คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกๆ เป็นคนรักสัตว์ ในช่วงปิดเทอมนี้คงต้องระมัดระวัง "โรคพิษสุนัขบ้า" ที่ระบาดช่วงหน้าร้อนเป็นพิเศษ เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ พญ.ปราณี เมืองน้อย กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ เผยว่า โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies) ที่ติดต่อจากสัตว์เลือดอุ่น โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมาสู่คน โดยอาจติดต่อผ่านทางการโดนสัตว์กัด ข่วน หรือสัตว์เลียแผล หรือรอยขีดข่วน หรืออาจติดต่อจากที่โดนน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าเข้าตา ปากหรือเข้าจมูก
          "ปิดเทอมนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกหลานให้ระมัดระวัง ไม่เข้าใกล้สัตว์ที่เป็นตัวนำโรค โดยเฉพาะสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีน ไม่แกล้งยั่วยุให้สัตว์โกรธ ระวังไม่ให้สัตว์ข่วนหรือเลียไปมา"
          สัตว์นำโรคที่พบบ่อยที่สุดคือ สุนัข รองลงมาคือแมว นอกจากนี้ยังอาจพบในสัตว์ที่เด็กๆ ชอบเลี้ยงคือ กระรอก กระแต หากบ้านใดเลี้ยงสัตว์ ควรนำสัตว์ไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าอย่างน้อยปีละครั้ง เจ้าของสุนัขต้องนำสุนัขไปฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อสุนัขอายุ 2-4 เดือน และฉีดกระตุ้นห่างจากเข็มแรก 1-3 เดือน หลังได้วัคซีนอย่างถูกต้องแล้ว 1 เดือน จึงจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้
          "หากลูกถูกสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
          เช็ดให้แห้งแล้วทาด้วยสารละลายไอโอดีน เช่น โพวีโดนไอโอดีน หรือยารักษาแผลสดอื่นๆ ติดตามเจ้าของสัตว์เพื่อถามประวัติการฉีดวัคซีนของสัตว์ แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า"
          "สำหรับการรับวัคซีนต้องรับต่อเนื่องหลายเข็ม ที่สำคัญคือใน 7 วันแรก ต้องฉีดให้ได้ครบ 3 เข็ม หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์และ 1 เดือนอีก 2 เข็ม แต่จะฉีดหรือไม่ขึ้นอยู่กับอาการของสัตว์ที่ต้องกักขังไว้สังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสัตว์มีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที" พญ.ปราณีกล่าวทิ้งท้ายป้องกันไว้เพื่อความไม่ประมาท