|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 08/10/2561 ] |
|
|
|
|
เตือนมะเร็งอัณฑะ |
|
|
|
|
เสี่ยงทุกวัย-แนะหมั่นตรวจ
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งอัณฑะเป็นโรคมะเร็งที่พบได้น้อย แต่ละปีมีผู้ป่วยราว 0.7 รายต่อ ชายไทย 100,000 คน มักพบในช่วงอายุ 15-35 ปี แต่ก็มีโอกาสพบได้ในทุกอายุทั้งในเด็กจนถึงผู้สูงอายุเช่นกัน ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรค แต่สันนิษฐานว่าเป็นผลมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า อาการของโรคมะเร็งอัณฑะที่พบบ่อยคือ คลำ ลูกอัณฑะเจอเป็นก้อนแข็งและไม่เจ็บ ซึ่งแตกต่างจากภาวะ ลูกอัณฑะอักเสบเฉียบพลันที่พบว่ามีอาการลูกอัณฑะบวมและมีอาการเจ็บร่วมด้วย บางครั้งอาจมีอาการหน่วงๆ ที่ลูกอัณฑะหรือมีน้ำในถุงอัณฑะเกิดขึ้นเฉียบพลัน
ดังนั้น ควรตรวจลูกอัณฑะด้วยตัวเองเป็นประจำ โดยแนะนำให้ตรวจหลังอาบน้ำ ให้ตรวจลูกอัณฑะไล่ไปทีละข้าง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ค่อยๆ คลำเลื่อนไปเรื่อยๆ คลำดูว่ามีก้อนหรือมีอาการเจ็บร่วมด้วยหรือไม่ บริเวณด้านหลังของลูกอัณฑะจะคลำได้ส่วนหยุ่นๆ ขนาดเล็กซึ่งถือว่าเป็นปกติ ถ้าคลำได้ก้อนหรือไม่แน่ใจส่วนใดผิดปกติหรือไม่ ควรรีบปรึกษาแพทย์" นพ.วีรวุฒิกล่าว
ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติกล่าวอีกว่า ความผิดปกตินั้นอาจเป็นถุงน้ำหรือเส้นเลือดขอดบริเวณลูกอัณฑะซึ่งพบได้บ่อยกว่าเนื้องอกหรือมะเร็งอัณฑะ ในกรณีที่เป็นมากมักมีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกรานหรืออวัยวะในช่องท้องหรือปอด การรักษาต้องตัดลูกอัณฑะทิ้งและเลาะตัดต่อมน้ำเหลืองออกร่วมด้วย ถ้าเป็นมากกว่านั้นอาจให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีร่วมด้วย ควรมีการตรวจลูกอัณฑะอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากเจอความผิดปกติของลูกอัณฑะจะได้วินิจฉัยโรคและให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที |
| | |
|
|