Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 21/08/2561 ]
สธ.ตั้งเป้าปี 68 เด็กไทยร้อยละ 50 กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน

หมายเหตุ...กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จัดงานรณรงค์ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเดือนวันแม่แห่งชาติและสัปดาห์นมแม่โลก ตั้งเป้าในปี 2568 เด็กไทยกว่า
          ร้อยละ 50 กินนมแม่อย่างเดียวนานถึง6 เดือน ภายใต้แนวคิด"นมแม่รากฐานแห่งชีวิต" ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทรกระทรวงสาธารณสุข
          "นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์"อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
          (สธ.) ว่า ในสัปดาห์นมแม่โลก หรือ World Breastfeeding Week ที่นานาประเทศได้ร่วมกันกำหนดไว้ในวันที่ 1-7 สิงหา
          คมของทุกปี ซึ่งปีนี้กระทรวงสาธารณสุขและเครือข่าย ได้ร่วมกันรณรงค์ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ภายใต้คำขวัญ"นมแม่คือรากฐานแห่งชีวิต" Breast feeding : Foundation of Life  โดยมีนโยบายที่จะส่งเสริม สนับสนุน และปกป้องให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ กินนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และกินนมแม่
          ต่อเนื่องควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้นหรือตามสูตร 1-6-2 ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ในปี 2559 พบว่า มีทารกไทยเพียงร้อยละ 40 ได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอดและเพียงร้อยละ 23 ที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก ของชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น มีทารกเพียงร้อยละ 13 ที่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องถึง 2 ปี กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่าย จึงได้ตั้งเป้าหมายในปี2568 ให้ทารกอย่างน้อยร้อยละ 50 ได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน สอดคล้องตามเป้าหมายของทุกประเทศทั่วโลก
          การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นเป็นเรื่องของวิถีชีวิตเกี่ยวพันกับทุกคน ทุกองค์กรการเฉลิมฉลองสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการสื่อสารไปถึง ทุกคนในสังคมให้ตระหนักในความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เร่งให้ลงมือทำ โดยร่วมมือกันสร้างสิ่งแวดล้อม ที่เป็นมิตรกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และวางจุดยืนว่าเด็กทุกคนจะมีโอกาสได้วางรากฐานแห่งชีวิตด้วยการได้กินนมแม่อย่างเหมาะสม โดยกรมอนามัยเห็นว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้ทุกการเกิดนั้นเจริญ
          เติบโตต่อไปอย่างมีคุณภาพตลอดทั้งชีวิตการดำเนินงานประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่การปกป้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การปกป้อง คือการบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ. นมผงเพื่อปกป้องสิทธิและสุขภาพของเด็กทุกคนไม่ให้เสียโอกาสในการกินนมแม่ ผ่านการควบคุมวิธีการโฆษณาและส่งเสริมการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก การส่งเสริม คือ การจัดระบบบริการสุขภาพที่สร้างความรอบรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แก่หญิงตั้งครรภ์และครอบครัว ตั้งแต่ฝากครรภ์ ต่อเนื่องถึงการจัดบริการห้องคลอดคุณภาพและการดูแลหลังคลอดที่ช่วยแม่ให้เริ่มให้นมลูกได้เร็วและตามต้องการ เชื่อมโยงถึงชุมชนที่มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเกือบ 1 ล้านคน คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดที่บ้าน ส่วนการสนับสนุน คือการจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยช่วยเหลือให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ โดยในระบบบริการสุขภาพมีการจัดตั้งคลินิกนมแม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาและให้คำปรึกษาอย่างครบวงจรในสถานประกอบกิจการสำหรับแม่ทำงานมีการผลักดันการจัดตั้งมุมนมแม่และการสร้างความรอบรู้ให้แก่แม่ ครอบครัวและชุมชน
          ด้าน "นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์"รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานประกอบกิจการ โดยส่งเสริมสนับสนุนและประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง ลูกจ้างเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกมีภูมิต้านทานโรค สุขภาพแข็งแรง พัฒนาการสมวัย และประหยัดค่าใช้จ่ายของลูกจ้างในการซื้อนมผสมให้ลูกกินซึ่งมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่านมแม่ ทำให้เกิดการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบกิจการเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง และครอบครัว ซึ่งนายจ้างที่เข้าร่วมโครงการจะต้องจัดสถานที่มิดชิด เหมาะสม ถูกสุขลักษณะ จัดโต๊ะ เก้าอี้ อ่างล้างมือ และตู้เย็นสำหรับให้แม่แช่นมที่บีบเก็บใส่ถุงเพื่อนำกลับไปให้ลูกกินที่บ้าน รวมถึงการให้คำปรึกษา แนะนำมีการติดตามและประเมินผลเพื่อนำมาปรับแผนการดำเนินการส่งเสริมการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบกิจการอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559-กรกฎาคม 2561 มีสถานประกอบกิจการจัดตั้งมุมนมแม่จำนวน 1,745 แห่ง ลูกจ้างใช้บริการมุมนมแม่ จำนวน  11,159  คน ลูกจ้างเกี่ยวข้อง 999,882 คนทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ  334,770,000 บาท
          ทางด้าน "Juan Santander" ผู้แทนองค์การยูนิเซฟและองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของลูก เพราะการเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับ6 เดือนแรกของชีวิต คือการให้เด็กได้กินนมแม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ทั้งฉลาดและประหยัดเพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี การกินนมแม่มีผลอย่างมากกับการอยู่รอดปลอดภัย สุขภาพ ภาวะทางโภชนาการ และพัฒนาการของเด็กเด็กทารกที่ได้กินนมแม่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่เด็กที่ไม่ได้รับ นมแม่เมื่อโตขึ้นจะมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วนภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หอบหืดในเด็ก และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และที่สำคัญกว่านั้นเด็กที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกมีพัฒนาการด้านสติปัญญาและมีความสามารถในการเรียนรู้ได้ดีกว่า
          ส่วนทางด้าน "Dr. Renu Garg"ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การให้นมแม่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับทารกและให้ประโยชน์ต่อเนื่องไปตลอดชีวิตขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้แสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เห็นได้ชัดจากการออกพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560 ซึ่งในตอนนี้การวางกรอบเพื่อบังคับใช้กฎหมายมีความสำคัญมากเพราะจะช่วยขับเคลื่อนให้กฎหมายมีผลเป็นไปตามเจตนารมณ์และส่งผลระยะยาวถึงโอกาสที่เด็กไทยจะได้กินนมแม่เพิ่มขึ้น
          ขณะที่ "แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ"  ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยในฐานะภาคประชาสังคม ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำร่องการสนับ สนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในหลายประเด็นประเด็นที่สำคัญคือการสนับสนุนการจัด ตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบกิจการโดยในปัจจุบันได้ร่วมทำงาน กับสถานประกอบกิจการกว่า 40 แห่ง ที่มีการดำเนินงานที่ดีมาก ซึ่งประสบการณ์ของบริษัทเหล่านี้หลังจากแลกเปลี่ยนเรียน รู้ร่วมกันจะทำให้บริษัทอื่นๆ ในประเทศไทยสนใจเริ่มดำเนินการเพื่อช่วยพนักงานหญิงให้สามารถดูแลลูกอย่างดีที่ สุดด้วยนมแม่ได้ นอกจากนี้ทางมูลนิธิได้ดำเนินการสร้างกระแสสังคมเรื่องของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยในวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานมอบรางวัลให้แก่ครอบครัวนมแม่ต้นแบบเพื่อเป็นกำลังใจให้กับแม่และครอบครัวที่ตั้งใจ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้สำเร็จและเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจไปยังทุกภาคส่วนของสังคมให้รับรู้ว่าการช่วยแม่ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จทุกคนสามารถมีบทบาทสำคัญได้เริ่มตั้งแต่ตัวแม่ และครอบครัว โรงพยาบาลตลอดจนชุมชนสถานประกอบกิจการและหน่วยงานทุกแห่ง
          "การให้นมแม่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับทารกและให้ประโยชน์ต่อเนื่องไปตลอดชีวิตขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้แสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่"

 pageview  1205090    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved