นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า คราบหินปูน หรือ "หินน้ำลาย" ก่อให้เกิดปัญหาโรคในช่องปากที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ความจริงอาจนำไปสู่ปัญหาช่องปากอื่นๆ ซึ่งคราบหินปูนเกิดจากคราบจุลินทรีย์ หรือขี้ฟัน ที่สะสมและจับกับเชื้อโรคจนกระทั่งตกตะกอนกลายเป็นของแข็งเกาะอยู่บนผิวฟัน ซอกเหงือก ซอกฟัน และขอบฟัน เมื่อคราบหินปูนก่อตัวขึ้นในช่องปากแล้วจะไม่สามารถนำออกเองได้ ต้องไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนออก โดยปัญหาที่เกิดจากคราบหินปูน ได้แก่ เลือดออกขณะแปรงฟัน ฟันเหลือง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น โรคปริทันต์ ฟันโยก ฟันห่าง และฟันผุได้ ดังนั้น ปัญหาคราบหินปูนจึงเป็นปัญหาช่องปากที่ควรได้รับการดูแลจากทันตแพทย์ตามความเหมาะสม
ด้านทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวว่า ช่วงอายุที่ขูดหินปูนได้นั้นไม่ได้มีการกำหนดตายตัว อาศัยการตรวจสุขภาพช่องปาก หากถึงเวลาที่ควรได้รับการขูดหินปูนทันตแพทย์จะให้คำแนะนำ ความถี่ที่เหมาะสมในการขูดหินปูนสำหรับคนทั่วไปที่มีอาการเหงือกอักเสบเพียงเล็กน้อย ควรขูดหินปูนทุก 6 เดือน แต่ถ้าหากมีอาการของร่องลึกปริทันต์ด้วยควรได้รับการขูดหินปูนทุก 3-4 เดือน
สำหรับการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดคราบหินปูน ควรแปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ หากไม่สามารถทำได้ให้บ้วนปากแทน ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน ตลอดจนควรพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน |