เด็กๆ สมัยนี้ชอบรับประทาน "จังก์ฟู้ด" หรือ "อาหารขยะ" และเมื่อรับประทานมากเกินพอดี แล้วไม่ออกกำลังกาย ก็นำมาซึ่งรูปร่าง "ตุ้ยนุ้ย" ที่เป็นปัญหาให้พ่อแม่หลายคนต้องกังวลใจพอสมควร เพราะ "เด็กอ้วน" มีอัตราเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและความดันโหหิตสูง รวมทั้งเบาหวาน
          นายเฉลิมกุล อภิบุณโยภาส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี 2 เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพเด็กนักเรียน และเพื่อเป็นการร่วมดำเนินการตามยุทธศาสตร์ คนไทยไร้พุง ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัด
          โครงการแข่งขันลดน้ำหนัก Health Smart : The Biggest Loser ให้
          กับเด็กนักเรียน ที่มีภาวะอ้วน ใน
          โรงเรียนราชวินิตบางแค ปานขำ จำนวน 118 คน ชิงเงินรางวัลและ
          ประกาศนียบัตร
          นายเฉลิมกุลกล่าวว่า ปัจจุบันเด็กที่เป็นโรคอ้วนต่างได้รับผล
          เสียต่อสุขภาพกายและจิต ปัญหา
          สุขภาพกายของเด็กอ้วน มีตั้งแต่
          เหนื่อยง่าย การเรียนรู้ช้ากว่าเด็กที่มีน้ำหนักตัวปกติ มีโอกาสป่วย
          เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีภาวะ
          ไขมันสะสมในตับ นิ่วในถุงน้ำดี โรคทางเดินหายใจ หอบ ภูมิแพ้ นอนกรน หยุดหายใจเป็นพักๆ ปวดข้อเข่า เสี่ยงโรคมะเร็งมากกว่าเด็กไม่อ้วน ส่วนปัญหาสุขภาพจิตที่เด็กอ้วนอาจต้องเจอนั้นคือ ภาวะซึมเศร้าสูงกว่าเด็กปกติ ซึ่งกระทบต่อการเรียนและคุณภาพชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
          "เด็กอ้วนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเป็นเบาหวาน จะยิ่งเสี่ยงป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดตอนโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะโรคหัวใจและหลอดเลือด ติดอันดับ 1 ใน 3 สาเหตุเสียชีวิตสูงสุดของคนในประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทยด้วย"
          นอกจากนี้ สุวรรณา เชียงขุนทด คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม บรรยายให้ความรู้แก่นักเรียน ในหัวข้อ "กินอะไร ทำให้อ้วน" ซึ่งต้นตอที่ทำให้เด็กอ้วน มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารพลังงานสูง รสหวาน มัน เค็ม เช่น ไก่ทอด เค้ก น้ำอัดลม น้ำหวาน ขนมกรุบกรอบ และอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นอิทธิพลมาจากสังคมตะวันตก
          "เมื่อกินอาหารเหล่านี้แล้ว เด็กๆ กลับกินผักผลไม้ลดน้อยลง แถมยังขาดวินัยการกินอาหารเป็นเวลา เลือกดูทีวีเล่นเกมคอมพิวเตอร์หรืออยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีมากกว่าออกมาวิ่งเล่นเพื่อออกกำลังกาย"
          เอาใจช่วยเด็กเหล่านี้ให้ลดน้ำหนักประสบความสำเร็จ