เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพทั่วท้องฟ้าใน จ.เชียงรายถูกปกคลุมด้วยหมอกควันไฟจนหนาทึบ กรมควบคุมมลพิษตรวจค่าฝุ่นละอองในอากาศพบว่า ในเขต อ.เมืองเชียงราย วัดได้ 125 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ที่ อ.แม่สาย วัดได้ 121 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. เกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัม
          นายณรงค์ อินโส หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เชียงราย กล่าวว่า หมอกควันที่เพิ่มขึ้นมาจากการเผาขยะและวัชพืชของเกษตรกรทั้งไทย ลาวและพม่า โดยนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าฯเชียงราย มีคำสั่งให้ทั้ง 18 อำเภอหยุดเผาแล้ว หากใครละเมิดจะใช้กฎหมายดำเนินการขั้นเด็ดขาด
          ที่ จ.ลำปาง ค่าเฉลี่ยหมอกควันยังสูงเกินค่ามาตรฐาน ที่ อ.แม่เมาะ วัดได้ 129 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ส่วน อ.เมืองลำปาง วัดได้ 121 ไมโครกรัมต่อลบ.ม.
          นายสุรพล ตันสุวรรณ ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ลำปาง เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันไฟ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมากนัก ยังมีนักท่องเที่ยว มาเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
          นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเจ็บป่วยจากปัญหาหมอกควันใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ว่า ในรอบสัปดาห์วันที่ 3-9 มีนาคม มีผู้ป่วยสะสมใน 4 กลุ่มโรคที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง รวม 42,525 คน อันดับ 1 โรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด 22,644 คน โรคทางเดินหายใจทุกชนิด 16,917 คน โรคผิวหนังอักเสบ 1,593 คน และโรคตาอักเสบ 1,371 คน โดยผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากรอบสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 16
          พญ.ทัศนา หลิวเสรี รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดจมูก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคปอด และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ หากมีอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หายใจติดขัด ใจสั่น ขอให้พบแพทย์ สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ขอให้สังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์ หากดิ้นน้อยลงให้รีบพบแพทย์ทันทีเนื่องจากทารกอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ-