เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย ประจำวัน ว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็น ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานกักกัน (Quarantine) ได้แก่ 1.เยอรมนี 2.สวีเดน 3.อิหร่าน 4.เคนยา และ 5.สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศละ 1 ราย  ทั้งนี้ สถานการณ์ โรคโควิด-19 ทั่วโลก ผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่ 613,436 ราย ยอดผู้ติดเชื้อรวม 52,432,183 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 10,708,630 ราย เป็นรายใหม่ 142,808 ราย 2.อินเดีย จำนวน 8,684,039 ราย เป็นรายใหม่ 48,285 ราย 3.บราซิล จำนวน 5,749,007 ราย รายใหม่ 47,724 ราย 4.ฝรั่งเศส จำนวน 1,865,538 ราย เป็นรายใหม่ 35,879 ราย
          พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพิ่มเติมจากกรณีทางการเกาหลีใต้รายงานว่าทหารเกาหลีติดเชื้อโควิด-19 หลังกลับจากร่วมการประชุมวางแผนขั้นสุดท้ายการฝึกผสมคอบร้าโกลด์ 21 ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ว่า ในส่วนของทหารไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ก็ทยอยเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ และผลการตรวจก็ทยอยออกมาแล้ว ซึ่งจำนวนตัวเลขนั้นยังไม่นิ่ง แต่ผลที่ออกมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีนายทหารไทยที่เข้าร่วมการประชุมติดเชื้อ โควิด-19 แต่อย่างใด
          พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) กล่าวว่า ได้แจ้งให้หน่วยที่เข้าร่วมการประชุมการฝึกฯ ดำเนินการแจ้งกำลังพลที่เกี่ยวข้องทุกนาย เข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคทันทีและกักกันเป็นเวลา 14 วัน และดำเนินการตรวจโรคให้แก่กำลังพล จำนวน 177 นาย โดยใช้วิธีเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกและคอ (SWAB) ผลการตรวจไม่พบเชื้อ จำนวน 129 นาย และอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจ จำนวน 48 นาย ขณะที่ พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพบก 19 นาย ได้เข้าสู่การกักตัวสังเกตอาการที่บ้านพักในระยะเวลา 14 วัน
          ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเฉลี่ย 1.5 วัน เพิ่มถึง 1.5 ล้านคน เนื่องจากปัจจัยสภาพอากาศที่เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ทำให้ไวรัสอยู่ได้นานขึ้น อีกทั้งคนส่วนใหญ่จะอยู่ในอาคารเป็นพื้นที่ปิดและไม่สวมหน้ากากอนามัย จึงเพิ่มความเสี่ยงยิ่งขึ้น
          "ขณะนี้เป็นช่วงขาขึ้นของโรค แต่ยังไม่ถึงจุดพีคหรือสูงสุด จุดพีคจะเป็นช่วงเดือนมกราคม 2564 จึงต้องเฝ้าระวัง หลายประเทศเริ่มมีมาตรการเข้มงวดขึ้น" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทยที่เตรียมเสนอลดวันกักตัวเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวนั้น ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจตัดสินใจ ในส่วนของนักวิชาการก็เพียงให้ข้อมูล ขณะนี้เศรษฐกิจก็ประคับประคองได้ระดับหนึ่ง คนไทยออกไปเที่ยวกันเองภายในประเทศ หากลดวันกักตัวเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยว จะต้องคุมเข้มมาตรการอย่างจริงจัง เพราะถ้าเกิดการระบาดขึ้น ไม่เพียงต่างชาติไม่มา คนไทยเองก็ต้องหยุดชะงักด้วย มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว เช่น ออสเตรเลียระบาดรอบสองต้อง ล็อกดาวน์ และสภาพอากาศประเทศไทยในขณะนี้ก็เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน