แต่ใส่แมสก์ป้องโควิดต่อ อนุทินรับไฟเซอร์2ล.วันนี้ ซื้อ'AZ'60ล้านโดสปีหน้า ดนตรีโวยผ่อนล็อกไม่เวิร์ก ติดเชื้อใหม่9,489ดับ129
          ยอดติดโควิดใหม่ลด-ต่ำหมื่นราย สธ.คาดต่ำ 5 พัน สิ้น ต.ค.-มี.ค.65 โรคสงบ มั่นใจสิ้นปีวัคซีนเข้า 126 ล้านโดส ครม.ไฟเขียวซื้อแอสตร้าฯ 60 ล้านโดส ปี'65 สปสช.ย้ำรับเอทีเครีบตรวจ
          ยอดติดโควิดใหม่ต่ำหมื่นราย
          เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 28 กันยายน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 9,489 คน แบ่งเป็น ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 269 ราย ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 8,823 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 387 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 10 ราย โดยผู้เสียชีวิต 129 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 12,805 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 จำนวน 1,552,552 และยอดหายป่วยสะสม 1,420,780 ราย วันนี้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าหมื่นในช่วงหลายสัปดาห์ และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้รักษาหายป่วยกลับบ้านมากกว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน แสดงถึงศักยภาพของสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการปรับมาตรการควบคุมโรคที่ได้ผลและความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในปฏิบัติตามมาตรการ
          มั่นใจสิ้นปีวัคซีนเข้า126ล.โดส
          น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมั่นใจสามารถจัดหาวัคซีนโควิด-19 ครบตามแผนกว่า 126 ล้านโดส ในปลายปี 2564 โดยจัดหาวัคซีนโควิด-19 ภายใต้ 4 แนวทาง ดังนี้ 1.แผนการจัดซื้อจากผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยตรงกับผู้ผลิต/บริษัท ให้มีความหลากหลายยี่ห้อและเทคโนโลยี อาทิ แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ และซิโนแวค 2.การจัดซื้อจากประเทศที่มีวัคซีนโควิด-19 เช่น เจรจาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากสเปน จำนวน 449,500 โดส โดยรัฐบาลสเปนถือเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ขายวัคซีนให้แก่ประเทศไทย และอยู่ระหว่างประสานงานกับอีกหลายประเทศ 3.การแลกเปลี่ยนวัคซีน (vaccine swap) และ 4.การบริจาค ไทยได้รับวัคซีนซิโนแวคจากจีน จำนวน 1 ล้านโดส สหราชอาณาจักรมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,000 โดส ญี่ปุ่นมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 1.66 ล้านโดส สหรัฐได้มอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวนกว่า 1.5 ล้านโดส รวมถึงอยู่ระหว่างการหารือของคณะกรรมการร่วมไทย-สหรัฐอีก 1 ล้านโดส ทั้งนี้ ไทยจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 คิดเป็นประชากร 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ ครอบคลุมเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 การฉีดเข็มกระตุ้น (booster) แก่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มทุกราย นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้วางแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับชาวต่างชาติและแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ด้วย
          ครม.ซื้อแอสตร้า60ล.โดสปี'65
          นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับปี 2565 จากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และเห็นชอบการลงนามในสัญญาซื้อระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาดังกล่าว โดยแผนการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในปี 2565 ภายในไตรมาสแรก จำนวน 15 ล้านโดส ไตรมาสที่สอง จำนวน 30 ล้านโดส และไตรมาสที่สาม จำนวน 15 ล้านโดส รวมทั้งสิ้น 60 ล้านโดส ทั้งนี้ เพื่อให้พร้อมรองรับการระบาดในปี 2565 ที่มีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก จึงเป็นวาระสำคัญของชาติที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนจึงมีความจำเป็นเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม และให้กรมควบคุมโรค เป็นผู้มีอำนาจลงนามจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากราชอาณาจักรสเปนเพิ่มเติม จำนวน 165,000 โดส เมื่อรวมจากเดิมที่ ครม.มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ให้กรมควบคุมโรคจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากสเปน จำนวน 449,500 โดส รวมทั้งสิ้น จำนวน 614,500 โดส โดยสเปนมีกำหนดส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้ง 2 ชุด ภายในต้นเดือนตุลาคมนี้
          'อนุทิน'รับไฟเซอร์2ล.โดสวันนี้
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะผู้บริหารกระทรวงจะเดินทางไปรับวัคซีนไฟเซอร์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นล็อตแรก จำนวน 2 ล้านโดส จากการสั่งซื้อ 30 ล้านโดส ในปี 2564 นี้ อย่างไรก็ตาม วัคซีนไฟเซอร์เป็นชนิด mRNA โดยเข็มที่ 1 จะฉีดห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยแผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ล็อตดังกล่าวจะนำมาเพื่อฉีดให้กับเด็กอายุ 12-17 ปี ที่กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ทั้งในและนอกระบบของกระทรวงศึกษาธิการ เบื้องต้นคาดว่ามีจำนวน 5 ล้านคน
          เคาะใช้พรก.ฉุกเฉินถึง30พ.ย.
          น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่าที่ประชุม ครม.รับทราบมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 โดยรายละเอียดตามที่ ศบค.ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา และ ครม.ยังให้ความเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
          ต่ำ5พันสิ้นต.ค.-มี.ค.65โรคสงบ
          นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ว่าสถานการณ์ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ สัดส่วนผู้ป่วยหนัก และผู้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจลดลงตามลำดับ หลังตัวเลขก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4-5 พันรายต่อวัน ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 3 พันรายต่อวัน ทั้งนี้ มีการประมาณการว่าจะมีผู้ติดเชื้อราวๆ 5 พันรายต่อวัน ก่อนสิ้น ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการประเมินตามหลักคณิตศาสตร์ แต่ยังมีหลายปัจจัยอื่นๆ ที่จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ คือการติดเชื้อเป็น กลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ และมีการประเมินฉากทัศน์ว่าจะกระดกขึ้นหลังเดือน ต.ค. เพราะหมดแรงเหวี่ยงของช่วยล็อกดาวน์ ดังนั้น เราต้องทำให้การพยากรณ์นี้ไม่เป็นจริง การติดเชื้อไม่เหวี่ยงขึ้น คาดว่าเราจะสามารถทรงระบบอย่างนี้ไปได้ จึงคาดว่าต้นปีหน้าราวๆ เดือน มี.ค.2565 โรคน่าจะสงบพอสมควร ใกล้ภาวะปกติ แต่ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีกระยะ
          ล็อกเป้าเปิด10จว.1พย.-ฉีด 50%
          นพ.เกียรติภูมิ กล่าวถึงการเตรียมการเปิดเมืองรับการท่องเที่ยวในระยะแรกพื้นที่สีฟ้า 10 จังหวัด ว่า สธ.ได้มีการประสานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่สีฟ้าตามนโยบายรัฐบาลในช่วงวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 เตรียมการกำหนดลักษณะพื้นที่ความพร้อมด้านสถานการณ์ คือ ต้องมีความครอบคลุมวัคซีนระดับจังหวัด ร้อยละ 50 กลุ่มเป้าหมาย 608 ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 80 มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอ อัตราครองเตียงของผู้ป่วยไม่เกิน ร้อยละ 80 มีการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 5-10 รายต่อแสนประชากรต่อวัน โดยใช้ค่าเฉลี่ยราย สัปดาห์
          "แต่ละจังหวัดจะมีการกำหนดพื้นที่เฉพาะ พื้นที่นี้จะต้องมีความครอบคลุมวัคซีนร้อยละ 70 กลุ่ม 608 ได้ ร้อยละ 80 ส่วนพื้นที่ที่จะมีการเปิดให้ทำกิจกรรม/กิจการที่รองรับนักท่องเที่ยว จะต้องมีวัคซีนครอบคลุมอย่างน้อย ร้อยละ 80 มีการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ให้ไม่พบผู้ติดเชื้อในกิจการ/กิจกรรมในช่วง 14 วันที่ผ่านมา โดยพื้นที่ที่กำหนดเป็นโควิด ฟรี โซน (Covid Free Zone) เช่น จ.ชลบุรี ต้องวัคซีนครอบคลุมจังหวัด ร้อยละ 50 ลงถึงเมืองพัทยาก็ต้อง ร้อยละ 70 และถ้าเป็นพัทยาใต้ที่จะให้ทำกิจการ/กิจกรรมต้องได้ ร้อยละ 80 เป็นพื้นที่สีฟ้า รวมถึงดำเนินการทำบับเบิล แอนด์ ซีล เป็นซีล รูท เช่น ลงเครื่องบินที่สนามบินอู่ตะเภา หรือสุวรรณภูมิ แล้วไม่แวะที่ไหน" นพ.เกียรติภูมิกล่าว
          'ประสิทธิ์'พอใจ-รุนแรงลดลง
          ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่เคยคาดการณ์ในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อน ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ก็ลดลงตามนั้น ขณะที่ผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจก็ลดลงมาเรื่อยๆ จากสูงกว่าพันราย วันนี้ก็ลดลงเหลือ 738 ราย ผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลก็ลดลงเช่นกัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่ต่ำกว่าหมื่นนั้น ไม่สำคัญเท่าจำนวนผู้ป่วยหนัก เพราะตรงไปตรงมาคือ การติดเชื้อ หากไม่ตรวจก็ไม่พบเชื้อ ส่วนผู้ที่ตรวจ ATK บวก ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำแล้ว แต่จำนวนที่เห็นชัดคือผู้ป่วยหนักที่ลดลงจริง ก็เชื่อได้ว่าเรากำลังอยู่ในขาลงจริงๆ
          "ตอนนี้ ผมพอใจมากว่าจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ อาการรุนแรงก็ลดลงมาก ตอนนี้ต้องรักษาสิ่งที่ทำไปเรื่อยๆ มาตรการบุคคลคงไว้ วัคซีนก็ระดมฉีดเรื่อยๆ มาตรการจัดการ ผู้ประกอบการก็ร่วมมือไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ สถานการณ์ตอนนี้ยืนยันว่าดีขึ้นจริง เห็นด้วยที่มีการผ่อนคลายไป ค่อยๆ ผ่อนไป แต่ย้ำว่า ทุกคนต้องไม่ผ่อนคลายมาตรการส่วนบุคคล ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่างกันต่อ" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
          สปสช.ย้ำรับเอทีเครีบตรวจ
          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ สปสช.ร่วมกับหน่วยบริการเดินหน้ากระจายแจกชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ให้ประชาชนตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษา และมุ่งให้เกิดการควบคุมการแพร่ระบาด สปสช.ขอย้ำว่า เมื่อรับชุดตรวจ ATK ไปแล้ว ขอให้รีบตรวจหาเชื้อ โควิดและบันทึกผลการตรวจผ่านแอพพ์เป๋าตัง หรือกับ อสม./อสส.ที่แจกชุดตรวจให้ท่านโดยเร็ว ไม่ว่าผลการตรวจจะติดเชื้อหรือไม่ การตรวจหาเชื้อโควิดแล้วไม่บันทึกผล แม้ว่าผลจะเป็นลบ จะทำให้ท่านเสียสิทธิที่จะได้รับชุดตรวจ ATK เพิ่มในอนาคต เพราะเมื่อมีการใช้และบันทึกผลการตรวจแล้ว หากในอนาคตพบว่าท่านเป็นกลุ่มเสี่ยง ก็จะได้รับแจกเอทีเคเพิ่มเพื่อนำไปตรวจหาเชื้ออีก แต่หากไม่ได้นำไปใช้หรือใช้แล้วไม่ได้บันทึกผลการตรวจ ก็จะไม่ได้รับแจกเอทีเคเพิ่ม เพราะถือว่ายังไม่ได้ใช้ชุดแรกที่แจกไป และยังพบข้อร้องเรียนว่ามีบางคนเมื่อรับไปแล้ว ไม่นำไปตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองแต่กลับเก็บไว้เพื่อนำไปขายต่อ กรณีนี้ขอย้ำเตือนว่าจะทำให้เกิดปัญหาหลายประการ เนื่องจากกลุ่มที่ได้รับนั้นถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 อยู่แล้ว หากรับแล้วไม่นำไปใช้แล้วปรากฏว่าคนคนนั้นติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่รู้ตัว ก็จะทำให้เสียโอกาสที่จะได้ทราบผลตรวจและเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาล่าช้าจนอาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันก็จะมีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อให้กับครอบครัวและคนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
          ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ก.ย. เวลา 13.00 น. มีประชาชนรับชุดตรวจ ATK แล้วจำนวน 149,486 ราย เป็นจำนวน 299,836 ชุด ในจำนวนนี้เป็นการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังจำนวน 148,143 ราย และเป็นการแจกโดย อสม. 1,343 ราย ตรวจโควิดและบันทึกผล 69,805 ราย หรือร้อยละ 47 เป็นผลบวก จำนวน 548 ราย
          เร่งคุมหนีท่วมเข้าศูนย์พักพิง
          ที่กระทรวงสาธาณสุข (สธ.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงแนวทางการปฏิบัติตัวช่วงน้ำท่วมกับการป้องกันโรคโควิด-19 ว่าแม้เผชิญปัญหาน้ำท่วม แต่เรามีสถานการณ์โรคโควิด-19 อยู่ ซึ่งพื้นที่ประสบน้ำท่วมส่วนใหญ่สถานการณ์ระบาดไม่รุนแรงมาก แต่ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เนื่องจากโอกาสแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ ผู้คนที่หลีกหนีหลบภัยน้ำท่วมมารวมกันที่ศูนย์พักพิง ดังนั้น ผู้จัดการหรือควบคุมดูแลศูนย์พักพิงต้องดำเนินมาตรการป้องกันโควิด 2 ประการ คือ 1.จัดการสิ่งเวด ล้อม สุขลักษณะ สุขอนามัยและสุขาภิบาล เพื่อป้องกันโรคต่างๆ และโควิด-19 ทำความสะอาดพื้นผิว จัดระบบถ่ายเทอากาศ จัดการไม่ให้คนรวมกันแออัด และ 2.การจัดการให้ผู้คนในศูนย์อพยพมีความปลอดภัย
          จ่ายเยียวยาฉีดวัคซีน4แสน
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายภานุมาศ จันทร์เมืองหงส์ อายุ 26 ปี หนุ่มลูกจ้างองค์การทหารผ่านศึกใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เข้ารับการวัคซีนโควิด-19 โดยเข็มแรกฉีดซิโนแวค เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 และเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า วันที่ 27 สิงหาคม 2564 กระทั่ง เวลา 04.00 น.วันรุ่งขึ้นเกิดอาการไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ และเสียชีวิตในเวลา ต่อมา
          ที่ รพ.อรัญประเทศ ซึ่งบิดาติดใจในสาเหตุการตายจึงส่งร่างผ่าชันสูตรที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร พบว่า ผลการชันสูตรเบื้องต้นระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจโต ซึ่งครอบครัวยังไม่ยอมเผาศพลูกชาย โดยบรรจุศพไว้ที่สุสานวัดเขาน้อยสีชมพู ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชาย ซึ่งทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 6 จ.ระยอง ได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้ทางคณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องกรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พิจารณาแล้ว และมีมติในที่ประชุม ครั้งที่ 21/2564 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 มีความเห็นว่าครอบครัวผู้ตาย คือ ร.ต.ต.สมศักดิ์ จันทร์เมืองหงส์ บิดาของ นายภานุมาศ จันทร์เมืองหงส์ ผู้ตาย ได้รับความเสียหาย เป็นอาการที่เกิดหลังจากการรับวัคซีน ก่อนจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่ถึง 24 ชม.ตามใบมรณบัตร ซึ่งแพทย์นิติเวช รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ลงความเห็นไว้ว่า กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ จึงลงมติจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 400,000 บาท
          คลัสเตอร์งานศพด่านขุนทด
          ที่ จ.นครราชสีมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของคลัสเตอร์งานศพ ต.หินดาด อ.ด่านขุนทด พบผู้ป่วยรายแรก เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทำงานที่โรงงานแหลมทองอุตสาหกรรม อ.สูงเนิน ซึ่งมีการระบาดเป็นคลัสเตอร์ติดเชื้อ 340 ราย ตรวจพบเชื้อวันที่ 22 กันยายน ที่โรงพยาบาลด่านขุนทด ได้เดินทางไปร่วมงานศพที่ ต.หินดาด อ.ด่านขุนทด จากนั้นได้ค้นหาเชิงรุกพบผู้ป่วยสะสม 30 ราย ทั้งนี้ งานศพได้ตั้งบำเพ็ญกุศลวันที่ 16-19 กันยายน มีผู้ร่วมงาน 363 ราย และวันประชุมเพลิงมีนายวิสิทธิ์ ทิพยาภรณ์ ส.ส.เขต 13 จ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายเจษฎา พิทยาภรณ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครราชสีมา เขต 1 ขึ้นทอดผ้าบังสุกุล รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่นหลายราย จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต้องเฝ้าระวังและตรวจหา เชื้อซ้ำ
          ชาย71ดับหลังฉีดแอสตร้า
          ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนแอสตร้า ที่ รพ.ลานสกา โดยทางญาตินำมาบำเพ็ญกุศลศพยังบ้านเลขที่ 165/1 ม.1 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
          น.ส.พาณี พวงจันทร์ อายุ 41 ปี บุตรสาวของนายสายัณห์ พวงจันทร์ อายุ 71 ปี ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา พ่อไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 กับแม่ ที่ รพ.ลานสกาในช่วงเช้า ซึ่งทาง จนท.แจ้งว่าวัคซีนที่ฉีดคือ แอสตร้าเซนเนก้า หลังจากนั้นพ่อเกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เจ้าหน้าที่จึงนำพ่อเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ทางหมอบอกว่าจะให้พ่อนอนที่ รพ. หรือจะพากลับบ้าน ขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รักษาอยู่มาก ทางญาติจึงตัดสินใจนำพ่อกลับบ้าน ในช่วงบ่ายซึ่งตอนนั้นพ่อมีอาการเพลียมาก หลังจากนั้นไม่นานญาติๆ ตัดสินใจส่งพ่อไป รพ.ลานสกาอีกครั้ง และ รพ.ลานสกา ส่งพ่อไปรักษาที่ รพ.มหาราช ใช้เวลารักษาไม่เกิน 2 ชม. แพทย์บอกพ่อเสียชีวิตจากเหตุเส้นเลือดตีบ
          "พวกเรารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อ พ่อไม่มีโรคประจำตัว เป็นคนแข็งแรง เชื่อว่าพ่อเสียชีวิตจากเหตุเพราะฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่ได้รับการบอกกล่าวอย่างเป็นทางการว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบอย่าเงียบเฉยกับเหตุที่เกิดขึ้น" น.ส.พาณีกล่าว
          นักดนตรีชี้ไม่ตอบโจทย์
          ที่ จ.ชลบุรี นายนราธิป ฟักฤกษ์ ผู้บริหารร้านวิวมาเร่ กล่าวว่า คิดว่ายังไม่พร้อมที่จะจ้างนักดนตรีมาเล่นที่ร้าน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการจ้างวงดนตรีมาเล่นมีค่อนข้างสูง ถ้าจ้างมาเล่นในวันธรรมดาซึ่งลูกค้าน้อยมาก ทำให้อาจจะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย หลังจากที่มีการประกาศให้เล่นดนตรีสด มีนักดนตรีติดต่อเข้ามาและต้องดูสถานการณ์ ถ้ามีลูกค้าเยอะก็อาจจะจ้างให้นักดนตรีมาเล่นที่ร้าน หลังจากที่มีการผ่อนปรนเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง แทบจะไม่มีผลอะไรเลยต่อร้านอาหาร เนื่องจากช่วงล็อกดาวน์ ลูกค้าก็มารับประทานอาหารที่ร้านเร็วขึ้น จึงมองว่าไม่มีผลต่อการขายอาหารเท่าที่ควร ตนมองว่าถ้าหากมีการผ่อนปรนให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี และกำหนดให้มีการเว้นระยะห่าง เนื่องจากลูกค้าที่มารับประทานอาหารส่วนใหญ่จะมากันเป็นกลุ่มครอบครัวและเดินทางมาด้วยกันอยู่แล้ว ถ้าจะมีการเกิดการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เหมือนในผับบาร์ต่างๆ การแพร่ระบาดภายในร้านอาหารยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งการผ่อนคลายที่ตอบโจทย์จริงๆ ก็คือ อยากให้ภาครัฐออกมาตรการที่ทำให้ประชาชนที่มารับประทานอาหาร มาพักผ่อน รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อีก
          นายปรพจน์ ดาวัลย์ นักร้องวง good friend กล่าวว่า หลังจากที่มีการคลายล็อกตอนนี้ก็เริ่มซ้อมดนตรีบ้างแล้ว แต่การผ่อนผันเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ซึ่งนักดนตรีเมืองพัทยามีกว่า 800 ชีวิตนั้นไม่เพียงพอ แต่หลังจากมีการผ่อนคลายก็ได้มีการพูดคุยร้านอาหารที่เคยเล่น แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับเพราะยังไม่มีการจำหน่ายสุราก็มีผล ซึ่งตั้งแต่โควิดรอบแรกก็ได้รับผลกระทบมาแต่รอบนี้ได้รับผลกระทบยาวนาน ซึ่งก็มีการปรับตัวไปขี่รถส่งอาหารและทำอาหารส่ง ซึ่งตนคิดว่าการผ่อนผันรอบนี้คงจะไม่มีประโยชน์อะไรกับนักดนตรีแต่อย่างใด
          สถานบันเทิงไม่มั่นใจหวั่นปิดอีก
          ที่ จ.ภูเก็ต นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า จากมาตรการผ่อนคลายของทางจังหวัดภูเก็ตให้สามารถดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้นั้น มาตรการผ่อนคลายดังกล่าว ทางจังหวัดภูเก็ตยังไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการ แต่ผับ บาร์เบียร์ คาราโอเกะยังเปิดไม่ได้ ถือว่าโอเคระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ อีกทั้งสถานบันเทิง ถูกสั่งปิดเพื่อควบคุมปัองกันโรคโควิด-19 มาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว ขณะนี้พนักงานและผู้ประกอบการทุกคนในสถานบันเทิงป่าตองได้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยว แต่ยังไม่ให้เปิดบริการผับบาร์ต่างๆ และยังไม่ได้รับการเยียวยา
          ทางด้านสถานประกอบการ ร้านอาหารทั่วไป ต่างมีความพอใจในระดับหนึ่งต่อมาตรการดังกล่าวที่สามารถผ่อนคลายให้สามารถนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้เช่นกัน
          ที่ จ.สงขลา นายสมชาติ พิมพ์ธนพูนพร ผู้จัดการโรงแรมซากุระบัดแจ็ส อ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า การที่ ศบค.คลายล็อกเวลาไปถึง 22.00 น. ให้กับสถานประกอบการบางชนิดเปิดบริการจะเป็นผลดี ประชาชนจะมีงานทำ รายได้ประชาชนและท้องถิ่นเพิ่มขึ้น แต่สถานประกอบการต้องเคร่งครัดในมาตรการป้องกันโควิด เพื่อไม่ให้ โควิดแพร่กระจาย หากโควิดแพร่ระบาดในรอบ 4 จะหนักกว่ารอบ 3
          ที่ จ.กระบี่ สถานประกอบการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ ย่านตัวเมืองกระบี่ส่วนใหญ่ไม่พร้อมเปิดให้บริการ แม้ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายก็ตาม เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่าเมื่อกลับมาเปิดแล้วจะถูกปิดอีกเมื่อไหร่ เนื่องจากมีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนนักท่องเที่ยวไม่กล้าออกมาเที่ยว