เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีการถ่ายคลิปเผยแพร่ภาพก่อนเกิดเหตุการณ์ทำร้ายตัวเองของผู้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์คับขันในชีวิต เช่น กรณีการกระโดดสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุดเป็นเด็กนักเรียนมัธยมศึกษากระโดดอาคารเรียน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในสังคมไทย ที่ควรเรียนรู้และสร้างสรรค์ทำความเข้าใจก่อนที่จะบานปลาย หรือ กลายเป็นความเคยชินหรือภาคภูมิใจว่าเป็นคนที่เห็นก่อนใคร ซึ่งการถ่ายคลิปและแชร์ส่งต่อกันอาจจะเป็นการซ้ำเติม ผู้ที่ทำร้ายและจบชีวิตของตัวเองรวมทั้งครอบครัวด้วย
          น.ต.นพ.บุญเรืองกล่าวว่า การที่คนคนหนึ่งยืนบนระเบียงตึกหรือนั่งเหม่อลอยอยู่บนราวสะพานคนเดียว ถือว่าเป็นพฤติกรรมแสดงออกของผู้ที่เกิดวิกฤตปัญหาทางจิตใจ และเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือประการหนึ่ง เมื่อพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ขอให้รีบให้ความช่วยเหลือ ด้วยวิธีการเดินเข้าไปหาและพูดคุยสอบถามด้วยท่าทางยิ้มแย้มเหมือนการทักทายกันตามปกติทั่วไป โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไปกระตุ้นให้เขาตัดสินใจทำร้ายตัวเองเร็วขึ้น แต่อย่าผลีผลามไปจับฉุดรั้งตัว เพราะอาจทำให้เขาตกใจได้ การได้ชวนพูดคุยแม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่ 1-5 นาที ก็มีความหมายมาก เป็นการชะลอ จะทำให้ผู้ที่กำลังคิดสั้นมีอารมณ์ ซึ่งมักเป็นอารมณ์ชั่ววูบให้เย็นลงและได้สติขึ้นมา
          นพ.ประภาส อุครานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารขณะนี้ ประชาชนสามารถใช้สมาร์ทโฟนและกลายเป็นผู้สื่อสาร สื่อข่าวและรับข่าวรอบด้าน สิ่งที่ทุกคนต้องระมัดระวังและต้องช่วยกันสร้างความตระหนักก็คือ ไม่ควรนำเสนอและแชร์ภาพเหตุการณ์คนทำร้ายตัวเองไม่ว่าจะเป็นชนิดสดหรือภาพนิ่ง เพราะจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ทำให้คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ชั่ววูบเกิดการกระทำเลียนแบบได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการนำเสนอวิธีการ รายละเอียด สิ่งที่ควรจะเพิ่มเติมคือ การช่วยชี้แนะทางออกของชีวิต เพราะการจบชีวิตไม่ได้ทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลง