จากกรณีข่าวเด็กเล็กพลัดตกจากตึก หรือเกิดอุบัติเหตุ
ระหว่างเล่นของเล่น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้ว
ที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพ
เด็กมหาราชินี (รพ.เด็ก) แนะนำว่า พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหัน
มาทบทวนบทบาท และสิ่งแวดล้อมรอบตัวว่าปลอดภัย
สำหรับเด็กแล้วหรือไม่ โดยเริ่มจากการเข้าใจพฤติกรรมตาม
วัยของเด็ก และปรับสภาพแวดล้อมรวมทั้งการดูแลเอาใจใส่
ให้เหมาะสมกับวัยของลูกที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
ตามพัฒนาการ แบ่งเป็น 1.ทารกแรกเกิดที่นอนอยู่เฉยๆ ก็
ประสบอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะการนอนคว่ำ ทารกยังไม่
สามารถผงกศีรษะได้ดี ถ้าให้นอนคว่ำในหมอนที่นุ่มมากจน
ใบหน้าบุ๋ม ผงกศีรษะลำบาก หรือเด็กอาจหน้าคว่ำลงกับ
เบาะหรือหมอนจนอาจหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้
2.กลุ่มเด็กวัย 6-7 เดือน เป็นช่วงกำลังจะมีฟันซี่แรก
ขณะเดียวกันก็เพิ่งเริ่มที่จะหยิบจับสิ่งของได้เอง พัฒนาการ
สองอย่างนี้ทำให้เด็กวัยนี้มักหยิบสิ่งของเข้าปาก จนอาจทำ
ให้ของเล่นที่หยิบเข้าปากติดคอได้ กลายเป็นอุบัติเหตุที่พบ
ได้บ่อย โดยในเด็กวัยนี้พ่อแม่ควรระมัดระวัง ดูแลสภาพแวด
ล้อมให้เหมาะสม อย่าให้ลูกเล่นหรือจับของชิ้นเล็กๆ ที่อาจ
ติดคอ 3.กลุ่มเด็กวัยอนุบาล จะมีการเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว
และตื่นเต้นกับโลกใบใหญ่ อุบัติเหตุที่พบบ่อยในเด็กวัยนี้จึง
หนีไม่พ้นการพลัดตกหกล้ม แม้แต่โซฟา เด็กก็อาจปีนป่าย
ล้มจากโซฟาศีรษะกระแทกพื้น เป็นอันตรายได้เช่นกัน
"อุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำ เป็นปัญหาที่พบบ่อยเป็นอันดับ
1 ของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ยิ่งหน้าร้อนใกล้เข้ามา ในแต่ละปี
มีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำกว่า 1,500 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 4
ราย โดยกลุ่มเสี่ยงคือเด็กอายุ 5-9 ขวบ เป็นวัยที่กำลังซุกซน
อยากรู้อยากเห็น การสอดส่องดูแลลูก ไม่ไปอยู่ในที่เสี่ยงต่อ
การจมน้ำ การสอนให้ลูกว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เล็กๆ จึงเป็นเรื่อง
สำคัญ" พญ.ศิราภรณ์กล่าวทิ้งท้าย