จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพจิตคนไทยทุกๆ 5 ปี พบว่า มีปัญหาสุขภาพจิตจากเล็กน้อยถึงรุนแรงประมาณร้อยละ 20 ของประชากร หรือ 1 ใน 5 คน โดยส่วนใหญ่เกิดในช่วงอายุ 18-25 ปี เป็นเพศ ชายมากกว่าเพศหญิง ที่สำคัญยังพบว่า มีผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวว่าป่วยอีกมาก ซึ่งเป็นปัญหาต่อการดำเนินชีวิต
          นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรม สุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาโรคทางจิตเวชเพิ่มมากขึ้น โดยโรคทางจิตเวชที่พบมาก 5 อันดับแรก คือ 1.โรคซึมเศร้า 2.โรคจิตเภท 3.โรควิตกกังวล 4.โรค จิตเวชเนื่องมาจากสารเสพติด และ 5.โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว โดยอุบัติการณ์ ผู้ป่วยที่มาตรวจรักษากับทางโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลจิตเวช พบสูงถึง 650,000 คน และมีอาการที่น่าเป็นห่วงถึงขั้นมีอาการคลุ้มคลั่งราว 65,000 คน
          ปัญหาคือ ปัจจุบันหลายครอบครัวมี ผู้ป่วยโรคจิตเวชอาศัยอยู่ร่วมชายคา โดยผู้ป่วยบางรายอาการยังไม่บ่งบอก ทำให้คนในครอบครัวไม่ทราบ แต่บางรายอาจมีอาการให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้โดยดูจากอาการผิดปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนสดใสร่าเริง เช่น นอนไม่หลับ เดินไปเดินมา มีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น พูดคนเดียว หวาดระแวง เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร ไม่เคลื่อนไหวและไม่พูดจาใดๆ เป็นชั่วโมงๆ หรืออาจเคลื่อนไหวช้า หรืออาจมีอาการประสาทหลอน ได้ยินคนมาพูดคุยกับตน มาเตือน หรือมาตำหนิในเรื่องต่างๆ ทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีคนพูดหรือไม่มีต้นกำเนิดเสียงเหล่านี้เลย
          เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต และควรพาไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการตรวจ วินิจฉัย และให้การรักษาอย่างทันท่วงที