แฟนบอลไทยไม่เอาพนันบอล
ความหวังที่จะทำให้บอลไทยได้ไปบอลโลกนั้นทำให้บุคลากรในแวดวงกีฬาฟุตบอลทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อพัฒนาทักษะของนักฟุตบอลให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ หนึ่งในจำนวนแนวความคิดทั้งหลายเสนอว่า น่าจะมีการอนุญาตให้เปิดโต๊ะพนันบอลได้อย่างถูกกฎหมายเพื่อเป็นการระดมทุนพัฒนาวงการกีฬานี้ให้เป็นจริงเป็นจังอย่างเช่นในประเทศอังกฤษ ทำให้มีข้อถกเถียงกันว่า การพนันจะช่วยพัฒนาวงการกีฬาไทยได้จริงหรือไม่
ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ติดตามการแข่งขันในฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 ที่ผ่านมา จำนวนทั้งสิ้น 1,136 คน พบว่า คนไทยให้ความสนใจติดตามการชมมากถึงร้อยละ 81.4 ในจำนวนนี้มีแฟนบอลที่ติดตามชมการแข่งขันทุกอาทิตย์ ร้อยละ 21.1 ติดตามชมเฉพาะคู่ใหญ่ๆ เจอกัน ร้อยละ 28.7 ติดตามชมเฉพาะทีมใหญ่ๆ ลงแข่ง ร้อยละ 15.2 และติดตามชมเฉพาะทีมที่เชียร์ ร้อยละ 16.4 ส่วนผู้ที่ไม่สนใจซึ่งไม่ติดตามชมรายการถ่ายทอดสดมีจำนวน ร้อยละ 18.6 ในจำนวนนี้มีการติดตามเฉพาะข่าวผลการแข่งขันทางทีวี นสพ. อินเตอร์เน็ต ร้อยละ 16.7 คิดว่าฟุตบอลลีกไทยยังไม่มีการพัฒนา ยังไม่ได้มาตรฐาน ดูไม่สนุก ร้อยละ 1.7 และไม่มีเวลาชมเพราะต้องทำงานอีก ร้อยละ 0.2 (ดังตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 จำนวนผู้ที่ให้ความสนใจชมกีฬาฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 |
| การชมฟุตบอล | ร้อยละ |
| การติดตามชมฟุตบอล | 81.4 |
| |
| ติดตามชมทุกอาทิตย์ | 21.1 |
| ติดตามชมเฉพาะคู่ใหญ่ๆ เจอกัน | 28.7 |
| ติดตามชมเฉพาะทีมใหญ่ๆ ลงแข่ง | 15.2 |
| ติดตามชมเฉพาะทีมที่เชียร์ | 16.4 | |
| ไม่ติดตามชมการถ่ายทอดสด | 18.6 |
| |
| ติดตามเฉพาะข่าวผลการแข่งขัน ทางทีวี นสพ. อินเทอร์เน็ต | 16.7 |
| ฟุตบอลลีกไทยยังไม่มีการพัฒนา ยังไม่ได้มาตรฐาน ดูไม่สนุก | 1.7 |
| ไม่มีเวลา ต้องทำงาน | 0.2 |
| |
ที่มา : ผลสำรวจเรื่องแฟนบอลคิดอย่างไรกับการพัฒนาฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) อ้างใน http://research.bu.ac.th/poll/result/doc/poll518.pdf
จะเห็นได้ว่าแม้วงการฟุตบอลไทยยังอยู่แค่ในระยะเริ่มต้น แต่ผู้คนที่ให้ความสนใจก็มีจำนวนมาก และได้สะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมายไว้ว่า แฟนบอลส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.6 เชื่อว่าการเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมายจะไม่ช่วยให้ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ โดยให้เหตุผลว่า ประเทศไทยยังมีการบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ ไม่โปร่งใส มีการทุจริต ไม่เหมือนอย่างประเทศอังกฤษ และจะทำให้มีการล้มบอล ล็อคผลการแข่งขันติดสินบนผู้ตัดสิน ในขณะที่ร้อยละ 41.4 (ตารางที่ 2) เชื่อว่าการเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมายน่าจะช่วยได้ โดยให้เหตุผลว่า สามารถนำรายได้มหาศาลเหล่านี้มาพัฒนาฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกได้และทำให้คนสนใจติดตามฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกมากขึ้น โดยในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3 เป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 15-25 ปี (ตารางที่ 3)
ตารางที่ 2 การเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมาย จะช่วยให้ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
พัฒนาได้อย่างรวดเร็วเหมือนพรีเมียร์ลีกในอังกฤษหรือไม่ |
| ประเภท | ร้อยละ |
| เชื่อว่าช่วยได้ | 41.4 |
| เชื่อว่าช่วยไม่ได้ | 58.6 |
|
ที่มา : ผลสำรวจเรื่องแฟนบอลคิดอย่างไรกับการพัฒนาฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) อ้างแล้ว.
ตารางที่ 3 กลุ่มผู้ที่เชื่อว่าการเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมาย จะช่วยให้ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
พัฒนาได้อย่างรวดเร็วเหมือนพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ |
| กลุ่มอายุ | ร้อยละ |
| อายุ 15-25 ปี | 38.7 |
| อายุ 26-35 ปี | 36.0 |
| อายุ 36 ปีขึ้นไป | 25.3 |
|
ที่มา : ผลสำรวจเรื่องแฟนบอลคิดอย่างไรกับการพัฒนาฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) อ้างแล้ว.
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากแนวคิดการเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมาย เพื่อทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในวงการกีฬาชนิดนี้แล้ว อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจก็คือ การส่งเสริมให้คนไทยซื้อบัตรมาเข้าชมและเชียร์ทีมที่ตนเองชื่นชอบ แต่แนวคิดนี้ก็ยังมีปัญหาเพราะแฟนบอลไทยยังชอบตีกัน
การสร้างค่านิยมในการเป็นผู้ชมและเชียร์ที่ดีในหมู่ของแฟนบอลชาวไทยนั้น มีผลต่อความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัย และการตัดสินใจเพื่อซื้อบัตรเข้ารับชมฟุตบอลในสนามกีฬาด้วย ปัญหาแฟนบอลไทยตีกันจึงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข แฟนบอลส่วนใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์ในการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้แฟนบอลตีกัน อันดับแรกพบว่า นักเตะไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่รู้แพ้รู้ชนะ ไม่รับฟังคำตัดสิน ร้อยละ 40.5 รองลงมาคือ การยั่วยุจากกองเชียร์แต่ละฝ่าย ร้อยละ 23.5) และการดื่มสุรา ของมึนเมา ร้อยละ 16.6 (ตารางที 4)
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเพื่อแก้ปัญหาแฟนบอลตีกัน จึงได้แก่ จัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามให้เพียงพอ ร้อยละ 22.7 ห้ามแฟนบอลนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในสนามแข่งขัน ร้อยละ 19.4 และแยกพื้นที่กองเชียร์ออกจากกันให้ชัดเจน ร้อยละ 17.6 (ตารางที่ 5)
ตารางที่ 4 สาเหตุหลักที่ทำให้แฟนบอลตีกัน |
| สาเหตุ | ร้อยละ |
| นักเตะไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่รู้แพ้รู้ชนะ ไม่รับฟังคำตัดสิน | 40.5 |
| การยั่วยุจากกองเชียร์แต่ละฝ่าย | 23.5 |
| การดื่มสุรา ของมึนเมา | 16.6 |
| การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่ได้มาตรฐาน | 15.1 |
| การติดสินบนผู้ตัดสินเพื่อล็อคผลการแข่งขัน | 4.3 | |
ที่มา : ผลสำรวจเรื่องแฟนบอลคิดอย่างไรกับการพัฒนาฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เพิ่งอ้าง.
ตารางที่ 5 สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเพื่อแก้ปัญหาแฟนบอลตีกัน |
| การแก้ปัญหาแฟนบอลตีกัน | ร้อยละ |
| ห้ามแฟนบอลนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในสนามแข่งขัน | 19.4 |
| แยกพื้นที่กองเชียร์ออกจากกันให้ชัดเจน | 17.6 |
| ให้อำนาจตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในสนามฟุตบอล | 13.7 |
| ทีมเจ้าบ้านต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัย ความสงบของแฟนบอลตัวเอง | 12.5 |
| ยกระดับการตัดสินของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสิน | 10.8 |
| ปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐาน มีทางเข้าทางออกที่สะดวก ไม่แคบเกินไป | 3.3 | |
ที่มา : ผลสำรวจเรื่องแฟนบอลคิดอย่างไรกับการพัฒนาฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) อ้างแล้ว.
จะเห็นได้ว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากผู้คนทุกเพศทุกวัย ซึ่งหลายภาคส่วนได้ระดมความคิดเพื่อพัฒนาวงการกีฬาชนิดนี้ให้ได้มาตรฐานสู่วงการลูกหนังระดับโลก ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนาทักษะของผู้เล่นแล้ว เรายังต้องสร้างผู้ชมและเชียร์อย่างมีคุณภาพทั้งความมีน้ำใจ รู้จักการแพ้ชนะ รู้จักการให้อภัย และที่สำคัญคือ ไม่นำกีฬาชนิดนี้ไปแสวงหาผลกำไรโดยการเล่นพนัน |
|
