นไปด้วยประชาชนมาปักหลักนั่งรอจนเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะหน้าห้องขายตั๋วของรถร่วมโดยสารปรับอากาศ สาย 21 นครราชสีมา-กรุงเทพ มหานคร โดยบริษัท นครชัย 21 จำกัด ประกาศแจ้งเที่ยวรถของวันที่ 1 ม.ค. จองเต็มหมดแล้ว หากประสงค์จะใช้บริการให้ซื้อตั๋วรถเที่ยวแรก เวลา 00.30 น. วันที่ 2 ม.ค.
          ส่วนบริษัท แอร์โคราชพัฒนา จำกัด บริษัท เชิดชัยทัวร์ จำกัด มีผู้โดยสารหลายร้อยคนยืนต่อแถวยาวหลายสิบเมตรจนล้นออกมานอกชานชาลา เพื่อรอคิวซื้อตั๋วโดยสารขาล่องเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งมีเพียงหมายเลขข้างรถ แต่ไม่สามารถระบุเวลารถออกจากสถานีได้ และให้รอฟังเสียงประกาศตามสายหากรถแล่นเข้ามารับที่ชานชาลา ส่วนหนึ่งจึงพากันมานั่งหลบแสงแดดตามใต้ร่มไม้และในเต็นท์ที่มีจัดบริการให้ผู้โดยสารนั่งรอ
          นายจรูญ จงไกรจักร นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษ สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า รถโดยสารไม่เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร การบรรเทาปัญหาได้เพิ่มเที่ยวรถให้บริการมากกว่าเดิม รวมทั้งหมดประมาณ 300 เที่ยว พร้อมจัดรถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถหมวดเลขทะเบียน 30 จำนวน 40 คัน มาวิ่งเสริมพิเศษ คาดประมาณ 18.00 น. จะสามารถนำผู้โดยสารที่ตกค้างเดินทางไปสถานีปลายทางได้ทั้งหมด
          ถนนมิตรภาพโคราชแน่น
          เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจราจรบนถนนมิตรภาพในพื้นที่ จ.นครราช สีมา ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร เริ่มมีรถหนาแน่น เนื่องจากประชาชนชาวภาคอีสานกลับจากฉลองเทศกาลปีใหม่ในภูมิลำเนา เริ่มทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อทำงานวันแรกในวันที่ 2 ม.ค.63 ส่งผลให้ถนนมิตรภาพในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เริ่มมีรถมากขึ้นตั้งแต่ในช่วงเช้า โดยเฉพาะบนถนนมิตรภาพ ช่วงบายพาส ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราช สีมา มีรถมาก แต่ยังคงวิ่งได้อย่างคล่องตัว สามารถทำความเร็วได้ 70-80 ก.ม.ต่อช.ม.
          ขณะที่ภาพรวมบนถนนสายหลัก ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ช่วงเช้านี้ถือว่ารถเริ่มมาก แต่ยังสามารถวิ่งได้คล่องตัวทุกสาย คาดว่าช่วงบ่ายจะเริ่มมีรถเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประชาชนชาวภาคอีสานที่กำลังเดินทางกลับจากภูมิลำเนา จะมุ่งหน้ามาบนถนนสายหลักในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เพื่อเริ่มทำงานวันแรกในวันที่ 2 ม.ค. 63
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. การจราจรบนถนนมิตรภาพ ตั้งแต่ อ.สีดา, อ.บัวลาย, อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ประชาชนทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ส่งผลให้การจราจรถนนมิตรภาพหนาแน่น โดยเฉพาะถนนมิตรภาพขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณแยกตลาดแค ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง มีรถสะสมมากและการจราจรตัดขัดระยะทางยาวกว่า 5 ก.ม. โดยรถสามารถใช้ความเร็วได้ 30-40 ก.ม.ต่อช.ม. บางจุดติดสะสมสลับหยุดนิ่ง โดยเฉพาะบริเวณหน้าจุดพักรถตามปั๊มน้ำมันข้างทาง ตำรวจทางหลวงร่วมกับแขวงทางหลวงในพื้นที่ต้องอำนวยความสะดวกให้การจราจรตลอดเวลา เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัว คาดว่าตลอดทั้งวันจะมีผู้เดินทางจำนวนมาก
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจราจรถนนมิตรภาพ ตั้งแต่ก.ม.110 เขตโนนทอง ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว ตลอดทางขึ้นเนินเขาคลองไผ่ ลำตะคอง ต.หนองสาหร่าย และมาสะสมบริเวณก.ม.52 ขึ้นมอบันไดม้า กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สะสมเพิ่มปริมาณหนาแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปตลอดทั้งคืนนี้ ซึ่งขณะนี้มี 4 ช่องทางจราจร แต่การจราจรวิ่งผิวข้างรวมเต็มแน่นขนัด 5 ช่องทาง
          ด้านพ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง สว.ส.ทล.กก.1 บก.ทล.6 นครราชสีมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนำรถตรวจการณ์และตำรวจทางหลวง อาสาจราจรทางหลวงบริการอำนวยความสะดวก พร้อมเปิดช่องทางพิเศษ ตลาดแค ตั้งแต่ก.ม.198-191 รวม 7 ก.ม. เขตจอหอ บ้านโพธิ์ 163-161 เขตคลองไผ่ หนองสาหร่าย ปากช่อง 103-86 รวม 17 ก.ม.เขตกลางดง ก.ม.54-51 รวม 3 ก.ม. และก.ม.39-17 เขตมวกเหล็ก สระบุรี เพื่อระบายรถไม่ให้สะสมมาก และแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงถนนมิตรภาพเพื่อไม่ต้องมาแออัด
          เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อมด้วยพ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผบก.ทล. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจการจราจรเขาช่องตะโก ทล.348 จ.สระแก้ว- เขาช่องตะโก-วังน้ำเขียว ทล.304 จ.นครราชสีมาถนนมิตรภาพ หลังประชาชนทยอยเดินทางกลับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563
          เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจการจราจรบริเวณถนนมิตรภาพ หน้าสภ.หนองสาหร่าย จ.นครราชสีมา โดยลงตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทาน มีที่พักคอยให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางได้หยุดพักมีน้ำดื่มและอาหาร รวมถึงบริเวณที่นวดแผนโบราณผ่อนคลายให้ประชาชนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง
          พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามคาดการณ์ว่าขณะนี้ปริมาณการจราจรเริ่มหนาแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง รถจะชะลอตัวช่องทางขาออกก.ม.64 ที่มีทางเบี่ยงเนินเขาไม่มีไหล่ทาง จึงเปิดเส้นทางพิเศษไว้ที่ก.ม.103 จาก อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จนถึงก.ม.ที่ 62 ทำให้รถยังคงเคลื่อนตัวได้ ส่วนบริเวณหน้าสภ.หนองสาหร่าย มีการจัดโรงครัวพระราชทานไว้ โดยสามารถจอดรถได้ถึง 300 คัน มีอาหารเครื่องดื่มเจ้าหน้าที่คอยดูแล อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณจราจรจะหนาแน่นไปจนถึงช่วงเช้า เนื่องจากประชาชนทยอยเดินทางกลับไปทำงานในวันที่ 2 ม.ค. และเชื่อว่าวันที่ 4-5 ม.ค. การจราจรจะค่อนข้างหนาแน่นเช่นกัน ส่วนบริเวณจุดอื่นๆ ในขณะนี้ บริเวณถนนสายเอเชียได้เปิดช่องทางพิเศษตั้งแต่จ.นครสวรรค์
          "ถนนมิตรภาพมีปริมาณค่อนข้างหนาแน่น สามารถเลี่ยงเส้นทางไปทางอ.ด่านขุนทด หรือเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงอื่นๆ ได้ต่อไป"
          เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพบายพาส หลักก.ม.ที่ 75 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ซึ่งเป็นจุดสร้างถนนมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา สภาพการจราจรฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ มีรถยนต์สะสมเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง และเกิดการชะลอตัวบางจุด คาดว่าช่วงเย็นนี้จะมีรถสะสมเพิ่มมากขึ้นอีก
          โคราชเพิ่มรถกว่า 400 เที่ยว
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ช่วงค่ำยังคงมีผู้โดยสารจำนวนมากเดินทางไปรอซื้อตั๋วขึ้นรถโดยสาร หลายคนต้องรอขึ้นรถนานกว่า 4 ชั่วโมง เนื่องจากรถโดยสารประสบกับปัญหาสภาพการจราจรติดขัดบนถนนมิตรภาพ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานหลายชั่วโมงในการตีรถกลับมารับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ขนส่งจังหวัดนครราชสีมาจึงสั่งเพิ่มเที่ยวรถโดยสารสายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ กว่า 400 เที่ยว และเสริมรถโดยสารไม่ประจำทางอีก 60 คัน เพื่อให้บริการรับผู้โดยสารตลอดทั้งคืน
          ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จิตอาสา 904 ปฏิบัติงานให้คำแนะนำผู้โดยสารในการเดินทาง โดยเน้นให้ผู้โดยสารทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยระหว่างนั่งอยู่บนรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารในการเดินทาง
          สายเหนือก็รถแน่น
          ส่วนเส้นทางสายเหนือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพการจราจรบนเส้นทางถนนมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ หลังการเฉลิมฉลองวันปีใหม่สิ้นสุดลง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. บริเวณสามแยกอุทยานสวรรค์ไปจนถึงแยกเดชาติวงศ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นถนนเชื่อมต่อกันระหว่างทางหลวงหมายเลข 117 และทางหลวงหมายเลข 1 ฝั่งขาล่อง มีรถจำนวนมาก คาดว่าช่วงบ่ายจนตลอดทั้งคืนนี้ ถนนทุกเส้นทางที่ผ่านเขตอ.เมืองนครสวรรค์ จะเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะของผู้ที่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมแผน หากมีรถติดขัดสะสมมากเกินไป ก็จะเปิดเส้นทางพิเศษเพิ่มอีก 1 ช่องทาง ตั้งแต่บริเวณเขาเขียวยาวไปจนถึงเขต อ.พยุหะคีรี ระยะทางกว่า 10 ก.ม. เพื่อเร่งระบายรถไม่ให้ตกค้าง
          ด้านนายพนม ศรีพิทักษ์ ผอ.แขวงทางหลวงสิงห์บุรี เปิดเผยว่า วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นวันสุดท้ายของวันหยุดยาว คาดว่าจำนวนรถที่จะผ่านจ.สิงห์บุรี บนถนนสายเอเชีย จะมีปริมาณที่หนาแน่น เนื่องจากรถที่วิ่งมาจากถนนสาย 11 อินทร์บุรี-ตากฟ้า มาสมทบกับรถสายหลัก ทำให้จำนวนรถเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีนี้ แขวงทางหลวงเตรียมเปิดช่องพิเศษให้ โดยจะเปิดในช่วงก.ม.ที่ 107 วิ่งสวนทางมาจนถึงก.ม.ที่ 102 หลบจุดที่มีรถติดออกมาเลย
          เชียงรายต้องเสริมรถ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 หรือดาวน์ทาวน์ ถนนประสพสุข ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย มีผู้โดยสารจำนวนมากเดินทางมาใช้บริการเพื่อเดินทางกลับจากการกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว โดยมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ทำให้ทางสถานีต้องจัดให้มีบริการรถเสริมเพิ่มเติมโดยเฉพาะเส้นทางสายเชียงราย-เชียงใหม่ที่มีผู้เดินทางจำนวนมาก
          เช่นเดียวกับสถานีแห่งที่ 2 ที่เดินทางจากเชียงราย-กรุงเทพฯ มีผู้คนพากันเดินทางไปใช้บริการ จนต้องเสริมรถเอกชนเพื่อสนับสนุนรถโดยสารสายปกติ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันเดียวกันที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ ประชาชนจากทางเหนือและอีสานทยอยเดินทางมาถึงกทม.เพื่อเตรียมเริ่มเข้าทำงานในวันที่ 2 ม.ค. หลังกลับบ้านและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่
          5 วันปีใหม่เสียชีวิต 256 ศพ
          วันเดียวกัน ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 นายวีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ โดยรวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31 ธ.ค.62 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 542 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 567 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.29 ขับรถเร็ว ร้อยละ 29.52 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80.97 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 63.10 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.82 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.42 ทั้งนี้ จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,043 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,072 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,030,105 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 236,341 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 65,105 ราย ไม่มีใบขับขี่ 55,230 ราย
          นายวีระกล่าวต่อว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ระนอง ยโสธร และสกลนคร จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 21 คน สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมช่วง 5 วันของการรณรงค์ (27-31 ธ.ค.62) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,529 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 256 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,588 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 11 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 76 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 12 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 77 คน
          ศปถ.ปรับแผนรับคนกลับกรุง
          นายวีระกล่าวอีกว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเริ่มเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ และภูมิลำเนา ทำให้เส้นทางสายหลักและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.จึงประสานพื้นที่ปรับแผนการตั้งจุดตรวจและจุดบริการประชาชนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เกิดความคล่องตัว โดยให้เพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจเพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมผู้ขับขี่ เน้นการเฝ้าระวัง ตักเตือน พูดคุย ซักถาม หากเห็นว่าผู้ขับขี่มีสภาพอ่อนล้าควรแนะนำให้หยุดพักให้ร่างกายพร้อมสำหรับเดินทางเพื่อป้องกันการหลับใน
          "นอกจากนี้ ให้คุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ กวดขันการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดและการใช้ยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทของพนักงานขับรถก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงกำชับให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ตลอดจนจัดเตรียมรถโดยสารให้เพียงพอรองรับการเดินทางกลับของประชาชน ทั้งนี้ บางพื้นที่ยังคงมีการจัดงานรื่นเริง จึงขอให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังคงใช้กลไกด่านชุมชนและด่านครอบครัว เพื่อป้องปราม ตักเตือนผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง"
          ด้านนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า วันนี้คาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อาจทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับใน ศปถ.จึงกำชับให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติงานของจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก สายรอง ทางลัด และทางเลี่ยงเมือง โดยเฉพาะจุดเสี่ยงอุบัติเหตุและเส้นทางตรงระยะทางยาวที่ผู้ขับขี่มักใช้ความเร็วสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับใน
          สถิติเมาขับเพิ่มขึ้น
          สรุปภาพรวมสถิติอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในรอบวันทั้งหมด 542 ครั้ง เปรียบเทียบจากเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.61 เกิดอุบัติเหตุ 568 ครั้ง ลดลง 26 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือจ.นครศรีธรรมราช 18 ครั้ง รองลงมา จ.ขอนแก่น 17 ครั้ง และเชียงใหม่ สงขลา และร้อยเอ็ด 16 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 42 ราย เปรียบเทียบจากเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.61 ผู้เสียชีวิต 76 ราย ลดลง 34 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 3 ราย คือ จ.ระนอง จ.ยโสธร จ.สกลนคร และจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ เชียงใหม่ นครพนม สุพรรณบุรี และบุรีรัมย์
          ผู้บาดเจ็บ 567 ราย เปรียบเทียบจากเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.61 มีผู้บาดเจ็บ 586 ราย ลดลง 19 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บมากสุด 21 ราย คือ จ.นครศรีธรรมราช 21 ราย รองลงมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย คือจ.ร้อยเอ็ด และจ.ขอนแก่น น่าน สงขลามีผู้บาดเจ็บ 17 ราย
          สถิติสะสมรวม 5 วัน 27-31 ธ.ค.62 มีสถิติอุบัติเหตุรวม 2,529 ครั้ง เปรียบเทียบปีที่แล้วลดลง 229 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่มีอุบัติเหตุสะสมสูงสุดคือ จ.เชียงใหม่ 76 ครั้ง รองลงมา จ.นครศรีธรรมราช 71 ครั้ง และจ.นครปฐม จ.ลำปาง 67 ครั้ง ผู้เสียชีวิต รวม 256 ราย เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว 328 ราย ลดลง 72 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด กรุงเทพฯ 12 ราย รองลงมา จ.เชียงราย 11 ราย จ.สกลนคร 10 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,588 ราย เปรียบเทียบจากปีที่แล้ว 2,828 ราย ลดลง 240 ราย จังหวัดผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 77 ราย รองลงมาจ.นครปฐม 76 ราย และจ.ลำปาง 75 ราย
          ส่วนสาเหตุสูงสุดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ 3 อับดับแรกคือดื่มแล้วขับ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยวันที่ 31 ธ.ค.62 คิดเป็นร้อยละ 44.89 เปรียบเทียบในปีที่ผ่านมามีเพียงร้อยละ 32.29 รองลงมา ขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยวันที่ 31 ธ.ค.62 คิดเป็นร้อยละ 29.93 เปรียบเทียบในปีที่ผ่านมามีเพียงร้อยละ 29.52 ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรเพิ่มขึ้น โดยวันที่ 31 ธ.ค.62 คิดเป็นร้อยละ 0.53 เปรียบเทียบในปีที่ผ่านมามีเพียงร้อยละ 0.37
          จับเมาขับพุ่ง 8,500 คดี
          ด้านกรมคุมประพฤติเปิดเผยสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติทั่วประเทศของวันที่ห้าที่มีการควบคุมเข้มงวด (31 ธ.ค. 2562) จำนวน 3,703 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 3,701 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.95 และคดีขับรถประมาท 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.05
          ยอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ 5 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค. 2562 มีทั้งสิ้น 8,711 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 8,557 คดี คิดเป็นร้อยละ 98.23 คดีขับเสพ 139 คดี คิดเป็นร้อยละ 1.60 คดีขับซิ่ง/ แข่งรถ 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.01 คดีขับรถประมาท 14 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.16
          จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ จ.ขอนแก่น 507 คดี, กรุงเทพฯ 484 คดี และจ.มหาสารคาม 476 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติสะสม 5 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2562 และพ.ศ.2563 พบว่าคดีขับรถขณะเมาสุราปี 2562 มี 6,004 คดี กับปี 2563 มี 8,557 คดี เพิ่มขึ้น 2,553 คดี
          นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติยังดำเนินการตรวจสอบประวัติการกระทำผิดในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราอย่างต่อเนื่อง 3,145 คดี พบมีผู้กระทำผิดซ้ำ 124 คดี
          กทม.ตักบาตรวันขึ้นปีใหม่
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ประชาชนทั่วประเทศร่วมใจกันทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคล โดยเมื่อเวลา 07.00 น. ที่บริเวณลานคนเมือง กรุงเทพฯ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. พร้อมข้าราชการ และประชาชน นำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้งเพื่อร่วมกันทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ 69 รูป พร้อมอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร ประดิษฐานเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ประจำปี 2563
          ระทึกกระสุนตกใส่บ้าน3รายซ้อน
          เมื่อเวลา 00.30 น. ช่วงเคานต์ดาวน์ปีใหม่ นายพิริยะ วงศ์ฝั้น ผู้ใหญ่บ้านบ้านเหมืองแร่ หมู่ 2 ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน รับแจ้งจากนายอนุชิต กันทะเป็ง อยู่บ้านเลขที่ 277 หมู่ 2 ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่งว่า มีลูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดตกใส่หลังคาทะลุลงมา จึงไปตรวจสอบพบหัวกระสุนปืนตกอยู่บนพื้น 1 หัว ที่หลังคามุงลอนหน้าบ้านมีรูโบ๋จากกระสุนปืนทะลุตกลงมา
          นายอนุชิตเล่าว่า ขณะตั้งวงเฮฮาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับพ.ศ.ใหม่ช่วงเคานต์ดาวน์ที่หน้าบ้านกับเพื่อนๆ ปรากฏว่ามีเสียงดังบนหลังคาและมีลูกกระสุนปืนตกลงมา แต่โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ
          และเมื่อเช้าวันที่ 1 ม.ค. นายพิริยะ ผู้ใหญ่บ้านได้แนะนำให้นายอนุชิตเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสภ.บ้านโฮ่งบันทึกไว้เป็นหลักฐานกันต่อไป
          เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.สุวิทย์ มากด้วง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุหัวกระสุนตกใส่บ้าน 2 หลังในหมู่ที่ 2 ต.ท่าทองใหม่ รีบตรวจสอบที่เกิดเหตุ บ้านหลังแรก เลขที่ 322/2 ม.2 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ ของน.ส.จริยา โต๊ะโซ อายุ 53 ปี ชี้ให้ดูรอยกระสุนและความเสียหาย ภายในบ้านของตนเอง หลังช่วงนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ มีกระสุนปริศนาตกใส่บ้าน ทำให้ตนและคนในครอบครัวที่นอนอยู่บริเวณชั้นสองจำนวน 3 คน ต้องตกใจตื่นจากเสียงกระสุนที่ตกลงมา เฉียดที่นอนของคนในครอบครัวที่กำลังหลับ
          น.ส.จริยา เล่าว่า เหตุเกิดประมาณเที่ยงคืน ได้ยินเสียงดังเหมือนมีวัตถุตกใส่หลังคาบ้าน จนต้องตื่นขึ้นมาดูภายในบ้านก็ต้องตกใจ เพราะกระจกรองพื้นโต๊ะแตกด้วยแรงกระสุน ใกล้กันเจอหัวกระสุนตกอยู่บนพื้น ซึ่งห่างจากจุดที่มีคนนอนอยู่เพียง 1 เมตรเท่านั้น โดยน.ส.จริยา มองว่าเป็นเหตุการณ์ซ้ำซาก ปีก่อนก็มีตกใส่บ้านหลังอื่น ปีนี้ก็ตกบ้านตนเอง แล้วเทศกาลหน้าจะตกบ้านใคร จะมีใครได้รับอันตรายจากกระสุน รู้สึกไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ฝากถึงคนที่ยิงปืนขึ้นฟ้า แค่ไม่ยิงปัญหาก็ไม่เกิดกับผู้อื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ซึ่งปีนี้ทราบว่าตกใส่หลังคาบ้านในตำบลท่าทองใหม่ถึงสองหลังด้วยกัน
          ห่างประมาณ 300-400 เมตร พบกระสุนอีกหนึ่งนัดตกใส่บ้านของนางพิจิตา กอบสุวรรณ อายุ 45 ปี เลขที่ 269/10 ม.2 หมู่บ้านเดียวกันกับหลังแรก ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว พบรอยกระสุนเจาะฝ้าเพดานบริเวณโถงด้านในบ้านใกล้ประตูทางเข้า วิถีกระสุนใกล้เคียงกันกับบ้านหลังแรก ซึ่งห่างจากห้องประมาณ 6 เมตร และเวลาเกิดเหตุใกล้เคียงกัน สร้างความวิตกให้กับตนเองครอบครัวและเพื่อนบ้าน โดยพ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ สั่งการให้ชุดสืบสวนดูวิถีโค้งของกระสุน พร้อมลงพื้นที่หาข่าวหาต้นตอของกระสุน

 pageview  1205111    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved