อีกหนึ่งที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับหนุ่ม ๆ คือการมีกลิ่นปาก แม้จะแก้ด้วยวิธีสารพัด แต่กลิ่นก็ยังไม่หายขาดสักที ดังนั้น จึงมีเคล็ดลับดี ๆ จากหนังสือโรคของช่องปากและฟัน เขียนโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์ จากสำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพฟันมาฝากกัน
ภาวะมีกลิ่นปากมี 2 ลักษณะ ได้แก่ กลิ่นปากเฉียบพลัน คือกลิ่นที่ไม่ได้เกิดจากโรค แต่เกิดจากการกินอาหาร เข่น เนื้อสัตว์ อาหารคาว กระเทียม กะปิ สุรา เมื่อบ้วนปาก แปรงฟันกลิ่นจะหายไป กับกลิ่นปากเรื้อรังเกิดจากการรักษาความสะอาดช่องปากไม่ดี หรือมีโรคของช่องปากและลำคอ สาเหตุของกลิ่นปากแบบนี้ที่พบบ่อยเช่น การย่อยสลายเศษอาหารของแบคทีเรียในช่องปากมีเศษอาหารตกค้างตามซอกฟัน ร่องเหงือก บนลิ้นการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เป็นสาเหตุให้เนื้อเยื่อช่องปากอักเสบเรื้อรัง
โรคอักเสบติดเชื้อเรื้อรังของโพรงจมูกหรือโพรงไซนัสก็ทำให้เกิดกลิ่นเช่นเดียวกับในโรคอักเสบติดเชื้อเรื้อรังของช่องปาก หรือการเป็นโรคกรดไหลย้อน ส่งผลให้มีเศษอาหารและน้ำเมือกต่าง ๆซึ่งล้นจากกระเพาะอาหารตกค้างในปาก ทำให้ช่องปากมีภาวะเป็นกรด แบคทีเรียจึงย่อยสลายเศษอาหารน้ำเมือกได้มากขึ้นจึงเกิดกลิ่นปาก และโรคต่อมทอนซินอักเสบเรื้อรังก็เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่น
ส่วนการป้องกันรักษา หมั่นดูแลสุขภาพและรักษาความสะอาดช่องปากเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มผักและผลไม้ให้มาก ๆ เพราะการขาดสารอาหารโดยเฉพาะวิตามิน เกลือแร่ ส่งผลต่อการเจริญเติบโต ก่อให้เกิดอาการโรคต่าง ๆ ต่อช่องปากเวลากินอาหารไม่ควรรีบกิน รีบเคี้ยว เพราะเพิ่มโอกาสกัดริมฝีปาก กัดลิ้นตนเอง เกิดการอักเสบหรือบาดแผล เลี่ยงอาหารรสจัดเพราะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือก การอักเสบของช่องปาก ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของช่องปาก ลดอาการปาก-คอแห้ง ฟันผุและมีกลิ่นปาก ให้บ้วนปาก ใช้ไหมขัดฟัน แปรงฟันหลังกินหรือดื่มที่ทำให้ไม่มีกลิ่นปาก ถ้าไม่สะดวกก็อาจอมลูกอม เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาลก็ได้ |