กินได้แต่ต้องทำความเข้าใจให้ดี
เลขาธิการองค์การอาหารและยาแนะวิธีใช้ถั่งเช่า ผู้ป่วยโรคไตกินได้จริง แต่ต้องระวังให้อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ชี้สมุนไพรมีประโยชน์ แต่อย่าใช้อย่างพร่ำเพรื่อ
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้บริโภคจำนวนมาก ที่หันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรในการรักษาโรคหรือดูแลสุขภาพ ซึ่งต้องใช้ด้วยความเข้าใจ ที่ถูกต้อง เช่นในกรณี "ถั่งเช่า" หรือที่รู้จักกันในชื่ออื่นๆ เช่น ตงถงเซี่ยเฉ่า หญ้าหนอน หนาวหนอนร้อนหญ้า จัดเป็นเครื่องยาจีนชนิดหนึ่งที่ประกอบขึ้นมาจากส่วนของเห็ดรา Cordyceps sinensis ด้านบน ที่งอกขึ้นมาจากส่วนของตัวหนอนของผีเสื้อในสกุล Hepialus armoricanus ด้านล่างที่อยู่ในดิน โดยมากมักใช้เป็น ยาบำรุง หรือเข้าตำรับยากับสมุนไพรอื่นๆ ในกลุ่มของตำรับยาบำรุง มีสารสำคัญ มีฤทธิ์บำรุงปอด (ระบบการหายใจ) จากสารสำคัญของเห็ดรา และมีฤทธิ์บำรุงไต (ระบบทางเดินปัสสาวะ) ทำให้เครื่องยาชนิดนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีราคาสูง และหายาก
"ในปัจจุบันจึงได้มีการเพาะเลี้ยงเฉพาะในส่วนของเห็ดราด้านบนออกมาจำหน่ายในชื่อ 'เห็ดถั่งเช่าสีทอง' แต่จะมีแต่เฉพาะส่วนของเห็ดราด้านบนเพียงอย่างเดียว และเป็นเห็ดราคนละชนิดกับเห็ดราที่เกิดเป็นเครื่องยาถั่งเช่า จึงทำให้สรรพคุณในการออกฤทธิ์ด้อยกว่า เครื่องยาถั่งเช่าของแท้ ในกรณีของผู้ป่วยที่ เป็นโรคไตสามารถรับประทาน 'ถั่งเช่า' เพื่อช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะให้ดีขึ้น เป็นการใช้ในลักษณะการช่วยเสริมการรักษาหลักให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น จึงห้ามละทิ้งการรักษาหลักโดย แพทย์ผู้รักษา และจะต้องใช้ด้วยความระมัด ระวัง อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจต้องมีการตรวจติดตามการ ทำงานของไตอยู่เป็นระยะ" นพ.ธเรศกล่าว
นพ.ธเรศกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปที่ใส่ใจสุขภาพ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างพร่ำเพรื่อ ควรใช้ด้วยความเข้าใจจึงควรปรึกษาแพทย์เภสัชกรหรือ ผู้ประกอบวิชาชีพที่มีความรู้ด้านสมุนไพรทั้งก่อนและในระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร นั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ |