เมื่อลองนึกย้อนดูแล้วคงแทบจะไม่มีใครจะปฏิเสธได้ว่าในชีวิตไม่เคยเป็นผื่นผิวหนังอักเสบ ด้วยสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่ต้องสัมผัสกับมลพิษ สารเคมีที่อยู่รอบๆ ตัวเราผิวหนังอันเป็นเกราะป้องกันด่านแรกของมนุษย์ที่จะสัมผัสกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงไม่แปลกเลยที่โอกาสการเกิดการแพ้ หรือระคายเคือง กลายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบจะพบได้บ่อยมากขึ้น
โรคผิวหนังอักเสบ เป็นคำเรียกรวมโรคที่มีอาการอักเสบในชั้นผิวหนัง อาการแสดงมีได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆตามสาเหตุของการเกิดโรค ได้แก่
1.โรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากสาเหตุภายนอกร่างกายคือ การเกิดผื่นจากการสัมผัสสารหรือวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของในชีวิตประจำวัน สารเคมี พืช สัตว์หรือแมลงบางชนิด การเกิดผื่นผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส แบ่งได้เป็น 2 กลไก คือ
1.1 สารที่สัมผัสก่อความระคายเคืองต่อผิวหนังจากคุณสมบัติของสารนั้นเอง เช่น สารที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือด่าง สารที่ใช้ในการชำระล้าง ความระคายเคืองจากสารเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดผื่นได้ไม่เลือกบุคคล ผื่นจะเกิดเมื่อผิวหนังไม่สามารถทนต่อความระคายเคืองจากสารเหล่านั้นได้แล้ว เช่น แม่บ้านที่ต้องสัมผัสสารระคายเคืองอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ผงซักฟอกน้ำยาล้างจาน มักจะมีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณที่สัมผัสสารบ่อยๆเช่น มือ หรือเท้า
1.2 สารที่สัมผัสก่อให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ก่อให้เกิดการอักเสบในผิวหนัง โดยสารๆ หนึ่งจะก่อให้เกิดผื่นเฉพาะในบางคนเท่านั้น
2.โรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย เช่นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน เป็นต้นปัจจัยทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย ความเครียด อาจมีผลให้เกิดการเห่อขึ้นของผื่นผิวหนังอักเสบในโรคกลุ่มนี้ ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จึงสามารถมีผื่นเป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรังได้ ปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะสารก่อความระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น สบู่ ผงซักฟอกก็สามารถกระตุ้นการเห่อของผื่น หรือทำให้ผื่นแย่ลงได้
ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีผื่นผิวหนังอักเสบ โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด มีอาการเป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรัง ควรจะปรึกษาแพทย์ผิวหนังทำการวินิจฉัยโรค หาสาเหตุ เพื่อการรักษา และการป้องกันที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : น.พ.คงศักดิ์ สุนทราภาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังจาก Skeyndor Clinic