เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวัน มีผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย รวมสะสม 3,840 ราย แบ่งเป็น การติดเชื้อในประเทศ 2,452 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,388 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,661 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 119 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,840 ราย รับรักษาในกรุงเทพมหานคร และ จ.นนทบุรี จำนวน 2,099 ราย ภาคเหนือ 114 ราย ภาคกลาง 768 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย ภาคใต้ 747 ราย
          สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานกักกัน (Quarantine) ได้แก่ 1.เอธิโอเปีย 2 ราย สัญชาติเอธิโอเปีย เพศหญิง อายุ 28 ปี มารักษาโรคสูตินรีเวช และเพศชาย อายุ 38 ปี เป็นผู้ติดตามผู้ป่วยที่มารักษา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เดินทางถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันของสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน วันที่ 14 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อ โดยไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน 2.โอมาน 1 ราย เพศชาย สัญชาติโอมาน อายุ 36 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นผู้ติดตามผู้ป่วยที่มารักษา เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน เดินทางต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันของสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ผลตรวจพบเชื้อ มีน้ำมูก เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชน
          นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ร่วมกับ ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ร่วมกันแถลงข่าวผลการติดตามเบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชายชาวอินเดียมาเที่ยวงานลอยกระทง จ.สุโขทัย ทีมสอบสวนโรค จ.สุโขทัย ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามผู้สัมผัสพบกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น 32 ราย พบเสี่ยงสูง 1 ราย สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน แจ้งให้กักกันตนเองที่บ้าน 14 วัน และจะเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการในวันที่ 9 พฤศจิกายน ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ 31 ราย ให้สังเกตอาการและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ส่วนทุกสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียรายนี้ได้เดินทางไปพัก ท่องเที่ยวและรับประทานอาหาร ตรวจสอบแล้วว่าทุกแห่งมีการป้องกันอย่างเต็มที่ สุโขทัยปลอดเชื้อมาแล้วกว่า 7 เดือน อีกทั้งการเดินสวนกันในการเที่ยวงานลอยกระทงในครั้งนี้ทางสาธารณสุข จ.สุโขทัย ยืนยันโอกาสเสี่ยงเพียง 0.05%
          ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัท ไฟเซอร์ อิงค์. ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า ผลการทดลองทางคลินิกวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ทางไฟเซอร์พัฒนาร่วมกับบริษัท ไบโอเอ็นเทค หุ้นส่วนจากเยอรมนี พบว่าได้ประสิทธิผลมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19
          ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค นับเป็นผู้ผลิตยารายแรกที่เปิดเผยถึงความสำเร็จของการทดลองทางคลินิกในวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคระบุว่า ผลการทดลองในขณะนี้ยังไม่พบข้อห่วงกังวลรุนแรงด้านความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ร่วมกันพัฒนาขึ้น และคาดว่าจะขอให้ทางการสหรัฐอนุญาตให้ใช้วัคซีนตัวนี้เป็นกรณีฉุกเฉินภายในเดือนนี้