Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 16/09/2563 ]
บำรุงราษฎร์ ดูแลสุขภาพองค์รวม ดันไทยท่องเที่ยวเชิงการแพทย์โลก

 ประเทศไทยยังถูกจัดอยู่ในอันดับ 1 โดยGlobal COVID-19 Index (GCI) ในการฟื้นตัวของแต่ละประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 จาก 184 ประเทศทั่วโลก และเป็นประเทศที่บรรเทาการระบาดของไวรัสได้ก้าวหน้าที่สุดในโลก สร้างความเชื่อมั่นให้กับ นักท่องเที่ยว ถือเป็นจังหวะและโอกาสอันดีในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านความปลอดภัย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ให้เป็นตัวชูโรงด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังโควิด-19 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
          ข้อมูลการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยติดอันดับ 13 ของโลก สามารถสร้างรายได้ มากกว่า 9.4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ The International Healthcare Research Center (IHRC) ระบุว่า อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ของประเทศไทยติดอันดับ 6 ของโลก โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว เชิงการแพทย์ร้อยละ 38 ของจำนวน นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด และตลาดมีแนวโน้มเติบโต ราวร้อยละ 14 ต่อปี สะท้อนให้เห็นถึง ความได้เปรียบในการแข่งขันด้าน Medical Hub ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศ โดยมีผู้ป่วยต่างชาตินิยม เข้ามารักษาตัวในประเทศไทย 5 อันดับแรก คือ กลุ่มตะวันออกกลาง 12.5% เมียนมา 8.7% สหรัฐฯ 6.2% สหราชอาณาจักร 5% และญี่ปุ่น 4.9% ตามลำดับ
          ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีเป้าหมายเพื่อการขยายสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว เชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Destination) ในระดับโลก ภายในปี 2565 มุ่งสู่การรักษาในขั้นจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งเป็นระดับ การให้การบริบาลทางการแพทย์ที่มี ความซับซ้อนอย่างมากด้วยนวัตกรรม ขั้นสูง และด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับ สากล
          รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างครอบคลุม โดย โรงพยาบาลมี core competencies หรือ จุดแข็ง 3C ได้แก่ 1.Critical care การให้การบริบาลผู้ป่วยในภาวะวิกฤติ 2.Complicated disease ดูแลรักษาโรคยากที่มีความซับซ้อน 3.Cutting-edge technology ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ทันสมัย
          ที่สำคัญบำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรอง Global Healthcare Accreditation's Certification of Conformance with COVID-19 Guidelines for Medical Travel Programs ซึ่งได้การรับรองมาตรฐาน โดย GHA ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 สิงหาคม 2563 (GHA เป็นหน่วยงานรับรองมาตรฐานสากลเพียงหน่วยงานเดียวที่เน้นให้การรับรองผู้ให้บริการด้านการเดินทางเพื่อการแพทย์เท่านั้น) ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ประเทศไทยเป็นความหวังและที่พึ่งของผู้ป่วย และครอบครัว ซึ่งผู้ป่วยจากทุกแห่งทั่วโลกได้มอบความไว้วางใจให้แพทย์ไทยได้ ดูแล นับเป็นความภาคภูมิใจของการแพทย์และวงการสาธารณสุขไทย และ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สร้างความเชื่อมั่น ในด้าน Medical Tourism ให้กับประเทศไทย
          ทั้งนี้ ปัจจัยในการตัดสินใจเดินทางเข้ามารับการรักษาของผู้ป่วยต่างชาติ เป็นเพราะความเชื่อมั่นในคุณภาพการรักษาโรคซับซ้อน ในระดับจตุตถภูมิ หรือ quaternary care ของประเทศไทย มาตรฐานใกล้เคียง โรงพยาบาลในยุโรป ทั้งเรื่องความชำนาญการ ของแพทย์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย การเข้าถึง แพทย์ ระยะเวลาในการรอคิวที่สั้น และ ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดกว่าประเทศอื่นๆ
          เช่น กระบวนการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน ในสหรัฐอเมริกา มีค่าใช้จ่าย สูงถึง $92,000 เหรียญ (หรือประมาณ 2.8 ล้านบาท) แต่จะเหลือประมาณ $35,000 เหรียญ (ประมาณ 1 ล้านบาท) ในประเทศไทย หรือแม้แต่การผ่าตัด ข้อเข่าเทียม ในสหรัฐอเมริกา มีค่าใช้จ่ายสูงถึง $28,000 เหรียญ (หรือประมาณ 8.6 แสนบาท) แต่จะเหลือประมาณ $14,000 เหรียญ (ประมาณ 4.3 แสนบาท) ในประเทศไทย เป็นต้น
          ยังมีผู้ที่นิยมเดินทางมารักษาโรคเฉพาะทาง ตรวจสุขภาพ บริการด้านการชะลอวัย และศัลยกรรมความงาม ซึ่ง จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี พ.ศ.2560 มีผู้ป่วยชาวต่างประเทศ ที่เข้ามารับบริการในไทย จำนวนทั้งสิ้น 4.23 ล้านราย (ครั้ง) ในส่วนของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในแต่ละปีให้บริการผู้ป่วยกว่า 1.1 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มาจากประเทศต่างๆ กว่า 190 ประเทศทั่วโลก โดยใน ปี 2562 โรงพยาบาลฯ ให้บริการผู้ป่วย ต่างชาติถึง 632,000 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 57 ของผู้ป่วยทั้งหมดของโรงพยาบาลฯ กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่สำคัญอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มประเทศ CLMV และกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council)
          "โครงสร้างค่ารักษาพยาบาลถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการแข่งขันสู่ Medical Hub ในระดับโลก เอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรม Healthcare ในประเทศไทย กลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย" ภญ.อาทิรัตน์กล่าว
          โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่จุดหมาย ปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในระดับโลก ซึ่งจากประสบการณ์การดำเนินการมากว่า 40 ปี บำรุงราษฎร์ได้เตรียมความพร้อมในเรื่อง บุคลากร องค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยี รวมถึงได้มีการพัฒนายกระดับการให้บริการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับ new normal และพฤติกรรมของผู้มา รับบริการที่เปลี่ยนไปอย่างครอบคลุม ในทุกๆ มิติ เช่น การแยกพื้นที่บริการเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ, บริการ teleconsultation, บริการ Homecare Services หรือชื่อว่า Bumrungrad @ Home Service Center เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องแก่ผู้ป่วย และครอบครัวถึงบ้าน และบริการ "60 Second Service" เพื่อให้บริการขั้นพื้นฐาน เช่น ฉีดวัคซีน และรับยา ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และ ปลอดภัย
          นอกจากนี้ ได้เล็งเห็นเทรนด์ของโลกในด้าน Wellness ทางโรงพยาบาลร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพการแพทย์เชิงป้องกันและเวชศาสตร์ชะลอวัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย ที่มีประสบการณ์ เกือบ 20 ปี เพื่อให้การดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ตามแนวคิดการแพทย์แบบผสมผสานแบบองค์รวม ทั้งในด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน (conventional medicine) และการ รักษาเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) โดยมีบริการ การตรวจวิเคราะห์ เชิงลึก ระดับพันธุกรรม เพื่อค้นหาความเสี่ยง ในการเกิดโรคในอนาคต รวมถึงวางแผน การดูแลรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรฐานและคุณภาพระดับสากล
          ล่าสุด ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะศูนย์ดูแลสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย และเป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก DNVGL's ในด้านคุณภาพระดับสากลร่วมกับบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดตัวRAKxa (รักษ) ศูนย์บูรณาการ ดูแลสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตามนโยบาย อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร หรือ Medical Hub เป็นนโยบายของประเทศไทยในการดำเนินงานเพื่อยกระดับ คุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน
          "โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ไม่หยุดพัฒนาเพื่อต่อยอดในเชิงการแพทย์ ช่วยพลิกฟื้นวิกฤตหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกลุ่ม รายได้ดี ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป้าหมายสูงสุด คือการสร้างความ เชื่อมั่น และกระตุ้นการกลับเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลในประเทศไทย ยกระดับให้ประเทศไทยกลายเป็น World-Class Medical & Wellness Destination ของคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก หลังโควิด-19 คลี่คลายลง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติได้อีกครั้ง" ภญ.อาทิรัตน์ กล่าว
          โรงพยาบาลฯ ยังได้สร้างภาพยนตร์สั้น ชื่อเรื่อง 'Local Hero' ซึ่งมีแรงบันดาลใจ มาจากเรื่องจริงของการดูแลผู้ป่วยชาวต่างชาติรายหนึ่ง ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรง และไม่มีโอกาสได้รับการรักษาในประเทศของเขา เนื่องจาก ข้อจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 และในที่สุดผู้ป่วยรายนี้ก็ได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอ และตัดสินใจเดินทาง เข้ารับการรักษายังประเทศไทย ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งเนื้อหาภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้
          นอกจากจะเป็นเรื่องของความรักและความหวังในการมีชีวิตของผู้ป่วยแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ จากหน่วยงาน ภาครัฐ และเอกชน ในการช่วยเหลือผู้ป่วยรายหนึ่งให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและมีชีวิตรอด ด้วยหลักมนุษยธรรม อันเป็นการตอกย้ำในเรื่องศักยภาพทางการแพทย์และการบริบาลผู้ป่วยของไทย ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น ของไทยในด้าน World Class Medical Destination เป็นอย่างดีอีกด้วย
          โดยภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ได้เริ่มเผยแพร่ทางช่องทางของโรงพยาบาลฯ ทั้งใน และต่างประเทศแล้ว
          "บำรุงราษฎร์มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็น World-Class Medical & Wellness Destination ของคนไทยหลังโควิด-19 คลี่คลายลง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ"
          ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์
          "บำรุงราษฎร์มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น World-Class Medical & Wellness Destination ของคนไทยหลังโควิด-19 คลี่คลายลง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ"

 pageview  1205114    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved